วานนี้ (17 ม.ค.) นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ และนายสุริยะใส กตะศิลาเลขาธิการพรรค ร่วมแถลงข่าว ที่ที่ทำการพรรคย่านสะพานวันชาติ ถึงปรับ ครม. ว่า ช่วงส่งท้ายปีเก่า 2552 สืบเนื่องมาถึงต้นปี 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้พยายามยกระดับสภาวะผู้นำ พิทักษ์กฎเหล็ก 9 ข้อ ได้อย่างน่าชื่นชม โดยเฉพาะกรณีการเปลี่ยนตัว รมว.และ รมช.สาธารณสุข อันเนื่องจากกรณีการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง ตลอดจนการยืนยันในหลักการที่ถูกต้อง กรณี ก.ตร. กลับมติป.ป.ช. ในเรื่องการลงโทษ 3 นายพลตำรวจ จากกรณีการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 7 ตุลา 51 ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ ทำให้ฉายา “หล่อหลักลอย” ของนายกฯ เจือจางลงไปมาก
แต่กรณีการปรับครม. จำนวน 5 ตำแหน่ง พรรคร่วมรัฐบาล ได้ทำให้ฉายา “หล่อหลักลอย” โดดเด่นขึ้นมาอีก ทั้งนี้พรรคการเมืองใหม่เห็นว่า การปรับครม.ครั้งนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ 3 ตำแหน่ง ค่อนข้างลงตัว แต่อีก 2 ตำแหน่ง นอกจากพรรคเจ้าของโควต้าไม่ให้เกียรตินายกฯ เท่าที่ควรแล้ว ยังดูถูกประชาชนคนเสียภาษี
กรณีของนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ที่เป็นน้องสาวของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ามุ้งมัชฌิมาฯ ในพรรคภูมิใจไทย อีกทั้งขาดความรู้ประสบการณ์ในงานที่รับผิดชอบ (รมช.สาธารณสุข) กรณี รมช.สาธารณสุข นายกฯ สง่างามในการยืนยันให้รมช.คนเก่าลาออก แต่นายกฯ ไร้ค่าในการวางตัว รมช.คนใหม่
ขณะที่นายสุชาติ โชคชัยวัฒนายากร ส.ส.มหาสารคาม เขต 2 ขึ้นเป็น รมช.คมนาคมแทนนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ที่ถูกปลดเงียบ ก็เป็นการตอบแทนทางการเมืองที่ นายสุชาติลงทุนลงแรงในการเลือกตั้งซ่อมที่มหาสารคาม เมื่อเร็วๆนี้
นายสำราญ กล่าวว่า พรรคการเมืองใหม่ยังขอยืนยันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับมติของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่สวนทางกับมติป.ป.ช. และยืนยันจะเสนอเรื่องให้ครม.พิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ โดยมีข้อสังเกตเพิ่มเติมดังนี้
1) การยืนยันมติเป็นครั้งที่ 2 ที่จะช่วยเหลือ 3 นายพลตำรวจ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม เป็นการตั้งป้อมค่ายของคนสีกากีสายอำนาจเก่า
2) มีพลังแฝงทางการเมืองที่ต้องการดิสเครดิต และทดสอบพลังของฝ่ายนายกฯ กรณีการตั้ง ผบ.ตร. อีกครั้งหนึ่ง โดยฉกฉวยสถานการณ์ที่รัฐบาลกำลังจะถูกชุมนุมขับไล่มาเป็นจังหวะต่อรอง ซึ่งกรณีนี้อาจกลายเป็นประเด็นทางการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลได้
3) น่าผิดหวังที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ไม่ได้มีสุ้มเสียงแสดงความเห็นใจผู้ ที่บาดเจ็บ ล้มตาย จากการชุมนุมทั้งที่อุดรธานี และหน้ารัฐสภา เมื่อ 7 ต.ค. 51 แม้แต่น้อยและปล่อยให้ก.ตร.เดินหน้าลงมติสวนป.ป.ช. อย่างง่ายดาย ฯลฯ
