นายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ ในการรับเงินบริจาค 258 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด มหาชน ที่มีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเลื่อนการพิจารณาไปหลังเดือนก.พ. ว่า เป็นเหตุผลหรือความจำเป็นของ กกต. ซึ่งในส่วนของพรรคก็เคารพในการทำหน้าที่ จะไม่มีการเคลื่อนไหว หรือดำเนินการใดๆไปแทรกแซง ให้มีผลต่อการพิจารณา และการที่ กกต.ชี้แจงถึงเหตุผลในการเลื่อนพิจารณาว่า มีหลักฐานจำนวนมาก ที่ต้องนำมาพิจารณาเพิ่มเติม และยังมาไม่ครบนั้น ตนคิดว่าจะยืดเวลาออกไป เพื่อให้ทุกอย่างครบถ้วน เพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ก็ควรให้โอกาส กกต. แต่การที่พรรคเพื่อไทย พยายามที่จะโวยวายว่า เป็นการซื้อเวลาให้พรรคประชาธิปัตย์นั้น ตนคิดว่าเป็นการกล่าวหาที่หวังผลทางการเมือง ซึ่งคนหล่านี้กล่าวหามาโดยตลอดว่า กกต.ชุดนี้ปฏิบัติหน้าที่ 2 มาตรฐาน โดยได้มีการเตรียมการชุมนุมไว้แล้ว เพื่อสร้างแรงกดดันที่หน้ากกต. แต่โฆษกพรรคเพื่อไทย อ้างว่าเหตุประจวบเหมาะกับการเลื่อนการวินิจฉัยของกกต. ฉะนั้นกกต.ต้องมีความหนักแน่นในการพิจารณา ไม่ต้องกลัวการข่มขู่ ความจริงคือ ความจริงหากพรรคประชาธิปัตย์ผิดก็ว่าไปตามผิด หากไม่ผิด ก็ควรยกคำร้อง
" การที่พรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่ายุบพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ เพราะเป็นพรรคของอำมาตย์นั้น ผมคิดว่าเป็นการเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวล้มอำมาตย์ เกี่ยวข้องกับพรรคประชาชน ทั้งที่ 63 ปี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคของประชาชน ดังนั้นกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า จะออกมาเปิดโปงความเชื่อมโยงระหว่างกกต. กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็อยากให้เอาข้อเท็จจริงมา ไม่ใช่มากล่าวอ้าง ใส่ร้ายกัน ถ้าเป็นเรื่งจริงทุกฝ่ายก็หนีความจริงไม่พ้น หากเป็นเรื่องเท็จ สังคมก็จะลงโทษเอง" นายเทพไท กล่าว
**พท.จี้ "อภิชาต"เลิกอุ้มปชป.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะทะเบียนพรรคการเมือง ระบุว่า ไม่สามารถพิจารณาลงความเห็นยุบพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ได้ทันภายในเดือนก.พ. ว่า ก่อนหน้านี้นายอภิชาต ก็พูดทำนองเดียวกันว่า ไม่สามารถพิจารณาเรื่องการยุบพรรคดังกล่าวให้ทันภายในเดือนม.ค. ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงคณะกรรมการการเลือกตั้งทุกคนได้ดูสำนวนจากอนุกรรมการและสำนวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นนายอภิชาตจะอ้างเรื่องเวลาและขอเลื่อนการพิจารณาต่อไปเรื่อยๆไม่ได้ หากนายอภิชาตยกเรื่องเวลามาเป็นข้ออ้างก็จะแสดงให้เห็นเจตนาของนายอภิชาตว่าต้องการซื้อเวลาพิจารณาเรื่องดังกล่าวออกไปให้นานที่สุด เพื่อรอสถานการณ์ที่เหมาะสมแล้วอาจจะพิจารณาลงความเห็นเหมือนที่เคยให้ความเห็นไว้ว่าให้ยกคำร้อง
