ASTVผู้จัดการรายวัน-"การเมืองใหม่" สนุนกองทัพเข้มแข็งเป็นปึกแผ่น เชื่อ "เสธ.แดง" ตกอยู่ในภาวะอันตรายถึงขั้น"กำจัดจุดอ่อน" ด้วยมือที่มองไม่เห็น จี้เปิดข้อมูลเชิงลึกชัดเจนให้ผู้เกี่ยวข้องป้องกัน ชี้กรณี "นช.แม้ว" เตรียมต่อสู้เรื่องยึดทรัพย์ในศาลโลก สะท้อนถึงความไม่รู้ ระบุเป็นความผิดในการทำงานไม่เกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างประเทศ หนุนส.ว.เดินหน้าถอดถอน "ชายจืด"
วานนี้ ( 31 ม.ค.) ที่ทำการพรรคการเมืองใหม่ ถ.พระสุเมรุ ย่านสะพานวันชาติ นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ แถลงท่าทีของพรรคประจำสัปดาห์ ถึงการออกมาการแสดงพลังของทหารในกองทัพบกว่า แม้เหตุผลข้อเท็จจริงจะยังไม่กระจ่างชัดนัก แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่าการออกมาแสดงพลังปกป้องกองทัพ ปกป้องผู้บังคับบัญชา คัดค้านนายทหารนอกรีต และปกป้องชาติ ของหน่วยทหารทุกกองทัพภาคในช่วง 2-3วันที่ผ่านมานั้น ยืนอยู่บนเจตนาดีต่อบ้านเมือง เป็นเรื่องที่ควรชื่นชมมากกว่าด่าทอหรือตำหนิ
ทั้งนี้ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกองทัพขณะนี้ ต้นเหตุสำคัญเกิดจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่เป็นเอกภาพ ไม่เด็ดขาด ปล่อยให้ปัญหาสะสม กระทั่งเกิดกรณียิงถล่มบก.ทบ. เมื่อ 14 ม.ค.53 จึงพบกับภาคบังคับว่าต้องกระทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อรักษาหน้าตา ศักดิ์ศรี ของกองทัพไว้
อย่างไรก็ตาม การออกมาแสดงพลังของหน่วยต่างๆในกองทัพบก อย่างน้อยน่าจะมี 3 กรณีเชื่อมโยงกันคือ 1. ตอบโต้ บอยคอต พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง 2. แสดงความเป็นเอกภาพในกองทัพบก สื่อให้เห็นว่าผู้นำกองทัพยังเข้มแข็ง และ3. มีนัยยะทางการเมือง เพื่อกดดันความฮึกเหิมก้าวร้าวเกินขอบเขตของคนเสื้อแดง
"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พรรคการเมืองใหม่เรียกร้อง-สนับสนุนให้กองทัพเข้มแข็งเป็นปึกแผ่น ผู้นำหน่วย ผู้นำกองทัพต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในทุกด้าน ไม่เปิดช่องให้ลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาใช้เป็นเงื่อนไขแบล็คเมล์ ต่อรองอย่างในปัจจุบัน"
นายสำราญ กล่าวด้วยว่า ข้อเรียกร้องและคำเตือนภัยถึง เสธ.แดง ที่ได้พูดจา และให้สัมภาษณ์ข่มขู่ไม่ต่ำกว่าสองครั้งว่า อาจจะมีการทำร้าย ลอบสังหารผู้พิพากษา, ป.ป.ช. ,คตส.และก่อนหน้านี้ได้ระบุในเว็บไชต์ของตัวเองว่า นายทหารจากกรมทหารราบแห่งหนึ่งเป็นคนยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อ 17 เม.ย.52
ดังนั้น คำเตือนเรื่องการลอบสังหารบุคคลต่างๆ ของเสธ.แดง ในสถานการณ์ที่การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของระบอบทักษิณ–คนเสื้อแดง เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ไม่ควรมองข้าม เพราะการต่อสู้ครั้งนี้พวกเขาจะสร้างเงื่อนไขทุกอย่างให้เกิดความปั่นป่วนขึ้น
