xs
xsm
sm
md
lg

เปิดกลุ่มเสี่ยงเป้าสังหาร สางแค้น-ล้มคดียึดทรัพย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

** สางแค้น-ล้มคดียึดทรัพย์ สองประเด็นนี้เพียงพอที่จะเป็นมูลเหตุจูงใจให้ นช.ทักษิณ ชินวัตร นำกองกำลังออกมาป่วนเมืองในระหว่างนี้ อันเป็นโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันตัดสินคดีประวัติศาสตร์โคตรโกงของประเทศไทย ยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน
ยิ่งเข้าใกล้วันพิพากษา 26 ก.พ. สถานการณ์ก็ถูกเร่งเร้าหนักยิ่งขึ้น ในแผนร้ายเพื่อให้บ้านเมืองตกอยู่ในความไม่สงบ
กรณีระเบิดกลางกรุงเทพฯ สองรายซ้อนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ก.พ.53 ที่ผ่านมา ทั้งกรณีเหตุระเบิดภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพาณิชยการพระนคร ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล ห่างกันเพียงประมาณ 50 เมตร
และการพบระเบิดซีโฟร์ ขนาด 3 ปอนด์ บริเวณต้นไม้ข้างที่ทำการศาลฎีกา สนามหลวง ซึ่งในบริเวณดังกล่าวเป็นที่ทำการของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่กำลังจะตัดสินคดียึดทรัพย์ นช.ทักษิณ
แน่นอนทุกฝ่ายสันนิษฐานว่า เป็นฝีมือของขบวนการ นช.ทักษิณ ชัวร์ ที่ต้องการส่งระเบิดทั้งสองชนิดออกมาบ่งบอกว่า
**ความรุนแรงกำลังจะติดตามมา
แต่จะถึงขั้นเข้าข่ายวินาศกรรมเพื่อให้แหลกกันไปข้างหรือไม่ อันนี้แม้ยังยืนยันแน่ชัดไม่ได้ แต่ก็มีเค้าความเป็นจริงอยู่มาก เพราะขบวนการ นช.ทักษิณ ต้องการสร้างความกดดันให้รัฐบาลและสังคม โดยสร้างสถานการณ์บ้านเมืองไปสู่วิกฤติทุกด้าน ซึ่งนักโทษหนีคดีอาญาจะกุมความได้เปรียบทันที เมื่อยุทธวิธีป่วนเมืองสัมฤทธิ์ผล
จึงต้องเตือนไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการข่าว ความมั่นคง การดูแลความสงบเรียบร้อย ต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท และต้องไม่หลงกลเชื่อในคำพูดของโจรปล้นชาติ ที่ออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบไม่เกี่ยวข้องถ้าเกิดเหตุวินาศกรรมบ้านเมือง หรือมีเหตุลอบสังหารบุคคลที่เป็นเป้าหมายในช่วงนี้
**แต่ที่แท้ก็คือการ ลับลวงพราง เพราะมีข่าวเชื่อถือได้ระบุว่า การก่อวินาศกรรมและลอบสังหารบุคคลในกลุ่มปฏิปักษ์ทางการเมืองของนักโทษหนีคดีอาญา เป็นแผนการที่วางไว้ลำดับต่อไปก่อนถึงวันพิพากษา
**กลุ่มที่ถูกระบอบทักษิณหมายหัวขึ้นบัญชีดำ-แบล็คลิสต์ รอเอาคืน
**หมายเลขหนึ่งได้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แต่ก็ไม่น่าห่วงที่ความปลอดภัย และลอยตัวไปแล้ว เพราะมีบอดี้การ์ดคุมกันหนาแน่น และยังเปลี่ยนรถกันกระสุนมาใช้คันใหม่ ที่มีทั้งสมรรถนะความเร็วของรถ และระบบการป้องกันที่มีเกราะกันกระสุนปืนและระเบิดที่ดีกว่าของเก่ามาก
แต่กลุ่มเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อของการไล่ล่าเพื่อสางแค้นในลำดับต้นๆ ในบัญชีฆ่าที่น่าเป็นห่วง คือ องค์คณะตุลาการผู้พิจารณาสำนวนคดียึดทรัพย์ 9 คน อันมี นายสมศักดิ์ เนตรมัย ตุลาการเจ้าของสำนวน
ทีมอัยการที่ทำคดียึดทรัพย์ ตั้งแต่ต้นจนจบ อาทิ เสกสรร บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร นันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการฝ่ายช่วยเหลือกฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นต้น
อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยเฉพาะกรรมการที่มีบทบาทในการสอบสวนคดียึดทรัพย์ และการติดตามเส้นทางการเงินที่มีการซุกซ่อนหุ้นชินคอร์ปเอาไว้ในชื่อบุตร และเครือญาติ ทักษิณ จนขายได้เงินมา 7.3 หมื่นล้านบาทโดยไม่เสียภาษี ที่สำคัญเป็นอดีต คตส. ที่ขึ้นเบิกความกลางห้องพิจารณาคดีเพื่อเปิดแผลทักษิณว่าซุกหุ้นชินคอร์ป และใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี เพื่อเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้กับตนเองและครอบครัว