**ปล่อยสังคมพิจารณาปธ.กกต.
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า การกระทำของนายอภิชาต จะแสดงให้สังคมเห็นธาตุแท้ว่า ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางและเที่ยงตรงหรือไม่ หากเปรียบเทียบกับการพิจารณาเรื่องต่างๆในอดีต ที่เคยดำเนินการโดยเฉพาะการพิจารณายุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ถ้าองค์กรอิสระยังไม่เป็นกลาง ประชาชนและพรรคการเมืองต่างๆ ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ จะหวังพึ่งความยุติธรรมจากนายอภิชาตได้อย่างไร ขอเรียกร้องให้สังคมไทย พิพากษาพฤติกรรมของนายอภิชาต ว่า ควรจะทำหน้าที่ในตำแหน่งประธานกกต.ที่รับเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชน อีกต่อไปหรือไม่
**ชี้กกต.รอดูกระแสการเมือง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณี กกต.ระบุว่า จะตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ หลังเดือนก.พ.ว่า เดิมทีเรื่องนี้ก็น่าสงสัยอยู่แล้วที่ประธานกกต. ในฐานะนายทะเบียน ลงมติยกคำร้อง ช่วยพรรคประชาธิปัตย์ ไปตั้งแต่เดือนธ.ค. ปีที่ผ่านมาว่า ลงมติไปก่อนได้อย่างไร และเมื่อมีการส่งสัญญาณว่า จะพิจารณาตัดสินคดีช่วงหลังปีใหม่ สุดท้ายก็เลื่อนไปอีกเป็นหลังเดือนก.พ. มันยิ่งทำให้เห็นความผิดปกติมากขึ้นไปอีก เชื่อว่า เป็นการหาเรื่องช่วยกันมากกว่า
การเลื่อนไปตัดสินหลังเดือน ก.พ.ก็เพราะต้องการดูกระแสการเมืองหลังคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดย กกต.จะรอดูสภาพของพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงว่าเป็นอย่างไร หากปรากฏว่าอยู่ในสภาพเพลี่ยงพล้ำ ถูกโจมตีจากกระแสสังคม กกต. ก็จะอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนนี้ ยกคำร้อง ช่วยพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วสังคมเกิดความเห็นใจ กกต.ก็คงไม่กล้าฝืนกระแส โดยโยนเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ซึ่งถือเป็นกระบวนการที่น่าละอายอย่างยิ่ง ที่เอาคดีความ มาอิงกับกระแสการเมือง ถือเป็นการซ้ำเติมระบบกระบวนการยุติธรรม ที่ถูกมองว่ามี 2 มาตรฐานของประเทศ
" การที่พรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่ายุบพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ เพราะเป็นพรรคของอำมาตย์นั้น ผมคิดว่าเป็นการเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวล้มอำมาตย์ เกี่ยวข้องกับพรรคประชาชน ทั้งที่ 63 ปี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคของประชาชน ดังนั้นกรณีที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า จะออกมาเปิดโปงความเชื่อมโยงระหว่างกกต. กับพรรคประชาธิปัตย์ ก็อยากให้เอาข้อเท็จจริงมา ไม่ใช่มากล่าวอ้าง ใส่ร้ายกัน ถ้าเป็นเรื่งจริงทุกฝ่ายก็หนีความจริงไม่พ้น หากเป็นเรื่องเท็จ สังคมก็จะลงโทษเอง" นายเทพไท กล่าว
**พท.จี้ "อภิชาต"เลิกอุ้มปชป.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะทะเบียนพรรคการเมือง ระบุว่า ไม่สามารถพิจารณาลงความเห็นยุบพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท และการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ได้ทันภายในเดือนก.พ. ว่า ก่อนหน้านี้นายอภิชาต ก็พูดทำนองเดียวกันว่า ไม่สามารถพิจารณาเรื่องการยุบพรรคดังกล่าวให้ทันภายในเดือนม.ค. ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงคณะกรรมการการเลือกตั้งทุกคนได้ดูสำนวนจากอนุกรรมการและสำนวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นนายอภิชาตจะอ้างเรื่องเวลาและขอเลื่อนการพิจารณาต่อไปเรื่อยๆไม่ได้ หากนายอภิชาตยกเรื่องเวลามาเป็นข้ออ้างก็จะแสดงให้เห็นเจตนาของนายอภิชาตว่าต้องการซื้อเวลาพิจารณาเรื่องดังกล่าวออกไปให้นานที่สุด เพื่อรอสถานการณ์ที่เหมาะสมแล้วอาจจะพิจารณาลงความเห็นเหมือนที่เคยให้ความเห็นไว้ว่าให้ยกคำร้อง
**ปล่อยสังคมพิจารณาปธ.กกต.
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า การกระทำของนายอภิชาต จะแสดงให้สังคมเห็นธาตุแท้ว่า ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางและเที่ยงตรงหรือไม่ หากเปรียบเทียบกับการพิจารณาเรื่องต่างๆในอดีต ที่เคยดำเนินการโดยเฉพาะการพิจารณายุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ถ้าองค์กรอิสระยังไม่เป็นกลาง ประชาชนและพรรคการเมืองต่างๆ ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ จะหวังพึ่งความยุติธรรมจากนายอภิชาตได้อย่างไร ขอเรียกร้องให้สังคมไทย พิพากษาพฤติกรรมของนายอภิชาต ว่า ควรจะทำหน้าที่ในตำแหน่งประธานกกต.ที่รับเงินเดือนจากภาษีอากรของประชาชน อีกต่อไปหรือไม่
**ชี้กกต.รอดูกระแสการเมือง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณี กกต.ระบุว่า จะตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ หลังเดือนก.พ.ว่า เดิมทีเรื่องนี้ก็น่าสงสัยอยู่แล้วที่ประธานกกต. ในฐานะนายทะเบียน ลงมติยกคำร้อง ช่วยพรรคประชาธิปัตย์ ไปตั้งแต่เดือนธ.ค. ปีที่ผ่านมาว่า ลงมติไปก่อนได้อย่างไร และเมื่อมีการส่งสัญญาณว่า จะพิจารณาตัดสินคดีช่วงหลังปีใหม่ สุดท้ายก็เลื่อนไปอีกเป็นหลังเดือนก.พ. มันยิ่งทำให้เห็นความผิดปกติมากขึ้นไปอีก เชื่อว่า เป็นการหาเรื่องช่วยกันมากกว่า
การเลื่อนไปตัดสินหลังเดือน ก.พ.ก็เพราะต้องการดูกระแสการเมืองหลังคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดย กกต.จะรอดูสภาพของพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงว่าเป็นอย่างไร หากปรากฏว่าอยู่ในสภาพเพลี่ยงพล้ำ ถูกโจมตีจากกระแสสังคม กกต. ก็จะอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนนี้ ยกคำร้อง ช่วยพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วสังคมเกิดความเห็นใจ กกต.ก็คงไม่กล้าฝืนกระแส โดยโยนเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ซึ่งถือเป็นกระบวนการที่น่าละอายอย่างยิ่ง ที่เอาคดีความ มาอิงกับกระแสการเมือง ถือเป็นการซ้ำเติมระบบกระบวนการยุติธรรม ที่ถูกมองว่ามี 2 มาตรฐานของประเทศ