"สัณฐาน" ระดมกำลังตำรวจตรวจเข้มช่วง 10 วันอันตราย ด้าน"ลิ่วล้อแม้ว"ยกสารพัดข้ออ้างขอศาลให้ความเป็นธรรมคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน จวก"แก้วสรร"ใช้สมองส่วนไหนคิดทฤษฎี วัวกินหญ้าต้องยึดวัวทั้งตัว ขณะที่ปชป.ปูดเจ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้า"ม้าแดง" ส่งน้ำเลี้ยงให้ป่วนเมือง
วานนี้ (14 ก.พ.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เปิดเผยว่า หลังจากนี้ไปในช่วง 10 วัน ก่อนถึงวันที่ 26 ก.พ.ซึ่งเป็นวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นลานบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะต้องมีการเพิ่มกำลังตำรวจดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ กทม.ให้มากขึ้น พร้อมทั้งได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วย บก.น.1-9 และบก.ตปพ. เพิ่มการตั้งด่านจากที่มีอยู่เดิม 200 จุด โดยเน้นการตรวจค้นบุคคลต้องสงสัย วัตถุต้องสงสัย อาวุธ และวัตถุระเบิดให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งให้ตรวจตราดูแลสถานที่สำคัญๆโดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาล ศาลฏีกา รวมถึงบ้านพักบุคคลสำคัญ ให้เพิ่มกำลังหนาแน่นกว่าเดิม เนื่องจากผู้ที่จะก่อเหตุมักจะอาศัยช่องโหว่ และช่วงที่สบโอกาส
"ดังนั้นหากเพิ่มกำลังให้เต็มพื้นที่ ก็จะสามารถป้องกันได้ โดยในช่วง 10 วันจากนี้ไป จะระดมกำลังตำรวจทุกหน่วยเข้ามาช่วย ไม่เฉพาะฝ่ายสืบสวน ฝ่ายป้องกันและปราบปรามเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ลำพังกำลังตำรวจเองอาจจะดูแลได้ไม่เต็ม ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนด้วย เราเป็นคนไทยด้วยกัน อย่าทำอะไรให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง หากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือบุคคลต้องสงสัยให้แจ้งตำรวจได้ทันที" พล.ต.ท.สัณฐานกล่าว
**"ลิ่วล้อ"สารพัดอ้างแม้วไม่ผิด
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการ คตส. ออกมาพูดถึงทฤษฎี "วัวกินหญ้าต้องยึดวัวทั้งตัว" ว่าไม่รู้ว่านายแก้วสรรเอาสมองส่วนไหนคิด เพราะไม่มีหลักฐานทางกฎหมายรองรับ และไม่สมเหตุสมผล เหมือนศรีธนญชัย กลับชาติมาเกิด เพียงเพื่อต้องการโยงไปถึงคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านของพ.ต.ท.ทักษิณ
นอกจากนี้รัฐบาลยังใช้สื่อของรัฐชี้นำไปในทำนองเดียวกัน เสมือนว่าจะรู้คำตอบในคดี พรรคเพื่อไทยจึงขอตั้งข้อสังเกตว่า
1. กระบวนการยึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มจากการใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจแล้วออกกฎหมายพิเศษตั้งผู้ที่เป็นปฏิปักษ์มาดำเนินการ จึงไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยและขัดต่อหลักกหมายสากล
2.หุ้นที่ขายให้กับกองทุนเทมาเส็กนั้น เป็นหุ้นที่พ.ต.ท.ทักษิณได้มาจากการดำเนินธุรกิจโดยสุจริต ก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
3.ไม่มีกฎหมายห้ามการขายหุ้นของพ.ต.ท.ทักษิณให้กับบุตร และญาติ เมื่อดำเนินการโดยถูกต้องตามกฎของตลาดหลักทรัพย์ก่อนที่พ.ต.ท.ทักษิณจะเข้าสู่การเมือง ต้องถือว่ากรรมสิทธิ์ในหุ้นโอนไปเป็นของผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ซื้อขายแล้ว
4. พ.ต.ท.ทักษิณแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.หลายครั้ง มีการตรวจสอบและรับรองโดยคณะกรรมการป.ป.ช. ซึ่งไม่ปรากฎว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเจ้าของหุ้นดังกล่าวอีกต่อไป
5. การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของราคาหุ้น เป็นไปตามกลไกของตลาด ไม่เกี่ยวกับการที่พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี
6.หุ้นที่ขายให้กองทุนเทมาเส็กกับหุ้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณขายไปก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหุ้นตัวเดียวกันเพียงแต่มีการลดมูลค่าหุ้นลง ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้มาจากการเป็นนายกรัฐมนตรี
7. กระบวนการตรวจสอบของคตส. ขัดต่อหลักความเป็นกลางและหลักนิติธรรม เพราะตั้งบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์เป็นกรรมการคตส.