"พฤติการณ์ของเสธ.แดงในขณะนี้ยิ่งตอกย้ำว่า เขาไม่ได้ให้ความเคารพ ไม่เห็นหัว ไม่ให้คุณค่าต่อผู้บังคับบัญชา เป็นการตอกย้ำความล้มเหลวของผู้นำกองทัพ แต่อย่างไรก็ตามพฤติการณ์หลุดโลกเช่นนี้ มีความเป็นไปได้ไม่น้อยว่า ในที่สุดเสธ.แดง เองก็จะตกอยู่ในภาวะอันตรายเช่นเดียวกัน อาจจะมีการ “กำจัดจุดอ่อน”ของกองทัพด้วยมือที่มองไม่เห็น"
นายสำราญ กล่าวว่า พรรคการเมืองใหม่ ขอเรียกร้อง-เสนอเพิ่มเติมดังนี้
1. กองทัพบก กระทรวงกลาโหม ต้องเร่งดำเนินการเอาผิด หรือจัดระเบียบเสธ.แดงให้รวดเร็วขึ้น 2. เสธ.แดงควรจะเปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจนว่า ใคร ฝ่ายไหนจะลอบสังหารบุคคลสำคัญในองค์กรต่างๆ และ3. เช่นเดียวกับกรณีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล หากเสธ.แดง เป็นนักรบที่รักความถูกต้องความยุติธรรม ก็ควรจะแฉให้หมดเปลือกว่า ใครมอบหมายสั่งการ ใช้ทหารหน่วยไหนปฏิบัติการ
"ตราบใดที่เสธ.แดงไม่พูดจาให้สิ้นกระแสความหรือให้ชัดเจน ก็จะถูกมองว่าเป็นนักแบล็คเมล์ นักต่อรอง โดยใช้เครื่องแบบทหารเป็นเครื่องมือเท่านั้น" นายสำราญกล่าว
**ชี้แม้วสู้ศาลโลกสะท้อนความไม่รู้กม.
นายสุริยะใส กล่าวว่า กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มคนเสื้อแดง ประกาศตัวเองว่าเป็นนักประชาธิปไตย ชูธงต่อต้านการรัฐประหารว่า เป็นความเข้าใจผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะต้องยอมรับความจริงว่า การรัฐประหารเป็นปลายเหตุของบ้านเมือง ถ้าเป็นนักประชาธิปไตยจริง พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องลดเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร ไม่ใช่ปลุกกระแสประณามการรัฐประหาร ทั้งที่ยังไม่เกิดขึ้น
"อยากเรียกร้องไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ระบุกับต่างชาติว่าประเทศไทยเศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้นตัว เพราะปัญหาทางการเมืองกำลังค่อยๆ แก้ไข จึงเห็นว่านายกรัฐมนตรีควรพูดความจริงว่า วิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองไม่ทำให้ประเทศพัฒนาไปมากกว่านี้ ตราบใดที่ยังมีกระแสเรื่องการปฏิวัติอยู่ ยังปล่อยให้ทหารออกมาคุกคามสังคมอยู่ การเมืองไม่มีเสถียรภาพ ส่วนแผนลอบสังหารที่เป็นข่าวขณะนี้ ไม่อยากให้รัฐบาลประมาท เพราะการพูดของพล.ต.ขัตติยะ มีนัยสำคัญ รัฐบาลต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าว" นายสุริยะใสกล่าว
ส่วนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมพร้อมต่อสู้ในศาลโลก เรื่องการยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทนั้นเป็นการสะท้อนถึงความไม่รู้กฎหมาย เพราะคดีดังกล่าวเป็นเรื่องความผิดในการบริหารราชการ ไม่เกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างประเทศ
สำหรับกรณี นปช.-คนเสื้อแดง ชุมนุมที่หน้า บก.ทบ.เมื่อ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อประกาศต่อต้านรัฐประหาร และวันที่ 2 ก.พ. จะเดินทางไปชุมนุมที่กองทัพอากาศ นับเป็น “เรื่องตลก” มากที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะโดยแท้จริงแล้วฝ่ายระบอบทักษิณต่างหากที่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองปั่นป่วน เพื่อจะได้เกิดการรัฐประหาร เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
