xs
xsm
sm
md
lg

ตรึงกำลังดูแลศาล-แผนลอบฆ่าหวังผลคดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “เลขาธิการศาลยุติธรรม” ลั่นไม่ประมาทขอกำลังดูแลแล้ว สั่งสอบข่าวลอบสังหาร 9 องค์คณะคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน เชื่อแค่ข่าวดิสเครดิสหวังผลทางคดี ระบุศาลทำงานตามหน้าที่ไม่อิงข้างใดด้าน"มาร์ค"ปลุกสังคมกดดัน"เสธ.แดง" สั่งสอบเข้าข่ายข่มขู่ คุกคามผู้พิพากษาหรือไม่ เพื่อใช้กฎหมายดำเนินการ มั่นใจเหตุปฏิวัติยังไม่มี "เทือก" พร้อมจัดกำลังอารักขา แดงปูด4-14 ก.พ. “ประยุทธ์”นำปฏิวัติ

วานนี้ ( 31 ม.ค.) นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกระแสข่าวลอบสังหารองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางเมือง ในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ตรวจสอบกระแสข่าวดังกล่าวจากสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ และหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของบ้านเมืองแล้ว ปรากฎว่ายังไม่มีการแจ้งเตือนมา ซึ่งได้เรียนให้นายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกาทราบแล้ว เชื่อว่ากระแสข่าวดังกล่าวเป็นการปล่อยข่าวเพื่อหวังผลทางคดี ก่อนหน้านี้ก็มีการปล่อยข่าวลักษณะนี้ จึงได้เช็คไปยังหน่วยข่าวกรอง แต่ก็ไม่มี และก็ได้เรียนองค์คณะทั้ง 9 ท่าน ทราบและประสานหน่วยงานความปลอดภัย มาช่วยดูแลองค์คณะ แต่ไม่ได้รักษาความปลอดภัยแบบประชิดตัว เชื่อว่าจะไม่มีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น

" เรื่องนี้คงไม่ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) เพราะได้เรียนประธานศาลฎีกาแล้ว และไม่มีวาระเข้าสู่ที่ประชุม แต่อาจมี ก.ต. บางท่านที่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยขององค์คณะฯ ก็อาจเสนอหยิบยกเข้าสู่ที่ประชุม ก.ต.พิจารณาได้ " นายวิรัชกล่าว

เลขาธิการศาลยุติธรรม กล่าวด้วยว่าก่อนการตัดสินคดี คงไม่จำเป็นต้องเก็บตัวผู้พิพากษาไว้ในที่ปลอดภัย เพราะผู้พิพากษาไม่มีศัตรู โดยปฎิบัติหน้าที่ไปตามกฎหมาย ตามพยานหลักฐานที่ปรากฎในสำนวน ไม่อิงเข้าข้างฝ่ายใด ไม่มีใครขอมา และไม่มีอะไรที่จะบังคับองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 ท่าน ซึ่งจะใช้ดุลยพินิจตัดสินคดีอย่างอิสระ และทุกท่านไม่มีอคติกับเรื่องอะไรทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคลหรือหลักการ ขอให้เชื่อมั่นในตัวผู้พิพากษาที่จะแสดงให้เห็นว่าเรายังเป็นที่พึ่งได้

**"มาร์ค"เมินปฏิวัติ ลั่นเชือด"เสธ.แดง"

วันเดียวกันนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวผ่านรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ผ่านระบบ Tele Presence จากเมืองดาวอส สหพันธรัฐสวิส ว่า ตนได้ยืนยันมาตลอดว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ต้องอยู่ในขอบเขต