8. การใช้ประกาศ คปค. มายึดทรัพย์ขัดต่อหลักความเสมอภาค เพราะทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน หลังยึดอำนาจมี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ประกาศใช้อยู่แล้ว การออกประกาศ คปค.มาใช้กับ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นการเฉพาะจึงทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม ดังนั้นหวังว่าศาลจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะผดุงความเป็นธรรม และช่วยให้สังคมเกิดความสงบสุข โดยตัดสินคดีไปโดยสุจริต ยุติธรรม ปราศจากอคติทั้งปวง
**ซัด"มาร์ค" เด็กเลี้ยงแกะ
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงเส้นทาง 3 ช่องทางการเงินสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ขอท้าให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริง เพราะรัฐบาลมีเครื่องมือที่จะตรวจสอบมากมาย สามารถจับกุมได้ไม่ยาก อย่าเล่นละครเพื่อใส่ร้ายกลุ่มคนเสื้อแดง และโยงมาถึงพรรคเพื่อไทย
" 1 ปีที่นายอภิสิทธิ์ บริหารประเทศนอกจากจะไม่สามารถสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นตามที่แถลงนโยบายไว้แล้ว ยังสร้างความแตกแยกให้ขยายวงกว้างในสังคมออกไปอีก เท่ากับเป็นการประจานความล้มเหลวของตัวเอง ดังนั้นในวันที่ 15 ก.พ. เวลา 10.00 น. ผมจะไปยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายอภิสิทธิ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตือนสติว่า ขณะนี้ต่างชาติกำลังมองรัฐบาลว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะแล้ว"นายพร้อมพงศ์กล่าว
**"แม้ว"ทวิตขอผู้มีอำนาจละอคติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา12.30 น. วันที่ 14 ก.พ. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์ ทวิตเตอร์ดอทคอม เนื่องในวันตรุษจีน และวันวาเลนไทน์ ว่า “Happy Valentine Day ครับ ผมขอส่งความรักความปรารถนาดีมายังพี่น้องคนไทยทุกคน ไม่ว่าท่านจะรัก ชอบ เฉยๆ หรือไม่ชอบ หรืออาจเกลียดผมโดยไม่เคยเจอกัน ผมปรารถนาให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียวเหมือนในอดีต ละอคติ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้อำนาจ และผู้มีอิทธิพลต่อบ้านเมือง เพื่อให้ระบบกฎหมายทำหน้าที่ได้"
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังส่งข้อความสั้นหรือเอสเอ็มเอส ไปยังโทรศัพท์มือถือของแฟนคลับคนเสื้อแดงด้วยว่า "ขอส่งความสุข และความรักมายังพี่น้องคนไทยทุกท่านเนื่องในวันแห่งความรักครับ"
**จวกแผนแดงถ่อยป้ายผิดรัฐบาล
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวหารัฐบาลว่าจัดตั้งมวลชนเป็นแดงขม เพื่อออกมาเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ และโยนความผิดให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิดดังกล่าว และไม่มีเหตุอะไรที่จะมาสร้างสถานการณ์
การที่พรรคเพื่อไทย ออกมาปูดข่าวในลักษณะนี้ ก็เพื่อสร้างกระแสและใช้เป็นเกราะให้กับพวกเสื้อแดงที่ชอบใช้ความรุนแรง และโยนความผิดให้กับรัฐบาล ส่วนการที่พรรคเพื่อไทย ออกมาบออกว่าแดงขมนั้น หมายถึงอะไร แต่รู้ว่าแดงเขี้ยวนั้น แกนนำเสื้อแดงที่ชอบหักหัวคิว และอมเงินทอนของนายใหญ่
การเคลื่อนไหวของแกนนำเสื้อแดง วันนี้มี 3 เกลอหัวกลม เป็นแกนนำ แบ่งได้เป็นแดง 3 คือ คือ 1. คอมมิชชั่น 2. คอมมิวนิสต์ และ 3. ฮาร์ทคอร์ ซึ่งหากการเคลื่อนไหวจนเกิดความรุนแรง แดง 3 เกลอ หรือ แดงคอมมิชชั่น จะปฏิเสธความรับผิดชอบ และโยนความรับผิดชอบให้กับแดงฮาร์ทคอร์ และขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็พยายามสร้างความชอบธรรมให้กลุ่มฮาร์ทคอร์ และโยนความผิดให้กับรัฐบาล
"ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง กำลังเผยธาตุแท้ตัวเองว่าต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่ต่อต้านรัฐประหาร ล้มอำมาตย์ และต่อสู้ด้วย 2 มาตราฐาน และวันนี้ชัดเจนคือ ต้องการทวงเงิน 7.6 หมื่นล้านของพ.ต.ท.ทักษิณ" นายเพทไท กล่าว
**ธุรกิจโลโก้"ม้าแดง"ส่งน้ำเลี้ยง
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และโยงไปถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ซึ่งโดยคนเหล่านี้พยายามพาดพิงพล.อ.เปรม แต่พล.อ.เปรม ก็ไม่ลงมาฟ้องร้องเป็นคู่คดี จึงได้ย่ามใจ
ดังนั้น อยากเรียกร้องกลุ่มคนดังกล่าว หากมีข้อมูลจริง ก็ให้นำมาส่งให้กับรัฐบาล เพราะพล.อ.เปรมไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย และนายกฯก็ประกาศชัดเจนว่า จะจัดการกับสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหมด
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า แม้ว่าจะมีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการใช้เงินของกลุ่มคนเสื้อแดง รัฐบาลก็ยืนยันจะให้ความเป็นธรรม โดยเฉพาะมีการร้องเรียนว่ามีการใช้เงินผ่านมูลนิธิด้านโทรคมนาคม และผ่านบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีโลโก้ ม้าแดง ซึ่งเจ้าของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย ซึ่งรัฐบาลก็จะให้ความเป็นธรรม และจะไม่ไปปรักปรำ แต่หากมีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นจริง ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง
วานนี้ (14 ก.พ.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เปิดเผยว่า หลังจากนี้ไปในช่วง 10 วัน ก่อนถึงวันที่ 26 ก.พ.ซึ่งเป็นวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นลานบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะต้องมีการเพิ่มกำลังตำรวจดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ กทม.ให้มากขึ้น พร้อมทั้งได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วย บก.น.1-9 และบก.ตปพ. เพิ่มการตั้งด่านจากที่มีอยู่เดิม 200 จุด โดยเน้นการตรวจค้นบุคคลต้องสงสัย วัตถุต้องสงสัย อาวุธ และวัตถุระเบิดให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งให้ตรวจตราดูแลสถานที่สำคัญๆโดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาล ศาลฏีกา รวมถึงบ้านพักบุคคลสำคัญ ให้เพิ่มกำลังหนาแน่นกว่าเดิม เนื่องจากผู้ที่จะก่อเหตุมักจะอาศัยช่องโหว่ และช่วงที่สบโอกาส
"ดังนั้นหากเพิ่มกำลังให้เต็มพื้นที่ ก็จะสามารถป้องกันได้ โดยในช่วง 10 วันจากนี้ไป จะระดมกำลังตำรวจทุกหน่วยเข้ามาช่วย ไม่เฉพาะฝ่ายสืบสวน ฝ่ายป้องกันและปราบปรามเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ลำพังกำลังตำรวจเองอาจจะดูแลได้ไม่เต็ม ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนด้วย เราเป็นคนไทยด้วยกัน อย่าทำอะไรให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง หากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือบุคคลต้องสงสัยให้แจ้งตำรวจได้ทันที" พล.ต.ท.สัณฐานกล่าว
**"ลิ่วล้อ"สารพัดอ้างแม้วไม่ผิด
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการ คตส. ออกมาพูดถึงทฤษฎี "วัวกินหญ้าต้องยึดวัวทั้งตัว" ว่าไม่รู้ว่านายแก้วสรรเอาสมองส่วนไหนคิด เพราะไม่มีหลักฐานทางกฎหมายรองรับ และไม่สมเหตุสมผล เหมือนศรีธนญชัย กลับชาติมาเกิด เพียงเพื่อต้องการโยงไปถึงคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านของพ.ต.ท.ทักษิณ