กรณีดังกล่าวจึงเป็นการยั่วยุกองทัพให้สติแตก เพื่อจะได้เข้าทางการคเลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ซึ่งรัฐบาล –กองทัพ คงจะรับทราบจากการข่าวเป็นอย่างดี จึงไม่ตกหลุมพราง
อย่างไรก็ตาม การตั้งรับโดยปล่อยให้กองทัพถูกเย้ยหยาม ประธานองคมนตรีถูกจิกหัวด่า และถ่ายทอดสดออกโทรทัศน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการแก้ไขโดยด่วน ก่อนที่กำลังพล หรือประชาชนที่ทนไม่ได้ จะออกมาต่อสู้ด้วยตนเองเพราะหวังจากกองทัพ–รัฐบาลไม่ได้
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า มีความเป็นไปได้หลายทาง ได้แก่ 1. การยุบสภา แต่นายกฯและพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่อยากให้ยุบสภา พวกเขาเลือกที่จะอยู่กันไปอีกอย่างน้อย 1 ปีงบประมาณ ประสานผลประโยชน์ เกลี่ยงบประมาณ
2. พลิกขั้วรัฐบาลหรือตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งฝ่ายระบอบทักษิณ พยายามเดินเกมให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พลิกขั้วให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ต่อมาพยายามเสนอสูตรรัฐบาลแห่งชาติ ให้ทุกพรรคร่วมเป็นรัฐบาล ออกกฎหมายนิรโทษกรรมทุกฝ่าย แต่ก็ยังไม่มีเสียงขานรับ
3. รัฐประหาร คนเสื้อแดงยั่วยุให้เกิดการรัฐประหาร ล้มกระดาน แนวโน้มก็ไม่สำเร็จ 4. ป่วนเมืองให้เกิดจลาจล ก็มีความเป็นไปได้ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การปราบกวาดคนก่อเหตุครั้งใหญ่ หรือรัฐบาลปัจจุบันบริหารต่อไป หรือมีรัฐบาลใหม่
**ชื่นชมส.ว.เดินหน้าถอดถอน"ชายจืด"
นายสำราญ กล่าวด้วยว่า พรรคการเมืองใหม่ ขอแสดงความชื่นชมต่อวุฒิสภา โดยเฉพาะบรรดาส.ว.ที่ลงมติด้วยคะแนน 41 ต่อ 37 (งดออกเสียง 19) ให้เดินหน้าถอดถอนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ อันเนื่องจากกรณีการสลายการชุมนุม 7 ตุลา 51 ซึ่งป.ป.ช.ได้ดำเนินการส่งเรื่องไปยังวุฒิสภา และวุฒิสภาได้ประชุมเมื่อ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แม้นายสมชายจะพ้นจากตำแหน่งนายกฯแล้ว แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 274 วรรคสอง ยังได้ระบุโทษห้ามรับตำแหน่งทางการเมืองอีก 5 ปี ดังนั้น กรณีนี้เป็นกรณีแรกของการถอดถอน ที่น่าศึกษาน่าติดตาม
วานนี้ ( 31 ม.ค.) ที่ทำการพรรคการเมืองใหม่ ถ.พระสุเมรุ ย่านสะพานวันชาติ นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ แถลงท่าทีของพรรคประจำสัปดาห์ ถึงการออกมาการแสดงพลังของทหารในกองทัพบกว่า แม้เหตุผลข้อเท็จจริงจะยังไม่กระจ่างชัดนัก แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่าการออกมาแสดงพลังปกป้องกองทัพ ปกป้องผู้บังคับบัญชา คัดค้านนายทหารนอกรีต และปกป้องชาติ ของหน่วยทหารทุกกองทัพภาคในช่วง 2-3วันที่ผ่านมานั้น ยืนอยู่บนเจตนาดีต่อบ้านเมือง เป็นเรื่องที่ควรชื่นชมมากกว่าด่าทอหรือตำหนิ