พรรคการเมืองใหม่สนับสนุนให้นายกฯ ยืนยันในหลักการเดิมที่บอกว่ามติ ก.ตร.จะลบล้างมติ ป.ป.ช. ซึ่งจะขัดกับรัฐธรรมนูญไม่ได้ สิ่งที่จะทำได้ก็เพียงการอุทธรณ์การลดโทษเท่านั้น
ดังนั้นเรื่องนี้หากวันใดที่เกิดปรากฏการณ์ว่า ครม.ส่งมติ ก.ตร.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญแสดงว่านายกฯ ไม่รักษาหลักการ ซึ่งพรรคการเมืองใหม่จะได้เคลื่อนไหวคัดค้านต่อไป
นายสุริยะใส ยังวิเคราะห์การเมืองในขณะนี้ว่า แม้แนวโน้มโดยรวมๆ ขบวนของคนเสื้อแดงจะแผ่วลงบ้าง และเกิดความแตกแยกสูง แต่สถานการณ์ทางการเมือง รวมทั้งวันตัดสินคดี 7.6 หมื่นล้าน ได้บีบให้ ทักษิณ ชินวัตร ต้องตัดสินใจสู้ โดยใช้ 3 แนวรบ สอดประสานกันเหมือนเดิมคือ
แนวรบในสภา - การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการดึงเสียงพรรคร่วมคืออาวุธสำคัญ
ส่วนแนวรบนอกสภา - ใช้การชุมนุมใหญ่ ตลอดจนการป่วนบ้านป่วนเมืองให้เกิดจลาจล คือวิธีการ ส่วนแนวรบต่างประเทศ– ใช้กัมพูชาเป็นฐานบัญชาการ, ใช้สื่อต่างประเทศกระจายข่าว
ทั้งนี้ คาดหมายว่า แนวรบในสภา และจำนวนผู้ชุมนอกสภาไม่สามารถที่จะล้มหรือบีบให้รัฐบาลยุบสภาได้ ดังนั้นสิ่งที่น่าห่วงก็คือ จะมีการสร้างสถานการณ์ การก่อวินาศกรรมให้เกิดการบาดเจ็บ ล้มตาย เพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง แม้ดูเหมือนว่าโอกาสที่ ทักษิณ-คนเสื้อแดง จะชนะมีน้อยมาก แต่ตราบใดที่“เงิน” ยังมีอิทธิพล ต่อความเคลื่อนไหว สถานการณ์ก็ยังน่าเป็นห่วง
พรรคการเมืองใหม่ จึงข้อเสนอว่า รัฐบาลต้องใช้สื่อของรัฐนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้มากที่สุด ,หยุดสร้างเงื่อนไขในเชิงลบด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะการทุจริตคอร์รัปชั่น การใช้อำนาจหน้าที่ที่ผิดพลาด, กล้าหาญที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับแกนนำการเคลื่อนไหวเลยธง ผิดกฎหมายตั้งแต่บัดนี้ และวางมาตรการเข้มในการรักษาความปลอดภัย
**19 ม.ค.เปิดที่ทำการพรรค
นายสำราญ กล่าวว่า วันอังคารที่ 19 ม.ค. 53 ตั้งแต่เวลา 07.00 น.เป็นต้นไป พรรคการเมืองใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ที่เลขที่ 457 ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ จะทำพิธีเปิดที่ทำการพรรคอย่างเป็นทางการ ซึ่งในการนี้นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรค จะได้ประกาศเจตนารมย์ ตลอดจนทิศทางของพรรคในปี 2553 และต่อๆไป
ทั้งนี้ กำหนดการ ในพิธีเปิดที่ทำการพรรคการเมืองใหม่ วันที่ 19 ม.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 7.00 น. คณะสงฆ์ถึงที่ทำการพรรค พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารเช้า และถวายสังฆทาน พระสงฆ์อนุโมทนา และกล่าวสัมโมทนียคาถา แล้วเจริญพุทธมนต์
เวลา 09.06 น. นายสนธิ และกรรมการบริหารพรรคอธิฐานจิต ขอเปิดที่ทำการพรรคเพื่อพัฒนาประเทศชาติให้รุ่งเรื่อง โดยทำการเปิดป้าย–ชักธง ปล่อยลูกโป่ง 5 สี ปล่อยนกอย่างน้อย 12 ตัว และตีกลองสะบัดชัย
ทั้งนี้ วงออเครสต้าจะบรรเลงมหาฤกษ์ และกรรมการบริหารพรรคร่วมร้องเพลงการเมืองใหม่ โดยนายสนธิ จะอ่านคำประกาศเจตนารมณ์พรรค และนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ จะอ่านบทกวีเชิดชูพรรคโดยมีการแสดงดนตรีจากวงออเครสต้า และวัฒนธรรม 4 ภาค เช่น เพลงโคราช และมโนราห์ จาก จ. กระบี่
แต่กรณีการปรับครม. จำนวน 5 ตำแหน่ง พรรคร่วมรัฐบาล ได้ทำให้ฉายา “หล่อหลักลอย” โดดเด่นขึ้นมาอีก ทั้งนี้พรรคการเมืองใหม่เห็นว่า การปรับครม.ครั้งนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ 3 ตำแหน่ง ค่อนข้างลงตัว แต่อีก 2 ตำแหน่ง นอกจากพรรคเจ้าของโควต้าไม่ให้เกียรตินายกฯ เท่าที่ควรแล้ว ยังดูถูกประชาชนคนเสียภาษี
กรณีของนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ที่เป็นน้องสาวของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ามุ้งมัชฌิมาฯ ในพรรคภูมิใจไทย อีกทั้งขาดความรู้ประสบการณ์ในงานที่รับผิดชอบ (รมช.สาธารณสุข) กรณี รมช.สาธารณสุข นายกฯ สง่างามในการยืนยันให้รมช.คนเก่าลาออก แต่นายกฯ ไร้ค่าในการวางตัว รมช.คนใหม่
ขณะที่นายสุชาติ โชคชัยวัฒนายากร ส.ส.มหาสารคาม เขต 2 ขึ้นเป็น รมช.คมนาคมแทนนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ ที่ถูกปลดเงียบ ก็เป็นการตอบแทนทางการเมืองที่ นายสุชาติลงทุนลงแรงในการเลือกตั้งซ่อมที่มหาสารคาม เมื่อเร็วๆนี้
นายสำราญ กล่าวว่า พรรคการเมืองใหม่ยังขอยืนยันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับมติของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่สวนทางกับมติป.ป.ช. และยืนยันจะเสนอเรื่องให้ครม.พิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ โดยมีข้อสังเกตเพิ่มเติมดังนี้
1) การยืนยันมติเป็นครั้งที่ 2 ที่จะช่วยเหลือ 3 นายพลตำรวจ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม เป็นการตั้งป้อมค่ายของคนสีกากีสายอำนาจเก่า
2) มีพลังแฝงทางการเมืองที่ต้องการดิสเครดิต และทดสอบพลังของฝ่ายนายกฯ กรณีการตั้ง ผบ.ตร. อีกครั้งหนึ่ง โดยฉกฉวยสถานการณ์ที่รัฐบาลกำลังจะถูกชุมนุมขับไล่มาเป็นจังหวะต่อรอง ซึ่งกรณีนี้อาจกลายเป็นประเด็นทางการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลได้
3) น่าผิดหวังที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ไม่ได้มีสุ้มเสียงแสดงความเห็นใจผู้ ที่บาดเจ็บ ล้มตาย จากการชุมนุมทั้งที่อุดรธานี และหน้ารัฐสภา เมื่อ 7 ต.ค. 51 แม้แต่น้อยและปล่อยให้ก.ตร.เดินหน้าลงมติสวนป.ป.ช. อย่างง่ายดาย ฯลฯ
พรรคการเมืองใหม่สนับสนุนให้นายกฯ ยืนยันในหลักการเดิมที่บอกว่ามติ ก.ตร.จะลบล้างมติ ป.ป.ช. ซึ่งจะขัดกับรัฐธรรมนูญไม่ได้ สิ่งที่จะทำได้ก็เพียงการอุทธรณ์การลดโทษเท่านั้น
ดังนั้นเรื่องนี้หากวันใดที่เกิดปรากฏการณ์ว่า ครม.ส่งมติ ก.ตร.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญแสดงว่านายกฯ ไม่รักษาหลักการ ซึ่งพรรคการเมืองใหม่จะได้เคลื่อนไหวคัดค้านต่อไป