นอกจากนี้รัฐบาลยังใช้สื่อของรัฐชี้นำไปในทำนองเดียวกัน เสมือนว่าจะรู้คำตอบในคดี พรรคเพื่อไทยจึงขอตั้งข้อสังเกตว่า
1. กระบวนการยึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มจากการใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจแล้วออกกฎหมายพิเศษตั้งผู้ที่เป็นปฏิปักษ์มาดำเนินการ จึงไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยและขัดต่อหลักกหมายสากล
2.หุ้นที่ขายให้กับกองทุนเทมาเส็กนั้น เป็นหุ้นที่พ.ต.ท.ทักษิณได้มาจากการดำเนินธุรกิจโดยสุจริต ก่อนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
3.ไม่มีกฎหมายห้ามการขายหุ้นของพ.ต.ท.ทักษิณให้กับบุตร และญาติ เมื่อดำเนินการโดยถูกต้องตามกฎของตลาดหลักทรัพย์ก่อนที่พ.ต.ท.ทักษิณจะเข้าสู่การเมือง ต้องถือว่ากรรมสิทธิ์ในหุ้นโอนไปเป็นของผู้ซื้อตั้งแต่วันที่ซื้อขายแล้ว
4. พ.ต.ท.ทักษิณแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.หลายครั้ง มีการตรวจสอบและรับรองโดยคณะกรรมการป.ป.ช. ซึ่งไม่ปรากฎว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเจ้าของหุ้นดังกล่าวอีกต่อไป
5. การเพิ่มขึ้นหรือลดลงของราคาหุ้น เป็นไปตามกลไกของตลาด ไม่เกี่ยวกับการที่พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี
6.หุ้นที่ขายให้กองทุนเทมาเส็กกับหุ้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณขายไปก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหุ้นตัวเดียวกันเพียงแต่มีการลดมูลค่าหุ้นลง ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้มาจากการเป็นนายกรัฐมนตรี
7. กระบวนการตรวจสอบของคตส. ขัดต่อหลักความเป็นกลางและหลักนิติธรรม เพราะตั้งบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์เป็นกรรมการคตส.
8. การใช้ประกาศ คปค. มายึดทรัพย์ขัดต่อหลักความเสมอภาค เพราะทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน หลังยึดอำนาจมี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ประกาศใช้อยู่แล้ว การออกประกาศ คปค.มาใช้กับ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นการเฉพาะจึงทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม ดังนั้นหวังว่าศาลจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะผดุงความเป็นธรรม และช่วยให้สังคมเกิดความสงบสุข โดยตัดสินคดีไปโดยสุจริต ยุติธรรม ปราศจากอคติทั้งปวง
**ซัด"มาร์ค" เด็กเลี้ยงแกะ
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีนพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงเส้นทาง 3 ช่องทางการเงินสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ขอท้าให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริง เพราะรัฐบาลมีเครื่องมือที่จะตรวจสอบมากมาย สามารถจับกุมได้ไม่ยาก อย่าเล่นละครเพื่อใส่ร้ายกลุ่มคนเสื้อแดง และโยงมาถึงพรรคเพื่อไทย
" 1 ปีที่นายอภิสิทธิ์ บริหารประเทศนอกจากจะไม่สามารถสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นตามที่แถลงนโยบายไว้แล้ว ยังสร้างความแตกแยกให้ขยายวงกว้างในสังคมออกไปอีก เท่ากับเป็นการประจานความล้มเหลวของตัวเอง ดังนั้นในวันที่ 15 ก.พ. เวลา 10.00 น. ผมจะไปยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายอภิสิทธิ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตือนสติว่า ขณะนี้ต่างชาติกำลังมองรัฐบาลว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะแล้ว"นายพร้อมพงศ์กล่าว