แต่สิ่งที่คิดว่าเราต้องช่วยกันคือว่าหลังๆ มีคนบางกลุ่มพูดถึงความรุนแรง พูดถึงการที่หลายคนเหมือนกับเป็นกึ่งข่มขู่ ตนว่าพฤติกรรมอย่างนี้เราไม่ควรจะยอมรับในสังคม และอันนี้ทางเจ้าหน้าที่คงจะต้องไปดูว่า เข้าข่ายในเรื่องของการไปคุกคามใครหรือไม่ เพราะว่าอันนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว ไม่มีนักประชาธิปไตยที่ไหนใช้วิธีการข่มขู่คุกคามเอาความรุนแรงมาเพื่อกดดันบีบคั้นในเรื่องต่างๆ ที่สำคัญคือพาดพิงไปถึงไปเรื่องผู้พิพากษาบ้าง องค์กรต่างๆ บ้าง

"ผมก็ยืนยันว่า ทุกคนที่มีหน้าที่คงจะต้องมีความหนักแน่น ถ้าหากว่าบ้านเมืองของเราปล่อยให้เรื่องของการที่มีคนมาข่มขู่ คุกคาม เพื่อต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และก็ทำให้เป็นอย่างนั้นได้ วันข้างหน้าบ้านเมืองจะอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าท่านใดตกอยู่ในภาวะซึ่งเรียกว่า ดูแล้วอันตราย อยากจะให้รัฐบาลช่วยเข้าไปดูแล อารักขา ทางรัฐบาลก็ยินดีสนับสนุน" นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่ามีความเคลื่อนไหวของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ที่ล่าสุดได้ออกมาขู่ว่าอาจจะมีการลอบสังหารผู้นำ นายกฯกล่าวว่า อันนี้ล่ะที่ตนคิดว่าเป็นพฤติกรรมซึ่งสังคมต้องช่วยกัน ว่าเราจะยอมรับลักษณะการพูดจาที่เสมือนกับการข่มขู่ คุกคามหรือไม่ ถ้าเรายอมรับให้ทำกันอย่างนี้ ต่อไปบ้านเมืองก็ไม่มีสงบ ใครไม่พอใจอะไรใครก็พูดจาในลักษณะนี้ ที่สำคัญมีการพูดในทำนองซึ่งไปกดดันคนที่มีหน้าที่ในการที่จะต้องรักษาความยุติธรรม ความถูกต้องในบ้านเมือง ฉะนั้นตรงนี้ตนคิดว่า เราไม่ควรยอมรับลักษณะของการกระทำแบบนี้ และเราต้องไม่หวั่นไหว ต้องเดินหน้าในการทำหน้าที่ของตัวเองไป

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มทหาร ที่ออกมาแสดงพลังปกป้อง สถาบัน และก็ปกป้องผู้บังคับบัญชา นายกฯกล่าวว่า ก็อย่างที่เรียนว่าก็เป็นการแสดงออกที่ทำได้ แต่ว่าใจตนก็คิดว่าไม่อยากให้มันเกิดความขัดแย้งในองค์กรต่างๆ จริงๆแล้วสิ่งสำคัญคือทุกคนทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะฉะนั้นจะเป็นบุคลากรในกองทัพ จะเป็นนักการเมือง จะเป็นข้าราชการประจำ ล้วนแล้วแต่มีหน้าที่อยู่แล้ว และก็ปฏิบัติหน้าที่นั้นโดยยึดประโยชน์ส่วนรวม ด้วยความซื่อสัตย์ บ้านเมืองก็ไปได้

เมื่อถามว่าเดือนก.พ.เป็นห่วงมากเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะจะมีการพิจารณาคดีสำคัญ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็บอกไปแล้วว่า 2 เดือนแรกนี้คงจะหนักหน่อย แต่ว่ารัฐบาลก็มีหน้าที่ในการดูแลให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย และก็ยังยืนยันแนวทางที่ได้ปฏิบัติมา คือเราเคารพสิทธิเสรีภาพของทุกฝ่าย แต่ว่าต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย

เมื่อถามจะพูดกับประชาชนอย่างไร เพราะว่าช่วงที่ท่านอยู่ต่างประเทศ มีกระแสข่าวรัฐประหารในเมืองไทย นายกฯกล่าวว่า ตนอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็มีอยู่แล้วไม่ได้แปลกอะไร ก็พยายามที่จะพูดไป แต่ตนมองไม่เห็นเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับเรื่องการปฏิวัติรัฐประหาร
 
"อย่างที่เรียนคือว่า ระบบการเมืองของเราก็มีระบบรัฐสภา ทำงานกันตามปกติ รัฐบาลก็เดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ เศรษฐกิจก็ฟื้นตัวโดยลำดับ ผมมองไม่เห็นว่าการปฏิวัติรัฐประหารจะทำไปเพื่ออะไร และที่มั่นใจคือว่า ทำไปแล้วคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

**แจงสื่อต่างชาติ ถูกปล่อยข่าวรุนแรง

ก่อนหน้านั้นนายอภิสิทธิ์ ให้สัมภารณ์กับสำนักข่าวเอพี ว่ากระแสข่าวรัฐบาลจะถูกโค่นลงจากอำนาจล้วนเกี่ยวพันกับการตัดสินของศาลในเดือนกุมภาพันธ์เกี่ยวกับคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณและความพยายามของม็อบเสื้อแดงที่ต้องการทำลายเสถียรภาพภายในประเทศ แต่ยืนยันว่าไม่มีเหตุผลใดๆที่จะทำให้เกิดการรัฐประหาร และตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่บริหารประเทศ รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทุกกลุ่มในประเทศ รวมทั้งยังเคารพหลักกฎหมาย โดยอนุญาตให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลชุมนุมแสดงความคิดเห็นได้

ทั้งนี้ ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลมีสิทธิที่จะแสดงความเห็น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงการเมืองด้วยวิธีอื่นใดนอกเหนือจากการเลือกตั้ง และสัญญาว่าจะจัดการเลือกตั้งอย่างเร็วเมื่อมีหลักประกันที่มั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรงและการข่มขู่ใดๆ แต่ขณะนี้ศัตรูทางการเมืองกำลังพยายามโจมตีรัฐบาล และปลุกกระแสด้วยการปล่อยข่าวเรื่องความรุนแรง และการปฏิวัติ ในช่วงที่ศาลจะมีคำตัดสินคดียึดทรัพย์ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายเคารพหลักกฎหมายเมื่อศาลมีคำพิพากษาออกมา

** “เทือก”ลั่นข่มขู่ศาลไม่ได้

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ ระบุว่าจะมีการลอบสังหารบุคคลสำคัญในองค์กรอิสระนั้น เข้าข่าย สามารถดำเนินคดีได้หรือไม่ว่า ต้องดูว่าเป็นการพูดจาในลักษณะเข้าข่ายข่มขู่หรือไม่ คงต้องให้นักกฎหมายไปตรวจสอบ ที่สำคัญต้องดูว่าคำพูดจริงๆ เป็นอย่างไร ถ้าเป็นการพูดในลักษณะข่มขู่จริง เราก็ยอมไม่ได้ เพราะผู้พิพากษาเหล่านี้ก็ทำหน้าที่ของท่าน เราคงจะไม่ยอมให้ใครมาขู่ศาล หรือผู้พิพากษาไม่ได้

