xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” เปิดใจอังคารนี้!! ก.ม.ม.ลั่นเจอดีแน่หาก ครม.เข็นมติ ก.ตร.ส่งศาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่
“พรรคการเมืองใหม่” แถลงชมนายกฯ พิทักษ์กฎเหล็ก ค้านกลับมติ ป.ป.ช. แต่เซ็งปรับ ครม.ปล่อยภูมิใจไทยดัน “น้องเรียงหิน” นั่ง รมช.สาธารณสุข ดูถูกคนเสียภาษี ชี้ “สุชาติ” เสียบแทน “ประจักษ์” ตอบแทนทุ่มเทเลือกตั้งมหาสารคาม “สำราญ” ลั่นค้าน ก.ตร.กลับมติ 7 ตุลา ป.ป.ช. พร้อมเคลื่อนไหวแน่หาก ครม.เข็นส่งศาลรัฐธรรมนูญ “ยะใส” ชี้ “ทักษิณ” ใช้ 3 แนวรบทำศึกทวงคืน 7.6 หมื่นล้าน เผย “สนธิ” เตรียมเปิดใจวันเปิดที่ทำการพรรค อังคารนี้


วันนี้ (17 ม.ค.) ที่พรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) นายสำราญ รอดเพชร โฆษกพรรคการเมืองใหม่ และนายสุริยะใส กตะศิลาเลขาธิการพรรค ร่วมแถลงท่าทีพรรคประจำสัปดาห์ ถึงการปรับ ครม.อภิสิทธิ์ 2 ว่า ช่วงส่งท้ายปีเก่า 2552 สืบเนื่องมาจนถึงต้นปี 2553 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้พยายามยกระดับสภาวะผู้นำพิทักษ์กฎเหล็ก 9 ข้อ ได้อย่างน่าชื่นชม โดยเฉพาะกรณีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข อันเนื่องจากกรณีการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง ตลอดจนการยืนยันในหลักการที่ถูกต้อง ในกรณีที่คัดค้าน ก.ตร.กลับมติ ป.ป.ช. ซึ่งทั้ง 2 กรณีนี้ทำให้ฉายา “หล่อหลักลอย” ของนายกฯ เจือจางลงไปมาก แต่กรณีการปรับ ครม.เป็นรัฐบาลอภิสิทธิ์ 2 จำนวน 5 ตำแหน่ง พรรคร่วมรัฐบาลได้ทำให้ฉายาหล่อหลักลอยโดดเด่นขึ้นมาอีก

ทั้งนี้ พรรคการเมืองใหม่เห็นว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ 3 ตำแหน่ง ค่อนข้างลงตัว แต่อีก 2 ตำแหน่งนอกจากพรรคเจ้าของโควตาไม่ให้เกียรตินายกฯ เท่าที่ควรแล้ว ยังดูถูกประชาชนคนเสียภาษีกรณีของ นางพรรณสิริ กุลนาถสิริ ที่เป็นน้องสาวของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา ในพรรคภูมิใจไทย อีกทั้งขาดความรู้ประสบการณ์ในงานที่รับผิดชอบ ซึ่งกรณี รมช.สาธารณสุขนั้น นายกฯ สง่างามในการยืนยันให้ รมช.คนเก่าลาออก แต่นายกฯกลับกลายเป็นคนไร้ค่าในการวางตัว รมช.คนใหม่ ขณะการที่พรรคภูมิใจไทย ดันนายสุชาติ โชคชัยวัฒนายากร ส.ส.มหาสารคาม เขต 2 ขึ้นเป็น รมช.คมนาคมแทนนายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ ที่ถูกปลดเงียบ ก็เป็นการตอบแทนทางการเมืองในฐานะที่นายสุชาติ ได้ลงทุนลงแรงในการเลือกตั้งซ่อมที่ มหาสารคามเมื่อเร็วๆ นี้

นายสำราญกล่าวว่า พรรคการเมืองใหม่ยังขอยืนยันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับมติของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ที่สวนทางกับมติ ป.ป.ช.และยืนยันจะเสนอเรื่องให้ครม.พิจารณาส่งให้ศาล รัฐธรรมนูญตีความ โดยมีข้อสังเกตเพิ่มเติม ดังนี้ 1.การยืนยันมติเป็นครั้งที่ 2 ที่จะช่วยเหลือ 2 นายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมเป็นการตั้งป้อมค่ายของคนสีกากีสายอำนาจเก่า 2.มีพลังแฝงทางการเมืองที่ต้องการดิสเครดิต และทดสอบพลังของฝ่ายนายกฯกรณีการตั้ง ผบ.ตร.อีกครั้งหนึ่ง โดยฉกฉวยสถานการณ์ที่รัฐบาลกำลังจะถูกชุมนุมขับไล่มาเป็นจังหวะต่อรอง ซึ่งกรณีนี้อาจกลายเป็นประเด็นทางการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลได้ 3.น่าผิดหวังที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคงไม่ได้มีสุ่มเสียงแสดงความเห็นใจผู้ที่บาดเจ็บล้มตายจากการชุมนุมทั้งที่อุดรธานี และหน้ารัฐสภาเมื่อ 7 ต.ค.2551 แม้แต่น้อยและปล่อยให้ ก.ตร.เดินหน้าลงมติสวน ป.ป.ช.อย่างง่ายดาย ฯลฯ ทั้งนี้พรรคการเมืองใหม่สนับสนุนให้นายกฯยืนยันในหลักการเดิมที่บอกว่ามติ ก.ตร.จะลบล้างมติ ป.ป.ช.จะขัดกับรัฐธรรมนูญไม่ได้ สิ่งที่จะทำได้ก็เพียงการอุทธรณ์การลดโทษเท่านั้น ดังนั้นเรื่องนี้หากวันใดที่เกิดปรากฏการณ์ว่า ครม.ส่งมติ ก.ตร.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญแสดงว่านายกฯไม่รักษาหลักการ ซึ่งพรรคการเมืองใหม่จะได้เคลื่อนไหวคัดค้านต่อไป

นายสุริยะใสยังวิเคราะห์การเมืองในขณะนี้ว่า แม้แนวโน้มโดยรวมๆ ขบวนของคนเสื้อแดงจะแผ่วลงบ้าง และเกิดความแตกแยกสูง แต่สถานการณ์ทางการเมือง รวมทั้งวันตัดสินคดี 7.6หมื่นล้าน ได้บีบให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องตัดสินใจสู้ โดยใช้ 3 แนวรบสอดประสานกันเหมือนเดิมคือ 1.แนวรบในสภา โดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจและการดึงเสียงพรรคร่วมคืออาวุธสำคัญ 2.แนวรบนอกสภา โดยอาศัยการชุมนุมใหญ่ตลอดจนการป่วนบ้านป่วนเมืองให้เกิดจลาจล และ 3.แนวรบต่างประเทศ โดยใช้ประเทศกัมพูชาเป็นฐานบัญชาการพร้อมกับใช้สื่อต่างประเทศในการกระจายข่าว ทั้งนี้ ตนคาดว่าแนวรบในสภาและจำนวนผู้ชุมนุมนอกสภา จะไม่สามารถที่จะล้มหรือบีบให้รัฐบาลยุบสภาได้ ดังนั้น สิ่งที่น่าห่วงก็คือจะมีการสร้างสถานการณ์ การก่อวินาศกรรมให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย เพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง ซึ่งแม้ดูเหมือนว่าโอกาสที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงจะชนะมีน้อยมาก แต่ตราบใดที่ “เงิน” ยังมีอิทธิพลต่อความเคลื่อนไหว สถานการณ์ก็ยังน่าเป็นห่วง ทั้งนี้ พรรคการเมืองใหม่ จึงข้อเสนอให้รัฐบาลต้องใช้สื่อของรัฐนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้มากที่สุด และหยุดสร้างเงื่อนไขในเชิงลบด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะการทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจหน้าที่ที่ผิดพลาด อีกทั้งควรกล้าหาญที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับแกนนำที่เคลื่อนไหวเลยกรอบกฎหมายตั้งแต่บัดนี้ และวางมาตรการเข้มในการรักษาความปลอดภัย

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานด้วยว่า ในวันอังคารที่ 19 มกราคมนี้ ตั้งแต่ 07.00น.เป็นต้นไป พรรคการเมืองใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ที่เลขที่ 457 ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร จะได้ทำพิธีเปิดที่ทำการพรรคอย่างเป็นทางการ ซึ่งในการนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคฯ จะได้ประกาศเจตนารมย์ตลอดจนทิศทางของพรรคในปี 2553 และต่อๆ ไป โดยมีกำหนดการในพิธีเปิดดังนี้

เวลา 07.00 น.คณะสงฆ์ถึงที่ทำการพรรค พระสงฆ์เจริญพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารเช้าและถวายสังฆทาน พระสงฆ์อนุโมทนาและกล่าวสัมโมทนียคาถาแล้วเจริญพุทธมนต์

เวลา 09.06 น. นายสนธิและกรรมการบริหารพรรค อธิฐานจิตขอเปิดที่ทำการพรรคเพื่อพัฒนาประเทศ ชาติให้รุ่งเรือง โดยทำการเปิดป้าย-ชักธง ปล่อยลูกโป่ง 5 สี ปล่อยนกอย่างน้อย 12 ตัว และตีกลองสะบัดชัย

ทั้งนี้ วงออเครสตาจะบรรเลงมหาฤกษ์ และกรรมการบริหารพรรคร่วมร้องเพลงการเมืองใหม่ โดยนายสนธิจะอ่านคำประกาศเจตนารมณ์พรรค และเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จะอ่านบทกวีเชิดชูพรรค โดยมีการแสดงดนตรีจากวงออเครสตา และวัฒนธรรม 4 ภาค เช่น เพลงโคราช และมโนรา จ.กระบี่
กำลังโหลดความคิดเห็น