ทั้งนี้ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกองทัพขณะนี้ ต้นเหตุสำคัญเกิดจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่เป็นเอกภาพ ไม่เด็ดขาด ปล่อยให้ปัญหาสะสม กระทั่งเกิดกรณียิงถล่มบก.ทบ. เมื่อ 14 ม.ค.53 จึงพบกับภาคบังคับว่าต้องกระทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อรักษาหน้าตา ศักดิ์ศรี ของกองทัพไว้
อย่างไรก็ตาม การออกมาแสดงพลังของหน่วยต่างๆในกองทัพบก อย่างน้อยน่าจะมี 3 กรณีเชื่อมโยงกันคือ 1. ตอบโต้ บอยคอต พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง 2. แสดงความเป็นเอกภาพในกองทัพบก สื่อให้เห็นว่าผู้นำกองทัพยังเข้มแข็ง และ3. มีนัยยะทางการเมือง เพื่อกดดันความฮึกเหิมก้าวร้าวเกินขอบเขตของคนเสื้อแดง
"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พรรคการเมืองใหม่เรียกร้อง-สนับสนุนให้กองทัพเข้มแข็งเป็นปึกแผ่น ผู้นำหน่วย ผู้นำกองทัพต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในทุกด้าน ไม่เปิดช่องให้ลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาใช้เป็นเงื่อนไขแบล็คเมล์ ต่อรองอย่างในปัจจุบัน"
นายสำราญ กล่าวด้วยว่า ข้อเรียกร้องและคำเตือนภัยถึง เสธ.แดง ที่ได้พูดจา และให้สัมภาษณ์ข่มขู่ไม่ต่ำกว่าสองครั้งว่า อาจจะมีการทำร้าย ลอบสังหารผู้พิพากษา, ป.ป.ช. ,คตส.และก่อนหน้านี้ได้ระบุในเว็บไชต์ของตัวเองว่า นายทหารจากกรมทหารราบแห่งหนึ่งเป็นคนยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อ 17 เม.ย.52
ดังนั้น คำเตือนเรื่องการลอบสังหารบุคคลต่างๆ ของเสธ.แดง ในสถานการณ์ที่การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของระบอบทักษิณ–คนเสื้อแดง เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ไม่ควรมองข้าม เพราะการต่อสู้ครั้งนี้พวกเขาจะสร้างเงื่อนไขทุกอย่างให้เกิดความปั่นป่วนขึ้น
"พฤติการณ์ของเสธ.แดงในขณะนี้ยิ่งตอกย้ำว่า เขาไม่ได้ให้ความเคารพ ไม่เห็นหัว ไม่ให้คุณค่าต่อผู้บังคับบัญชา เป็นการตอกย้ำความล้มเหลวของผู้นำกองทัพ แต่อย่างไรก็ตามพฤติการณ์หลุดโลกเช่นนี้ มีความเป็นไปได้ไม่น้อยว่า ในที่สุดเสธ.แดง เองก็จะตกอยู่ในภาวะอันตรายเช่นเดียวกัน อาจจะมีการ “กำจัดจุดอ่อน”ของกองทัพด้วยมือที่มองไม่เห็น"
นายสำราญ กล่าวว่า พรรคการเมืองใหม่ ขอเรียกร้อง-เสนอเพิ่มเติมดังนี้
1. กองทัพบก กระทรวงกลาโหม ต้องเร่งดำเนินการเอาผิด หรือจัดระเบียบเสธ.แดงให้รวดเร็วขึ้น 2. เสธ.แดงควรจะเปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจนว่า ใคร ฝ่ายไหนจะลอบสังหารบุคคลสำคัญในองค์กรต่างๆ และ3. เช่นเดียวกับกรณีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล หากเสธ.แดง เป็นนักรบที่รักความถูกต้องความยุติธรรม ก็ควรจะแฉให้หมดเปลือกว่า ใครมอบหมายสั่งการ ใช้ทหารหน่วยไหนปฏิบัติการ
"ตราบใดที่เสธ.แดงไม่พูดจาให้สิ้นกระแสความหรือให้ชัดเจน ก็จะถูกมองว่าเป็นนักแบล็คเมล์ นักต่อรอง โดยใช้เครื่องแบบทหารเป็นเครื่องมือเท่านั้น" นายสำราญกล่าว