**"แม้ว"ทวิตขอผู้มีอำนาจละอคติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา12.30 น. วันที่ 14 ก.พ. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์ ทวิตเตอร์ดอทคอม เนื่องในวันตรุษจีน และวันวาเลนไทน์ ว่า “Happy Valentine Day ครับ ผมขอส่งความรักความปรารถนาดีมายังพี่น้องคนไทยทุกคน ไม่ว่าท่านจะรัก ชอบ เฉยๆ หรือไม่ชอบ หรืออาจเกลียดผมโดยไม่เคยเจอกัน ผมปรารถนาให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียวเหมือนในอดีต ละอคติ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้อำนาจ และผู้มีอิทธิพลต่อบ้านเมือง เพื่อให้ระบบกฎหมายทำหน้าที่ได้"
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังส่งข้อความสั้นหรือเอสเอ็มเอส ไปยังโทรศัพท์มือถือของแฟนคลับคนเสื้อแดงด้วยว่า "ขอส่งความสุข และความรักมายังพี่น้องคนไทยทุกท่านเนื่องในวันแห่งความรักครับ"
**จวกแผนแดงถ่อยป้ายผิดรัฐบาล
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวหารัฐบาลว่าจัดตั้งมวลชนเป็นแดงขม เพื่อออกมาเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ และโยนความผิดให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิดดังกล่าว และไม่มีเหตุอะไรที่จะมาสร้างสถานการณ์
การที่พรรคเพื่อไทย ออกมาปูดข่าวในลักษณะนี้ ก็เพื่อสร้างกระแสและใช้เป็นเกราะให้กับพวกเสื้อแดงที่ชอบใช้ความรุนแรง และโยนความผิดให้กับรัฐบาล ส่วนการที่พรรคเพื่อไทย ออกมาบออกว่าแดงขมนั้น หมายถึงอะไร แต่รู้ว่าแดงเขี้ยวนั้น แกนนำเสื้อแดงที่ชอบหักหัวคิว และอมเงินทอนของนายใหญ่
การเคลื่อนไหวของแกนนำเสื้อแดง วันนี้มี 3 เกลอหัวกลม เป็นแกนนำ แบ่งได้เป็นแดง 3 คือ คือ 1. คอมมิชชั่น 2. คอมมิวนิสต์ และ 3. ฮาร์ทคอร์ ซึ่งหากการเคลื่อนไหวจนเกิดความรุนแรง แดง 3 เกลอ หรือ แดงคอมมิชชั่น จะปฏิเสธความรับผิดชอบ และโยนความรับผิดชอบให้กับแดงฮาร์ทคอร์ และขณะที่พรรคเพื่อไทย ก็พยายามสร้างความชอบธรรมให้กลุ่มฮาร์ทคอร์ และโยนความผิดให้กับรัฐบาล
"ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง กำลังเผยธาตุแท้ตัวเองว่าต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่ต่อต้านรัฐประหาร ล้มอำมาตย์ และต่อสู้ด้วย 2 มาตราฐาน และวันนี้ชัดเจนคือ ต้องการทวงเงิน 7.6 หมื่นล้านของพ.ต.ท.ทักษิณ" นายเพทไท กล่าว
**ธุรกิจโลโก้"ม้าแดง"ส่งน้ำเลี้ยง
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และโยงไปถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ซึ่งโดยคนเหล่านี้พยายามพาดพิงพล.อ.เปรม แต่พล.อ.เปรม ก็ไม่ลงมาฟ้องร้องเป็นคู่คดี จึงได้ย่ามใจ
ดังนั้น อยากเรียกร้องกลุ่มคนดังกล่าว หากมีข้อมูลจริง ก็ให้นำมาส่งให้กับรัฐบาล เพราะพล.อ.เปรมไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย และนายกฯก็ประกาศชัดเจนว่า จะจัดการกับสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหมด
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า แม้ว่าจะมีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการใช้เงินของกลุ่มคนเสื้อแดง รัฐบาลก็ยืนยันจะให้ความเป็นธรรม โดยเฉพาะมีการร้องเรียนว่ามีการใช้เงินผ่านมูลนิธิด้านโทรคมนาคม และผ่านบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งมีโลโก้ ม้าแดง ซึ่งเจ้าของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย ซึ่งรัฐบาลก็จะให้ความเป็นธรรม และจะไม่ไปปรักปรำ แต่หากมีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นจริง ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง