“เทพไท” เชื่อ “ปลวกแดง” ป่วนหน้าค่ายทหารหวังยุให้ตบะแตก ก่อนดีเดย์เผด็จศึก 26 ก.พ.นี้ เย้ยไร้ผลแน่ ชี้แก๊งถ่อยบินดูไบรับแต๊ะเอีย “นช.แม้ว” เหมือนประเพณีชิงเปรต ยันคนในรัฐไม่มีใครใฝ่ต่ำปาอึใส่บ้านนายกฯ ปูด “ทักษิณ” จ่าย 3 ล้าน แลกปาขี้แก้เคล็ด หยันเพื่อไทยเหมือนไก่ในเข่งจิกกันเองรอถูกเชือด เย้ย “เหลิม” พิสูจน์ตัวเองในพรรคให้ได้ก่อนฝันเป็นนายกฯ ชมยึดมั่นระบบรัฐสภา ไม่เคยขึ้นเวทีเสื้อแดง ฉะ “จิ๋ว” ยันศาลไทยไม่เหมือนศาลเขมร คงไม่มีญาณพิเศษรู้คำพิพากษา
วันนี้ (3 ก.พ.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยตอต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศเคลื่อนไหวกดดันสถาบันทหารอย่างต่อเนื่องว่า ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของสังคมไทยที่กลุ่ม นปช.นัดชุมนุมหน้าค่ายทหาร ตนคิดว่าเป็นการพยายามยั่วยุให้ทหารตบะแตกและนำไปสู่ความรุนแรง เพื่อให้จบเกมโดยเร็ว โดยคาดว่าวันดีเดย์ของกลุ่ม นปช.คือวันที่ 26 ก.พ. ซึ่งเป็นวันสำคัญที่จะเผด็จศึกล้มรัฐบาลให้ได้ แต่ตนคิดว่ารัฐบาลและทหารคงจะไม่ตกหลุมพรางของคนเสื้อแดง โดยจะไม่ตอบโต้และใช้ความรุนแรง เพื่อให้ถูกใช้เป็นเงื่อนไขในการชุมนุมใหญ่แน่นอน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า มีแกนนำ นปช.บางส่วนได้เดินทางไปนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต จึงมีการตั้งข้อสังเกตจากหลายฝ่ายว่าจะเป็นการไปรับแผนอะไรบางอย่างจากนายใหญ่หรือไม่ แต่หากมองโลกในแง่ดีก็มองได้ว่าถือโอกาสไปรับแต๊ะเอีย อั่งเป่าในช่วงตรุษจีน เพราะที่ผ่านมาในหลายเทศกาล ทั้งงานทำบุญเดือนสิบ เทศกาลชิงเปรต กลุ่มคนเหล่านี้ก็บินไปขอส่วนบุญส่วนกุศลถึงนครดูไบ เพราะเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาก็มีการแจกนาฬิกาปาเต๊ะฟินลิป และรถกระบะฟีโก้ไปแล้ว ดังนั้น หลังจากนี้ไปยังมีช่วงเทศกาลตรุษจีน เชงเม้ง และสงกรานต์ คาดว่าก็อาจจะมีการบินไปรับกันอีก ซึ่งหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เห็นแก่ความสงบของชาติบ้านเมืองก็ควรจะส่งสัญญาณให้แกนนำเสื้อแดงยุติการกดดันเคลื่อนไหวที่จะใช้ความรุนแรง เหมือนกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประกาศจุดยืนว่าต้องการให้มีการชุมนุมอย่างสงบ โดยยึดหลักสันติอหิงสาตามแบบอย่างของมหาตม คานธี
นายเทพไทยังกล่าวถึงกรณีการปาสิ่งปฏิกูลเข้าไปในบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าได้มีการตรวจสอบแล้วว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงจากบุคคลกลุ่มหนึ่ง แต่น่าแปลกใจก็คือ มีคนจากพรรคเพื่อไทยและแกนนำ นปช.พยายามออกมาสร้างเรื่องป้ายสีมายังรัฐบาลว่ากรณีนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลทำเองหรือไม่ จึงขอเรียนว่ายืนยันว่า คนในรัฐบาลไม่มีใครที่มีจิตใจใฝ่ต่ำต้องออกมาสร้างสถานการณ์ดังกล่าวเพื่อเรียกร้องความสนใจ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล และทำให้รัฐบาลได้รับความเสียหาย จึงไม่มีเหตุจำเป็นใดๆ ที่ต้องกระทำเพื่อสร้างเรื่องขอความเห็นใจ แต่ส่วนตัวคิดว่าการก่อเหตุดังกล่าวกระแสสังคมไทยโดยรวมรับไม่ได้กับพฤติกรรมต่ำช้า ป่าเถื่อนเช่นนี้ จึงทำให้มีคะแนนสงสารในตัวนายกฯ เพิ่มมากขึ้น ที่สุดคนเหล่านี้ก็พยายามปฏิเสธความรับผิดชอบว่าไม่ใช่ฝีมือของพวกกลุ่ม นปช. โดยโยนไปว่าเป็นมือที่ 3 มือที่ 2 เป็นคนทำ จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาดูแล้วเหมือนกับเหตุการณ์ช่วงสงกรานต์เลือดเมื่อเดือน เม.