**ชี้แม้วสู้ศาลโลกสะท้อนความไม่รู้กม.
นายสุริยะใส กล่าวว่า กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มคนเสื้อแดง ประกาศตัวเองว่าเป็นนักประชาธิปไตย ชูธงต่อต้านการรัฐประหารว่า เป็นความเข้าใจผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะต้องยอมรับความจริงว่า การรัฐประหารเป็นปลายเหตุของบ้านเมือง ถ้าเป็นนักประชาธิปไตยจริง พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องลดเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร ไม่ใช่ปลุกกระแสประณามการรัฐประหาร ทั้งที่ยังไม่เกิดขึ้น
"อยากเรียกร้องไปถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ระบุกับต่างชาติว่าประเทศไทยเศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้นตัว เพราะปัญหาทางการเมืองกำลังค่อยๆ แก้ไข จึงเห็นว่านายกรัฐมนตรีควรพูดความจริงว่า วิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองไม่ทำให้ประเทศพัฒนาไปมากกว่านี้ ตราบใดที่ยังมีกระแสเรื่องการปฏิวัติอยู่ ยังปล่อยให้ทหารออกมาคุกคามสังคมอยู่ การเมืองไม่มีเสถียรภาพ ส่วนแผนลอบสังหารที่เป็นข่าวขณะนี้ ไม่อยากให้รัฐบาลประมาท เพราะการพูดของพล.ต.ขัตติยะ มีนัยสำคัญ รัฐบาลต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าว" นายสุริยะใสกล่าว
ส่วนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมพร้อมต่อสู้ในศาลโลก เรื่องการยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทนั้นเป็นการสะท้อนถึงความไม่รู้กฎหมาย เพราะคดีดังกล่าวเป็นเรื่องความผิดในการบริหารราชการ ไม่เกี่ยวกับข้อพิพาทระหว่างประเทศ
สำหรับกรณี นปช.-คนเสื้อแดง ชุมนุมที่หน้า บก.ทบ.เมื่อ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อประกาศต่อต้านรัฐประหาร และวันที่ 2 ก.พ. จะเดินทางไปชุมนุมที่กองทัพอากาศ นับเป็น “เรื่องตลก” มากที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะโดยแท้จริงแล้วฝ่ายระบอบทักษิณต่างหากที่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองปั่นป่วน เพื่อจะได้เกิดการรัฐประหาร เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
กรณีดังกล่าวจึงเป็นการยั่วยุกองทัพให้สติแตก เพื่อจะได้เข้าทางการคเลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ซึ่งรัฐบาล –กองทัพ คงจะรับทราบจากการข่าวเป็นอย่างดี จึงไม่ตกหลุมพราง
อย่างไรก็ตาม การตั้งรับโดยปล่อยให้กองทัพถูกเย้ยหยาม ประธานองคมนตรีถูกจิกหัวด่า และถ่ายทอดสดออกโทรทัศน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องดำเนินการแก้ไขโดยด่วน ก่อนที่กำลังพล หรือประชาชนที่ทนไม่ได้ จะออกมาต่อสู้ด้วยตนเองเพราะหวังจากกองทัพ–รัฐบาลไม่ได้
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า มีความเป็นไปได้หลายทาง ได้แก่ 1. การยุบสภา แต่นายกฯและพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่อยากให้ยุบสภา พวกเขาเลือกที่จะอยู่กันไปอีกอย่างน้อย 1 ปีงบประมาณ ประสานผลประโยชน์ เกลี่ยงบประมาณ
2. พลิกขั้วรัฐบาลหรือตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งฝ่ายระบอบทักษิณ พยายามเดินเกมให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พลิกขั้วให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำอีกครั้ง แต่ไม่สำเร็จ ต่อมาพยายามเสนอสูตรรัฐบาลแห่งชาติ ให้ทุกพรรคร่วมเป็นรัฐบาล ออกกฎหมายนิรโทษกรรมทุกฝ่าย แต่ก็ยังไม่มีเสียงขานรับ
3. รัฐประหาร คนเสื้อแดงยั่วยุให้เกิดการรัฐประหาร ล้มกระดาน แนวโน้มก็ไม่สำเร็จ 4. ป่วนเมืองให้เกิดจลาจล ก็มีความเป็นไปได้ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การปราบกวาดคนก่อเหตุครั้งใหญ่ หรือรัฐบาลปัจจุบันบริหารต่อไป หรือมีรัฐบาลใหม่
**ชื่นชมส.ว.เดินหน้าถอดถอน"ชายจืด"
นายสำราญ กล่าวด้วยว่า พรรคการเมืองใหม่ ขอแสดงความชื่นชมต่อวุฒิสภา โดยเฉพาะบรรดาส.ว.ที่ลงมติด้วยคะแนน 41 ต่อ 37 (งดออกเสียง 19) ให้เดินหน้าถอดถอนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ อันเนื่องจากกรณีการสลายการชุมนุม 7 ตุลา 51 ซึ่งป.ป.ช.ได้ดำเนินการส่งเรื่องไปยังวุฒิสภา และวุฒิสภาได้ประชุมเมื่อ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แม้นายสมชายจะพ้นจากตำแหน่งนายกฯแล้ว แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 274 วรรคสอง ยังได้ระบุโทษห้ามรับตำแหน่งทางการเมืองอีก 5 ปี ดังนั้น กรณีนี้เป็นกรณีแรกของการถอดถอน ที่น่าศึกษาน่าติดตาม