นายสุเทพกล่าวด้วยว่า ในฐานะที่ดูแลฝ่ายความมั่นคง จะพยายามดูแลเรื่องความปลอดภัยของบรรดาผู้ที่อยู่ในข่ายที่ปรากฏเป็นข่าว แต่ว่าจะไปทำอะไรที่เป็นพิเศษคงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกพวกที่ไม่หวังดี กล่าววหาว่าเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งระบบของศาลจะต้องเป็นอิสระ ผู้พิพากษาต้องรักษาความเป็นกลาง ซึ่งหากเราเข้าไปใกล้ชิดท่านเกินไป จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ท่านก็เสียหาย แต่ถ้าอยู่ห่างออกไป ก็เป็นห่วงท่าน เพราะฉะนั้นเราจึงรักษาความพอดี เพราะการเมืองขณะนี้มันกล่าวหาและใส่ร้ายป้ายสีกันง่าย แต่เราก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลให้ความปลอดภัย เพราะถือว่าท่านเป็นประชาชนคนหนึ่ง เมื่อมีข่าวว่าจะถูกปองร้ายเราก็ไม่ประมาท เช่น จัดให้มีเวรยามที่บ้านพักของท่านคอยตรวจสอบเป็นระยะๆ แต่คงไม่ถึงให้มีรถมาประกบตามไปไหนมาไหนด้วยทุกที่เหมือนอย่างตน ท่านก็คงไม่ยอม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องขอหน่วยพิเศษมาคอยดูแลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปกติ โดยให้ รรท.ผบ.ตร.ดูแล ซึ่งได้สั่งการไว้นานแล้ว และ ผบช.น.ได้ดูแลเต็มที่ด้วยเช่นกัน และขอถือโอกาสฝากพี่น้องประชาชนว่า หากเห็นอะไรที่ผิดสังเกต หรือเรื่องไม่ดีก็ขอให้แจ้งข้อมูลข่าวสารให้กับทางราชการด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หน่วยข่าวกรองรายงานข้อมูลตรงกับ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ระบุว่า มีแนวโน้มเกิดการลอบฆ่า และวินาศกรรมหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงตอบไม่ได้ว่าข้อมูลของหน่วยข่าวกรองตรงกับใครหรือไม่ตรงกับใคร แต่ตรวจสอบทุกข่าวโดยไม่ประมาท ซึ่งยังอยู่ในวิสัยที่หน่วยงานภาครัฐรองรับได้ ไม่จำเป็นต้องอาศัยวิธีพิเศษ

**ปัดข่าวปฏิวัติตัวเอง

นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิจารณ์ว่า การเคลื่อนไหวของกองทัพขณะนี้จะกลายเป็นการนำร่องไปสู่การปฏิวัติ ว่า สังคมต้องมีสติ หากปล่อยให้กระแส ข่าวลือ ชักนำไปทุกวันๆชีวิตคงจะหาความสงบสุขได้ยาก เมื่อมีทหารบางคนบางกลุ่มนอกลู่นอกทางและออกมาแสดงอาการกระด้างกระเดื่อง ด่าทอไม่เคารพผู้บังคับบัญชา ประชาชนจึงตั้งข้อสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมกองทัพจึงปล่อยให้เป็นอย่างนี้ คนในกองทัพจึงต้องลุกขึ้นมาแสดงพลัง เพื่อยืนยันว่ากองทัพมีวินัย

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทย พยายามประโคมข่าวเรื่องการที่รัฐบาลจะทำการปฏิวัติตัวเอง นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยพยายามสร้างกระแสพรรค์อย่างนี้อยู่แล้ว เพื่อให้เห็นว่าบ้านเมืองวุ่นวาย คุมสถานการณ์ไม่ได้แล้ว เพราะการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างนอก สอดประสานกันอยู่ เพื่อต้องการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง จึงไม่น่าแปลกใจ ดังนั้นเมื่อรับฟังข่าวแล้วก็ต้องใจเย็นตั้งสติค่อยๆคิด และตนยืนยันว่าไม่มีการทำปฏิวัติตัวเอง จะทำไปทำไม เพราะการปฏิวัติคือการยึดอำนาจรัฐ แต่วันนี้เราเป็นรัฐบาลซึ่งกุมอำนาจรัฐอยู่แล้ว แล้วจะทำทำไม ไม่มีเหตุผล คนพวกนั้นก็พูดไปเรื่อยเปื่อย

**แดงปูดรายวัน “4-14 ก.พ.”มีปฏิวัติ

วันเดียวกันนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวที่โรงเรียนยุทธการต้านรัฐประหารของ นปช. โดยย้ำว่าจะมีการทำรัฐประหาร แต้จะช้านหรือเร็วได้มีการเตรียมรับมือใน 3 ระยะ คือ ระยะก่อนการรัฐประหาร ระยะรัฐประหารแล้วโดยจะต่อสู้กับรัฐประการ และสุดท้ายหากรัฐประหารสำเร็จแล้ว ก็จะให้คนเสื้อแดงปิดล้อมศาลากลางทุกจังหวัด ปิดล้อมค่ายทหารทุกพื้นที่ และท้ายสุดจะมีการชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง โดยต่อสู้กับอำมาตย์เพื่อรีบคืนอำนาจให้กับประชาชนและเมื่อทุกฝ่ายได้อำนาจที่แท้จริงกลับมาแล้ว และมีการตัดสินคดีทางการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นคนสุดท้ายที่ได้รับโทษ