ย. 52 ที่กลุ่ม นปช.นัดชุมนุม และมีคนกลุ่มหนึ่งไปเผารถเมล์ ยิงชาวบ้านย่านนางเลิ้ง และยิงมัสยิดในซอยกิ่งเพชร ซึ่งคนเหล่านี้ก็ปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยโยนว่าเป็นมือที่ 3 หรือพวกแดงเทียมบ้าง ทั้งหมดเป็นพฤติกรรมถาวรของคนเหล่านี้ที่ทำแล้วโยนความผิดให้ผู้อื่น ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยคิดกระทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ เหมือนในรัฐบาลยุคทักษิณที่เกิดปรากฎการณ์คาร์บ๊องเกิดขึ้น เพื่อเรียกร้องความสนใจ
“ผมคิดว่าถ้าสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือคนเสื้อแดงต้องการรู้ความจริงทั้งหมดก็น่าจะไปถามพ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ที่หลงงมงายในเรื่องไสยศาสตร์ว่า มีการจ้างคนในวงเงิน 3 ล้านบาท ให้ไปปาสิ่งปฏิกูลใส่บ้านนายกฯ เพื่อให้แก้เคล็ดทางการเมืองจริงหรือไม่ และจริงหรือไม่ที่มีบางคนถึงกับไปปรึกษาหมอดูว่า จะให้ทำอย่างไรให้นายกฯ อภิสิทธิ์ลงจากเก้าอี้ให้ได้ และมีคำแนะนำจากหมอดูว่า ต้องเอาสิ่งปฏิกูลไปปาบ้านนายกฯ เพื่อแก้เคล็ดให้นายกฯ หลุดจากเก้าอี้นี้ ถ้าอยากรู้เรื่องนี้จริงๆ ขอให้ไปถามตัวพ.ต.ท.ทักษิณที่ดูไบ จะได้คำตอบที่ดีกว่า” นายเทพไทกล่าว
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทยระหว่างคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กับร.ต.อ.เฉลิม อยู่ยำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่าไม่ทราบว่าเป็นเรื่องจริง หรือเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมา แต่คิดว่าจากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยวันนี้เหมือนไก่ตรุษจีนที่อยู่เข่งเดียวกัน และกำลังจิกกันเอง รอเพียงเถ้าแก่จะเอาไปเชือดเพื่อไหว้เจ้าหรือไม่ ดังนั้น ชะตากรรมของไก่ในเข่ง จึงอยู่ที่เถ้าแก่ว่าจะชุบเลี้ยงเพื่อขุนต่อ หรือจะรอให้ถูกเชือด ที่น่าเห็นใจคือ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นคนที่ทำงานให้พรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดน่าที่จะยอมรับได้ ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิมต้องพยายามทำความจริงกรณีนี้ให้ปรากฏขึ้นว่าตัวเองได้ทำงานจนเป็นที่ยอมรับของคนพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ถ้าไม่สามารถทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยยอมรับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอชื่อ ร.ต.อ.เฉลิมให้เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 ของ รัฐธรรมนูญ ดังนั้น ร.ต.อ.เฉลิมต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่าได้รับความไว้วางใจจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทยมากน้อยเพียงใด ซึ่งหาก ร.ต.อ.เฉลิมยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ ก็อย่าฝันที่จะไปนั่งตำแหน่งนายกฯ ที่เคยประกาศว่าจะขอเป็นแค่ 6 เดือนแล้วจะนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทย ตนขอเตือนว่าอย่าฝันตอนกลางวันว่าจะอยู่ต่อ 6 เดือนแล้วนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทย
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ส่วนตัวเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่มีบุคลากรเพียงพอที่จะมีตัวชูโรงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็จำเป็นต้องใช้ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นแม่ทัพต่อไป เห็นได้จากการที่ ร.ต.อ.เฉลิมน้อยเนื้อต่ำใจประกาศลาออกจากทุกตำแหน่ง แต่ในที่สุดมติของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ยังอุ้ม ร.ต.อ.เฉลิมให้ทำหน้าที่นี้ต่อไป จึงเกิดภาพในลักษณะเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง เรายืนยันว่า ต้องการให้พรรคเพื่อไทยมีผู้นำที่แท้จริง และจำเป็นต้องใช้ ร.ต.อ.เฉลิมเป็นแม่ทัพต่อไป และต้องขอยกย่องว่า ร.ต.อ.เฉลิมทำงานหนักให้พรรคเพื่อไทยโดยตลอด ซึ่งหากส.ส.เพื่อไทยเห็นพ้องก็ควรจะสนับสนุน ร.ต.อ.เฉลิม เพราะจุดแข็งคือ เป็นนักการเมืองที่ยึดมั่นในระบบรัฐสภา และการชุมนุมของเสื้อแดงทุกครั้ง ร.ต.อ.เฉลิม ไม่เคยขึ้นไปพูดบนเวทีเสื้อแดง เลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เหมือนบางคนที่เป็นถึงรองประธานสภาฯ หรือ ส.ส.พรคเพื่อไทย ที่เคยขึ้นปราศรัยบนเวทีของคนเสื้อแดง แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิม ต้องพิสูจน์ตัวเอง และไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยแตกเป็นกลุ่ม เป็นก๊ก เป็นเหล่า จนไม่สามารถทำงานตรวจสอบรัฐบาลในระบบรัฐสภาได้ จึงขอเรียกร้อง ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ออกเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนเสื้อแดงนอกสภาฯ หันมาร่วมมือในเวทีสภาฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุถึงกรณีคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ 7.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าศาลจะคืนเงินบางส่วนให้นั้น จะถือเป็นการชี้นำศาลหรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่า พล.อ.ชวลิต มีญาณวิเศษหรือไม่ เพราะหลายครั้งได้พูดออกมาเหมือนล่วงรู้คำพิพากษา แม้กระทั่งคำพิพากษาของศาลกัมพูชากรณีนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรคนไทยที่ถูกศาลกัมพูชาจับ ก็ล่วงรู้ก่อน โดยทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เชื่อว่าคำพิพากษาของศาลไทยจะแตกต่างกับศาลของกัมพูชาแน่นอน จึงไม่รู้ว่าล่วงรู้จริงๆ หรือรู้แบบตีปลาหน้าไซกันแน่
เมื่อถามว่า ถือเป็นการกดดันศาลหรือส่งสัญญาณให้กลุ่มนปช.ชุมนุมกดดันหนักขึ้นหรือไม่ นายเทพไทกล่าวว่า กลุ่ม นปช.และส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็เคลื่อนไหวในลักษณะกดดันศาลตลอด แต่ใช้รูปแบบต่างกัน เช่น คนเสื้อแดงไปกดดัน ณ ที่ทำการศาล คนบ้านเลขที่ 111 ออกมากดดันผ่านความเห็นทางกฎหมาย พล.อ.ชวลิตออกมาให้ความเห็นในเชิงสร้างกระแสเรื่องคำพิพากษา เมื่อถามย้ำว่า โฆษกรัฐบาลได้ออกมาระบุว่าในเดือนก.พ.จะมีกองกำลังติดอาวุธ ออกมาใช้ความรุนแรง พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการประเมินสถานการณ์อย่างไร นายเทพไท กล่าวว่า เราได้ติดตามมาโดยตลอด และได้ประมวลจากคำประกาศของแกนนำ นปช.และส.ส.พรรคเพื่อไทยบนเวทีเสื้อแดงที่ พูดย้ำหลายครั้งว่าตายเป็นตาย และจะไม่ถอยอีกแล้ว และจะไม่เข้าคุก จึงคาดว่าน่าจะเป็นการส่งสัญญาณและคนเหล่านี้เองก็มีความพร้อมในการลงมือ เพราะมีการอบรมสัมมนาในการต่อต้านรัฐประหาร โดยมีการฝึกฝนวิธีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงในการชุมนุม