00 คงไม่ได้เหนือความคาดหมายมากนัก สำหรับกับการสร้างสถานการณ์ป่วนในช่วงเวลาสำคัญก่อนการพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านในวันที่ 26 ก.พ. ความเคลื่อนไหวที่ส่งสัญญาณให้เกิดความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร ก็มักปฏิเสธอยู่เสมอว่าไม่เกี่ยวข้อง ล่าสุดก็ยังทวิตเตอร์เข้ามาแบบเดิม ย้ำท่าทีในทำนองเปรียบเทียบตัวเองเป็นหนูที่กำลังถูกไล่ล่า ทั้งที่หนูตัวนี้ไม่มีพิษสง สามารถพูดจากันรู้เรื่อง แต่ฝ่ายไล่ล่าก็ไม่ยอมหยุด ทำได้แม้กระทั่งยอมเผาบ้าน เพื่อกำจัดหนูให้ได้
00 หลายครั้งที่ทักษิณสื่อสารเข้ามาก็มักออกมาในโทนแบบนี้ทุกครั้ง นั่นคือต้องการ “เจรจา” โดยอ้างว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความยุติธรรม หรือ “สองมาตรฐาน” แต่อีกด้านก็ใช้คนเสื้อแดงในสังกัดของตัวเองเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้นทั่วประเทศขึ้นเรื่อยๆ ทำกันทุกวิถีทาง แม้กระทั่งวิธีการขู่ลอบทำร้ายบุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยสื่อสารผ่านทางคนบางกลุ่ม เช่น “เสธ.แดง” ดังที่สังคมรับทราบกันไปแล้ว
00 เหตุการณ์คนร้ายลอบยิงเอ็ม 79 บริเวณริมรั้วมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตพระนคร เมื่อกลางดึดคืนวันที่ 13 ก.พ. รวมไปถึงการซุกระเบิดไว้ริมรั้วศาลฎีกาสนามหลวง ซึ่งก็เป็นบริเวณสถานที่สำหรับการอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ของทักษิณ รวมไปถึงอาจยังมีเหตุการณ์แบบเดียวกัน หรือคล้ายคลึงกันเกิดขึ้นอีกในเร็ววันนี้ ก็อย่าได้แปลกใจ เพราะนับจากนี้เป็นต้นไปจะมีรายการ “เถื่อนๆ” เกิดขึ้นเรื่อยๆ
00 มองอีกมุมหนึ่งก็ได้ว่าการใช้ความรุนแรงข่มขู่ดังกล่าวมันอาจเป็นฝีมือของอีกกลุ่มที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด ซึ่งเป็นกลุ่มที่คอย “ฉวยโอกาส” ดังที่เคยพยายามมาแล้วในเหตุการณ์ “ลอบสังหารนายกฯ” ที่กระทรวงมหาดไทย และลอบสังหาร “สนธิ ลิ้มทองกุล” แต่ไม่สำเร็จ คราวนี้อาจคิดฉกฉวยสถานการณ์ในวันก่อนและหลังวันพิพากษายึดทรัพย์สร้างความรุนแรงเพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์ หวังกวาดให้หมดทั้ง เหลือง-แดง ด้วยความชอบธรรม ทำให้ต้องจับตาไปที่เครือข่าย “อำนาจใหม่” ขึ้นมาอีก
00 คนกลุ่มดังกล่าวรับรองว่าไม่เคยละทิ้งความทะเยอทะยานที่อยู่ในส่วนลึก ที่สำคัญก็คือเป้าหมายต้องการปกปิดความผิดที่ตัวเองได้ก่อขึ้นมา กลัวว่าจะถูกเปิดโปงขึ้นมาในภายหลัง รวมไปถึงเครือข่ายเครือญาติที่ถูกลงโทษในเหตุการณ์ “ตุลาทมิฬ” จะได้ลบล้างกันไป แต่จะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม คนที่จะหนีความรับผิดชอบไปไม่ได้ก็คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะรับผิดชอบงานความมั่นคง แต่กลับปล่อยให้เกิดเหตุ ถือว่าหละหลวม เพราะรัศมีทำเนียบฯ ศาลฎีกา เป็นพื้นที่เป้าหมาย แต่ก็ยังเกิดขึ้นจนได้
00 คงเบาใจขึ้นมาบ้างหลังจากได้ฟังคำพูดของ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่บอกว่ารัฐบาลกำลังจะชี้แจงคดีความต่างๆ ที่ถูกฝ่ายทักษิณ-เสื้อแดงนำไปบิดเบือนเพื่อปลุกระดมให้เข้าใจผิด โดยเฉพาะจะมีการทำความเข้าและเผยแพร่คำพิพากษาให้ชาวบ้านได้เข้าใจในข้อเท็จจริงว่าบางคนมั่น “ชั่ว” อย่างไร แม้จะช้าไป แต่ถือว่ายังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
00 นี่ก็อาจจะเป็นสัญญาณร้ายอีกครั้งสำหรับ นาย“ตักขี้” หลังจากศาลยกคำร้องของลูกสาว-ลูกชาย ที่จะให้ปิดปากไม่ให้คนอื่นวิจารณ์คดียึดทรัพย์ อ้างว่าทำให้ฝ่ายตัวเองเสียหาย ก็ถือว่าถูกต้องแล้วที่ศาลไม่เห็นด้วย เพราะที่ผ่านมาฝ่ายที่วิจารณ์ก็มีแต่คนของตัวเองเสียเป็นส่วนใหญ่ ตั้งหน้าวิจารณ์-บิดเบือนอยู่ตลอดเวลา แล้วจะมาให้คนอื่นหยุดพูด อย่างนี้มันก็ไม่แฟร์นะเฟ้ย !!
00 หลายครั้งที่ทักษิณสื่อสารเข้ามาก็มักออกมาในโทนแบบนี้ทุกครั้ง นั่นคือต้องการ “เจรจา” โดยอ้างว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความยุติธรรม หรือ “สองมาตรฐาน” แต่อีกด้านก็ใช้คนเสื้อแดงในสังกัดของตัวเองเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้นทั่วประเทศขึ้นเรื่อยๆ ทำกันทุกวิถีทาง แม้กระทั่งวิธีการขู่ลอบทำร้ายบุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยสื่อสารผ่านทางคนบางกลุ่ม เช่น “เสธ.แดง” ดังที่สังคมรับทราบกันไปแล้ว
00 เหตุการณ์คนร้ายลอบยิงเอ็ม 79 บริเวณริมรั้วมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตพระนคร เมื่อกลางดึดคืนวันที่ 13 ก.พ. รวมไปถึงการซุกระเบิดไว้ริมรั้วศาลฎีกาสนามหลวง ซึ่งก็เป็นบริเวณสถานที่สำหรับการอ่านคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ของทักษิณ รวมไปถึงอาจยังมีเหตุการณ์แบบเดียวกัน หรือคล้ายคลึงกันเกิดขึ้นอีกในเร็ววันนี้ ก็อย่าได้แปลกใจ เพราะนับจากนี้เป็นต้นไปจะมีรายการ “เถื่อนๆ” เกิดขึ้นเรื่อยๆ
00 มองอีกมุมหนึ่งก็ได้ว่าการใช้ความรุนแรงข่มขู่ดังกล่าวมันอาจเป็นฝีมือของอีกกลุ่มที่ซ่อนอยู่ในมุมมืด ซึ่งเป็นกลุ่มที่คอย “ฉวยโอกาส” ดังที่เคยพยายามมาแล้วในเหตุการณ์ “ลอบสังหารนายกฯ” ที่กระทรวงมหาดไทย และลอบสังหาร “สนธิ ลิ้มทองกุล” แต่ไม่สำเร็จ คราวนี้อาจคิดฉกฉวยสถานการณ์ในวันก่อนและหลังวันพิพากษายึดทรัพย์สร้างความรุนแรงเพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์ หวังกวาดให้หมดทั้ง เหลือง-แดง ด้วยความชอบธรรม ทำให้ต้องจับตาไปที่เครือข่าย “อำนาจใหม่” ขึ้นมาอีก
00 คนกลุ่มดังกล่าวรับรองว่าไม่เคยละทิ้งความทะเยอทะยานที่อยู่ในส่วนลึก ที่สำคัญก็คือเป้าหมายต้องการปกปิดความผิดที่ตัวเองได้ก่อขึ้นมา กลัวว่าจะถูกเปิดโปงขึ้นมาในภายหลัง รวมไปถึงเครือข่ายเครือญาติที่ถูกลงโทษในเหตุการณ์ “ตุลาทมิฬ” จะได้ลบล้างกันไป แต่จะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม คนที่จะหนีความรับผิดชอบไปไม่ได้ก็คือ สุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะรับผิดชอบงานความมั่นคง แต่กลับปล่อยให้เกิดเหตุ ถือว่าหละหลวม เพราะรัศมีทำเนียบฯ ศาลฎีกา เป็นพื้นที่เป้าหมาย แต่ก็ยังเกิดขึ้นจนได้
00 คงเบาใจขึ้นมาบ้างหลังจากได้ฟังคำพูดของ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่บอกว่ารัฐบาลกำลังจะชี้แจงคดีความต่างๆ ที่ถูกฝ่ายทักษิณ-เสื้อแดงนำไปบิดเบือนเพื่อปลุกระดมให้เข้าใจผิด โดยเฉพาะจะมีการทำความเข้าและเผยแพร่คำพิพากษาให้ชาวบ้านได้เข้าใจในข้อเท็จจริงว่าบางคนมั่น “ชั่ว” อย่างไร แม้จะช้าไป แต่ถือว่ายังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
00 นี่ก็อาจจะเป็นสัญญาณร้ายอีกครั้งสำหรับ นาย“ตักขี้” หลังจากศาลยกคำร้องของลูกสาว-ลูกชาย ที่จะให้ปิดปากไม่ให้คนอื่นวิจารณ์คดียึดทรัพย์ อ้างว่าทำให้ฝ่ายตัวเองเสียหาย ก็ถือว่าถูกต้องแล้วที่ศาลไม่เห็นด้วย เพราะที่ผ่านมาฝ่ายที่วิจารณ์ก็มีแต่คนของตัวเองเสียเป็นส่วนใหญ่ ตั้งหน้าวิจารณ์-บิดเบือนอยู่ตลอดเวลา แล้วจะมาให้คนอื่นหยุดพูด อย่างนี้มันก็ไม่แฟร์นะเฟ้ย !!