ทั้งนี้ยังได้ข้อมูลมาว่า ในวันที่ 4-14 ก.พ.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา รองผบ.ทบ.จะเป็นหัวหน้าปฏิวัติ ขณะที่นายอริสมันต์ และนายสุพร จะนำหน้าคนเสื้อแดงไปยังกรมที่ดิน กรมป่าไม้และสำนักงานอัยการสูงสุด และวันที่ 2 ก.พ.จะไปยังกองทัพอากาศ

**"เด็จพี่"ปูดต้นมี.ค.53 มีปฏิวัติ
 
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีนายทหารระดับผบ.กองพัน และผู้บังคับการกรมทหาร ออกมาตบเท้าให้กำลังใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. หลังถูกเสธ.แดง ออกมาพูดจา หลู่เกียรติ ว่า เป็นภาพที่สร้างความไม่สบายใจให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย รวมถึงนานาชาติ ซึ่งอาจถึงขั้นทำลายบรรยากาศการลงทุน และการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม ตนทราบจากการข่าวว่า ในช่วงต้นเดือนมี.ค.53 จะมีกลุ่มผู้มีอำนาจที่ขณะนี้กำลังเช็คขุมกำลังฝ่ายต่างๆ ดำเนินการสร้างสถานการณ์ ที่จะนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร โดยจะรอหลังจากการตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ยังไม่ตกผลึก เพราะบางหน่วยเช่น กองทัพเรือ สตช. ไม่เอาด้วย ดังนั้นขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย

**ทอ.ถามเสื้อแดงมาอีกทำไม?

น.อ.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงจะไปชุมนุมที่กองทัพอากาศ โดยระบุว่ามีการประชุมวางแผนปฎิวัติในกองทัพอากาศ ว่า ตนเองเคยปฎิเสธไปแล้วว่าไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เรื่องดังกล่าวมาจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้แดง ก็น่าจะกลับไปถามนายจตุพรว่าทำไมถึงพูดแบบนั้น เอาอะไรมาพูด อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมพิจารณาดูให้ดีว่าเหตุที่จะมากับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่อย่างที่เข้าใจ กองทัพอากาศก็ชี้แจงไปแล้วว่าไม่มี

“กองทัพอากาศก็มีอยู่ส่วนหนึ่งที่เป็นเขตพระราชฐาน ซึ่งส่วนนี้ต้องเพิ่มมาตรการความปลอดภัยและดูแลเป็นพิเศษ ก็ไม่อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมมาดำเนินการใดๆอยู่บริเวณนี้ เพราะจะไม่เหมาะสม ถ้าจะยื่นหนังสือหรือเจรจาอะไรก็ให้จัดผู้แทนมา”

**แกนนำแดงฯโผล่แจมพรรคแนวร่วมสังคม

วันเดียวกันพรรคแนวร่วมสังคมประชาธิปไตย ได้จัดประชุมสัมมนามี พ.อ.สมคิด ศรีสังคม อดีต ส.ว. และอดีตหัวหน้าพรรค สังคมนิยมแห่งประเทศไทย และนาย สุรชัย แซ่ด่าน แกนนำก่อตั้งกลุ่มแดงสยาม นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ มาร่วมแสดงความยินดีในการฟื้นฟูพรรคแนวร่วมสังคมประชาธิปไตย ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ โดยนาย ประชา อุดมธรรมานุภาพ หัวพรรค ได้กล่าวเปิดตัว และแถลงเจตนารมณ์ของพรรค
กำลังโหลดความคิดเห็น