ASTVผู้จัดการรายวัน-วงการค้ามันสำปะหลัง ลือหึ่ง! คนใกล้ตัว “มาร์ค” เรียกรับใต้โต๊ะผู้ประกอบการมัน แลกจี้อคส.จ่ายเงินค้างจ่ายค่าแปรสภาพให้ หลังเข้าร่วมโครงการรับจำนำมันปี 2551/52 รวมกว่า 1.3 พันล้านบาท
รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) จ่ายเงินค้างจ่ายเป็นค่าแปรสภาพมันสำปะหลัง ค่าตรวจสภาพมัน และค่าเช่าโกดังฝากเก็บ ให้กับผู้ประกอบการมัน เช่น ลานมัน โรงงานแป้งมัน โรงงานมันเส้น ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำมันสำปะหลังปี 2551/52 รวมถึงบริษัทตรวจสอบคุณภาพ (เซอร์เวย์) และเจ้าของโกดังฝากเก็บ เป็นวงเงินกว่า 1,300 ล้านบาทตั้งแต่เดือนพ.ย.2551-มิ.ย.2552 เพราะเกรงว่า ผู้ประกอบการเหล่านั้นจะขาดเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อหัวมันสดฤดูกาลใหม่ไปแปรสภาพ จนทำให้เกษตรกรเดือดร้อน และผลผลิตราคาตกต่ำ
ทั้งนี้ อคส. อยู่ระหว่างดำเนินการจ่ายเงินให้กับผู้ประกอบการเหล่านั้น หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งอนุมัติงบประมาณกว่า 4,000 ล้านบาทมาให้ โดยสาเหตุที่จ่ายเงินให้ล่าช้า เป็นเพราะผู้ประกอบการมันสำปะหลังบางรายมีพฤติกรรมทุจริต และถูกกรมสืบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง จึงต้องระงับการจ่าย นอกจากนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอคส.ขาดผู้บริหารระดับสูง ทำให้การบริหารงานขาดความต่อเนื่อง ซึ่งนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพิ่งแต่งตั้งคณะกรรมการอคส. (บอร์ดอคส.) และรักษาการผู้อำนวยการ อคส. เมื่อเร็วๆ นี้ และอยู่ระหว่างดำเนินการจ่าย
อย่างไรก็ตาม วงการค้ามันสำปะหลัง วิพากษ์วิจารณ์ว่า ขณะนี้ คนใกล้ตัวนายกรัฐมนตรีบางคน ได้รับประโยชน์จากการเร่งรัดให้อคส.จ่ายเงินค้างจ่ายให้ผู้ประกอบการเหล่านั้น โดยเฉพาะโรงงานแป้งมันประมาณ 30 ราย ในจ.นครราชสีมา โดยมีการเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะสูงถึงประมาณ 35% ของวงเงินค้างจ่ายของแต่ละราย เพื่อแลกกับการเร่งรัดให้อคส.จ่ายเงินให้
สำหรับโรงงานแป้งมัน ที่อคส.ค้างจ่ายค่าแปรสภาพ คิดเป็นเงิน 736.3 ล้านบาท ค้างค่าตรวจสอบคุณภาพ 3 ล้านบาท และค้างจ่ายค่าฝากเก็บ 3.76 ล้านบาท ขณะที่ค้างจ่ายค่าแปรสภาพมันเส้น เป็นเงิน 558.3 ล้านบาท ค้างค่าตรวจสอบคุณภาพ 18.4 ล้านบาท และค้างค้าฝากเก็บ 34 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,353.76 ล้านบาท ส่วนผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอ มีทั้งสิ้น 25 รายคิดเป็นวงเงินที่ระงับการจ่ายประมาณ 71.7 ล้านบาท
รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) จ่ายเงินค้างจ่ายเป็นค่าแปรสภาพมันสำปะหลัง ค่าตรวจสภาพมัน และค่าเช่าโกดังฝากเก็บ ให้กับผู้ประกอบการมัน เช่น ลานมัน โรงงานแป้งมัน โรงงานมันเส้น ที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำมันสำปะหลังปี 2551/52 รวมถึงบริษัทตรวจสอบคุณภาพ (เซอร์เวย์) และเจ้าของโกดังฝากเก็บ เป็นวงเงินกว่า 1,300 ล้านบาทตั้งแต่เดือนพ.ย.2551-มิ.ย.2552 เพราะเกรงว่า ผู้ประกอบการเหล่านั้นจะขาดเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อหัวมันสดฤดูกาลใหม่ไปแปรสภาพ จนทำให้เกษตรกรเดือดร้อน และผลผลิตราคาตกต่ำ
ทั้งนี้ อคส. อยู่ระหว่างดำเนินการจ่ายเงินให้กับผู้ประกอบการเหล่านั้น หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพิ่งอนุมัติงบประมาณกว่า 4,000 ล้านบาทมาให้ โดยสาเหตุที่จ่ายเงินให้ล่าช้า เป็นเพราะผู้ประกอบการมันสำปะหลังบางรายมีพฤติกรรมทุจริต และถูกกรมสืบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง จึงต้องระงับการจ่าย นอกจากนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอคส.ขาดผู้บริหารระดับสูง ทำให้การบริหารงานขาดความต่อเนื่อง ซึ่งนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพิ่งแต่งตั้งคณะกรรมการอคส. (บอร์ดอคส.) และรักษาการผู้อำนวยการ อคส. เมื่อเร็วๆ นี้ และอยู่ระหว่างดำเนินการจ่าย
อย่างไรก็ตาม วงการค้ามันสำปะหลัง วิพากษ์วิจารณ์ว่า ขณะนี้ คนใกล้ตัวนายกรัฐมนตรีบางคน ได้รับประโยชน์จากการเร่งรัดให้อคส.จ่ายเงินค้างจ่ายให้ผู้ประกอบการเหล่านั้น โดยเฉพาะโรงงานแป้งมันประมาณ 30 ราย ในจ.นครราชสีมา โดยมีการเรียกเก็บเงินใต้โต๊ะสูงถึงประมาณ 35% ของวงเงินค้างจ่ายของแต่ละราย เพื่อแลกกับการเร่งรัดให้อคส.จ่ายเงินให้
สำหรับโรงงานแป้งมัน ที่อคส.ค้างจ่ายค่าแปรสภาพ คิดเป็นเงิน 736.3 ล้านบาท ค้างค่าตรวจสอบคุณภาพ 3 ล้านบาท และค้างจ่ายค่าฝากเก็บ 3.76 ล้านบาท ขณะที่ค้างจ่ายค่าแปรสภาพมันเส้น เป็นเงิน 558.3 ล้านบาท ค้างค่าตรวจสอบคุณภาพ 18.4 ล้านบาท และค้างค้าฝากเก็บ 34 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,353.76 ล้านบาท ส่วนผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอ มีทั้งสิ้น 25 รายคิดเป็นวงเงินที่ระงับการจ่ายประมาณ 71.7 ล้านบาท