**อาทิ แก้วสรร อติโพธิ, นาม ยิ้มแย้ม, คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา, บรรเจิด สิงคะเนติ, สัก กอแสงเรือง, กล้านรงค์ จันทิก เป็นต้น
พยานฝ่ายผู้ร้องคือ อัยการและพยานที่ศาลออกหมายเรียกมาเบิกความ แล้วเนื้อหาการเบิกความไม่เป็นคุณ แถมยังทำให้ นช.ทักษิณ ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก สุ่มเสี่ยงต่อการจะถูกยึดทรัพย์ ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเป้าลอบสังหาร คือ นายสิทธิชัย โภไคยอุดม อดีต รมว.ไอซีที ในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์
ที่เบิกความการออก พ.ร.ก. ภาษีสรรพสามิตของรัฐบาลทักษิณ ทำให้รัฐเสียหายคิดเป็นเงินมูลค่าเกือบ 6 หมื่นล้านบาท รวมถึงการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือ ที่ทำให้รัฐเสียหายเกือบ 8 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีกรรมการป.ป.ช. อีกหลายคน ที่ก็อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องได้รับการดูแลความปลอดภัยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะป.ป.ช. ผู้กล้าและรักษาไว้ซึ่งความถูกต้องยุติธรรมของบ้านเมือง เช่น
**นายวิชา มหาคุณ ป.ป.ช. ผู้คุมสำนวน เอาผิดนักการเมือง-อดีตข้าราชการตำรวจในเหตุการณ์ 7 ตุลาทมิฬ หรือล่าสุดการเอาผิด นายเสนาะ เทียนทอง และพวกในคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ เป็นต้น
เพราะหลายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เช่น การปาระเบิดผิดบ้าน เพราะคนร้ายเข้าใจผิดคิดว่าเป็นบ้านนายวิชา และวางระเบิดใกล้สำนักงานป.ป.ช. ก็คือสิ่งบอกเหตุแล้วว่าป.ป.ช. คือเป้าหมายอันดับแรกของพวกกลุ่มอำนาจเถื่อน ที่ต้องการเอาคืน
**และยังมีอีกหลายกลุ่มบุคคลที่สุ่มเสี่ยงอยู่ในอันตราย และไว้ใจไม่ได้เช่นกัน สมควรต้องคอยระแวดระวังเป็นพิเศษ เช่น กลุ่มอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ประสานงาน โดยเฉพาะแกนนำผู้มีบทบาทสูงอย่าง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่เคยถูกกราดยิงกลางถนนใจกลางกรุงเทพฯ มาแล้ว
หรือ สุริยะใส กตะศิลา ที่มีบทบาทสูงยิ่งในช่วงการเมืองหัวเลี้ยวหัวต่อเวลานี้ ซึ่งแม้ว่าตอนนี้ผู้หวังดีจะแสดงความเป็นห่วงสุริยะใส ที่มักถูกเอ่ยชื่อถึงบ่อยครั้งในวงเหล้าของ ส.ส.เพื่อไทย ว่าอยากเจอหน้าสักครั้ง ก็ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่หลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้
ต้องย้ำว่า เมื่อมีระเบิดสองลูกสองชนิด ถูกโยนออกมาท้าทายแล้ว ลำดับต่อไปคงไม่ยิงใส่ต้นไม้ หรือทิ้งไว้ข้างรั้วศาลเหมือนเดิมแน่ เพราะหากต้องการให้เกิดแรงกดดันไปสู่รัฐบาล ต้องทำให้เสียเลือดเสียชีวิต เหตุนี้จะทำให้ประชาชนตกอยู่ในสภาพหวาดกลัวไปทุกหย่อมหญ้า ซึ่งจะเป็นแรงเหวี่ยงไปกระทบรัฐบาล
**ดังนั้น การก่อวินาศกรรมในที่ชุมชน และลอบสังหารคนสำคัญ ซึ่ง “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ก็เผลอปากออกมาแล้ว ข่มขู่ไม่รับรองความปลอดภัยในชีวิตของบุพการีของนายกฯ อภิสิทธิ์
ทั้งสองความเลวร้าย- ก่อวินาศกรรม และลอบสังหาร ที่จะมีการสูญเสียเลือดและชีวิต จึงเป็นแผนที่มีความเป็นไปได้สูง สมควรเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น
การที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ตั้งคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง หรือ คตม.ก็เป็นการยืนยันได้ดีว่า ข่าวร้ายเร่งเร้าใกล้เป็นจริงแล้ว แม้ คตม. คลอดออกมายังทันสถานการณ์ ทันเวลาก็ตาม แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะมีประสิทธิภาพรับมือแผนชั่วได้หรือไม่
**ยังน่าหวั่นด้วยว่า คตม. เสียเองหรือเปล่า ที่จะยกขบวนออกไปเปิดประตูเมืองให้โจรเข้ามายึดบ้านเมืองได้อย่างสะดวก? หรือทำการซ้อนแผนล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ เสียเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น