นายสุริยะใส ยังวิเคราะห์การเมืองในขณะนี้ว่า แม้แนวโน้มโดยรวมๆ ขบวนของคนเสื้อแดงจะแผ่วลงบ้าง และเกิดความแตกแยกสูง แต่สถานการณ์ทางการเมือง รวมทั้งวันตัดสินคดี 7.6 หมื่นล้าน ได้บีบให้ ทักษิณ ชินวัตร ต้องตัดสินใจสู้ โดยใช้ 3 แนวรบ สอดประสานกันเหมือนเดิมคือ
แนวรบในสภา - การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการดึงเสียงพรรคร่วมคืออาวุธสำคัญ
ส่วนแนวรบนอกสภา - ใช้การชุมนุมใหญ่ ตลอดจนการป่วนบ้านป่วนเมืองให้เกิดจลาจล คือวิธีการ ส่วนแนวรบต่างประเทศ– ใช้กัมพูชาเป็นฐานบัญชาการ, ใช้สื่อต่างประเทศกระจายข่าว
ทั้งนี้ คาดหมายว่า แนวรบในสภา และจำนวนผู้ชุมนอกสภาไม่สามารถที่จะล้มหรือบีบให้รัฐบาลยุบสภาได้ ดังนั้นสิ่งที่น่าห่วงก็คือ จะมีการสร้างสถานการณ์ การก่อวินาศกรรมให้เกิดการบาดเจ็บ ล้มตาย เพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง แม้ดูเหมือนว่าโอกาสที่ ทักษิณ-คนเสื้อแดง จะชนะมีน้อยมาก แต่ตราบใดที่“เงิน” ยังมีอิทธิพล ต่อความเคลื่อนไหว สถานการณ์ก็ยังน่าเป็นห่วง
พรรคการเมืองใหม่ จึงข้อเสนอว่า รัฐบาลต้องใช้สื่อของรัฐนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้มากที่สุด ,หยุดสร้างเงื่อนไขในเชิงลบด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะการทุจริตคอร์รัปชั่น การใช้อำนาจหน้าที่ที่ผิดพลาด, กล้าหาญที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับแกนนำการเคลื่อนไหวเลยธง ผิดกฎหมายตั้งแต่บัดนี้ และวางมาตรการเข้มในการรักษาความปลอดภัย
**19 ม.ค.เปิดที่ทำการพรรค
นายสำราญ กล่าวว่า วันอังคารที่ 19 ม.ค. 53 ตั้งแต่เวลา 07.00 น.เป็นต้นไป พรรคการเมืองใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ที่เลขที่ 457 ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ จะทำพิธีเปิดที่ทำการพรรคอย่างเป็นทางการ ซึ่งในการนี้นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรค จะได้ประกาศเจตนารมย์ ตลอดจนทิศทางของพรรคในปี 2553 และต่อๆไป
ทั้งนี้ กำหนดการ ในพิธีเปิดที่ทำการพรรคการเมืองใหม่ วันที่ 19 ม.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 7.00 น. คณะสงฆ์ถึงที่ทำการพรรค พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารเช้า และถวายสังฆทาน พระสงฆ์อนุโมทนา และกล่าวสัมโมทนียคาถา แล้วเจริญพุทธมนต์
เวลา 09.06 น. นายสนธิ และกรรมการบริหารพรรคอธิฐานจิต ขอเปิดที่ทำการพรรคเพื่อพัฒนาประเทศชาติให้รุ่งเรื่อง โดยทำการเปิดป้าย–ชักธง ปล่อยลูกโป่ง 5 สี ปล่อยนกอย่างน้อย 12 ตัว และตีกลองสะบัดชัย
ทั้งนี้ วงออเครสต้าจะบรรเลงมหาฤกษ์ และกรรมการบริหารพรรคร่วมร้องเพลงการเมืองใหม่ โดยนายสนธิ จะอ่านคำประกาศเจตนารมณ์พรรค และนายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ จะอ่านบทกวีเชิดชูพรรคโดยมีการแสดงดนตรีจากวงออเครสต้า และวัฒนธรรม 4 ภาค เช่น เพลงโคราช และมโนราห์ จาก จ. กระบี่
