ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เมื่อเวลา 10.00 น
วานนี้ (29 ม.ค.) พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานคณะกรรมการ ตรวจสอบอำนาจรัฐของสมัชชาแห่งประเทศไทย และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย เดินทางเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมประกอบคำร้อง ต่อประธาน กกต.และกกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กรณีที่เป็นบุคคล ที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง แต่กลับมีพฤติกรรมเข้ามายุงเกี่ยวกับการให้พรรคชาติไทยพัฒนา ในการเคลื่อนไหวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่มองแล้วทำให้เห็นเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย จึงอยากให้ กกต.เร่งดำเนินการ หากเห็นว่ามีพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายก็ควรที่จะมีมติยุบพรรคชาติไทยพัฒนา ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยเร็ว มิเช่นนั้นจะดำเนินการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และทำงานล่าช้า
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้ทางกกต.เห็นว่า การดำเนินการของผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ เป็นเพียงการถูกตัดสิทธิทางการเมือง คือ หากมีการเลือกตั้งก็ไม่สามารถที่จะไปใช้สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือใช้สิทธิการลงคะแนนได้เท่านั้น ส่วนการเคลื่อนไหว ดังกล่าวไม่ถือว่าผิดกฎหมาย พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามมิให้ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิทำเสมือนหนึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค เลขาธิการพรรค และเลขาธิการพรรค รวมทั้งห้ามครอบงำการดำเนินการในพรรคการเมือง ซึ่งเช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้มีการโฟนอินเข้ามา ให้พรรคเพื่อไทย นายบรรหาร น่าที่จะนำแบบอย่างของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนาแนะนำว่าควรทำตัวอย่างไร ช่วงที่ต้องถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง
ส่วนหากกกต.ชี้มูลว่าไม่ผิดและยกคำร้องเหมือนกรณีที่เคยร้องมา ให้ดำเนินการตรวจสอบผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเข้าหารือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บ้านพิษณุโลกจะทำอย่างไรนั้น นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังรวบรวมการทำงานของ กกต. หากมีความคิดเช่นนั้นก็ควรยุบ กกต.ทิ้งไปเลย ทั้งที่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต้องการให้ กกต.เข้ามาจัดการกับนักการเมืองที่ไม่ดี หาก กกต.ไม่ดำเนินการเราก็ต้องรื้อกกต. เพราะรัฐธรรมนูญระบุไว้ให้กกต. ทำงานเชิงรุก แต่กกต.ก็อ้างว่าต้องมีผู้ร้องจึงจะสอบสวนเรื่องดังกล่าวได้ ทั้งที่กกต.มีอำนาจจัดการได้อย่ามาอ้างข้างๆ คูๆ เท่าที่เห็นการดำเนินการของ กกต.ทุกวันนี้ก็มี 2 มาตรฐานให้เห็น ตั้งแต่การยุบพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน แต่พอมาถึงกรณีการพิจารณาเงินบริจาค 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน แต่กลับยังไม่มีการดำเนินการอะไร
เมื่อสังคมกดดันก็ป่วยเข้าโรงพยาบาลเพื่อดึงเวลา การพิจารณาของ กกต. ควรจะเป็นกลาง ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา อย่าไปคิดว่าตัวเองยังเป็นตุลาการอยู่
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ยังกล่าวสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มีความเห็น ที่ไม่ร่วม ด้วยกับพรรคร่วมรัฐบาลที่จะแก้รัฐธรรมนูญ ว่า การแก้รัฐธรรมนูญ ต้องเป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งตนเห็นด้วยกับการที่จะไม่มีการแก้ไขแต่ถ้าแก้แล้วมีประโยชน์กับประชาชน และทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้นเราก็ยินดี แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นรัฐบาล ทำงานให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนำเงินมาแจก 2พันบาทเท่านั้น
ต่อมานายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เดินทางเข้าชี้แจง ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีที่พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ยื่นเรื่องให้กกต. ยุบพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาล ที่นายกรัฐมนตรีเชิญผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ ทางการเมืองเข้าหารือการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บ้านพิษณุโลก โดยนายชุมพล เปิดเผยว่า การที่ตนพูดคุยกับนายบรรหารในหลาย ๆ เรื่อง ก็เหมือนเป็นการพูดคุยในฐานะพี่น้อง เพื่อขอความเห็นจากผู้มีประสบการสูงทางด้านการเมือง ผ่านงานราชการมาเยอะ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ นายบรรหารไม่ได้เข้ามาแทรกแซง การทำงานในพรรค เพราะตนยังเป็นหน้าพรรคและก็เป็นคนสั่งการภายในพรรคเองไม่มีใครสามารถมาสั่งได้
วานนี้ (29 ม.ค.) พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานคณะกรรมการ ตรวจสอบอำนาจรัฐของสมัชชาแห่งประเทศไทย และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย เดินทางเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมประกอบคำร้อง ต่อประธาน กกต.และกกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบการกระทำของนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กรณีที่เป็นบุคคล ที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง แต่กลับมีพฤติกรรมเข้ามายุงเกี่ยวกับการให้พรรคชาติไทยพัฒนา ในการเคลื่อนไหวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่มองแล้วทำให้เห็นเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย จึงอยากให้ กกต.เร่งดำเนินการ หากเห็นว่ามีพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายก็ควรที่จะมีมติยุบพรรคชาติไทยพัฒนา ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยเร็ว มิเช่นนั้นจะดำเนินการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และทำงานล่าช้า
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้ทางกกต.เห็นว่า การดำเนินการของผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ เป็นเพียงการถูกตัดสิทธิทางการเมือง คือ หากมีการเลือกตั้งก็ไม่สามารถที่จะไปใช้สิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือใช้สิทธิการลงคะแนนได้เท่านั้น ส่วนการเคลื่อนไหว ดังกล่าวไม่ถือว่าผิดกฎหมาย พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามมิให้ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิทำเสมือนหนึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค เลขาธิการพรรค และเลขาธิการพรรค รวมทั้งห้ามครอบงำการดำเนินการในพรรคการเมือง ซึ่งเช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้มีการโฟนอินเข้ามา ให้พรรคเพื่อไทย นายบรรหาร น่าที่จะนำแบบอย่างของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนาแนะนำว่าควรทำตัวอย่างไร ช่วงที่ต้องถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง
ส่วนหากกกต.ชี้มูลว่าไม่ผิดและยกคำร้องเหมือนกรณีที่เคยร้องมา ให้ดำเนินการตรวจสอบผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเข้าหารือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บ้านพิษณุโลกจะทำอย่างไรนั้น นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังรวบรวมการทำงานของ กกต. หากมีความคิดเช่นนั้นก็ควรยุบ กกต.ทิ้งไปเลย ทั้งที่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต้องการให้ กกต.เข้ามาจัดการกับนักการเมืองที่ไม่ดี หาก กกต.ไม่ดำเนินการเราก็ต้องรื้อกกต. เพราะรัฐธรรมนูญระบุไว้ให้กกต. ทำงานเชิงรุก แต่กกต.ก็อ้างว่าต้องมีผู้ร้องจึงจะสอบสวนเรื่องดังกล่าวได้ ทั้งที่กกต.มีอำนาจจัดการได้อย่ามาอ้างข้างๆ คูๆ เท่าที่เห็นการดำเนินการของ กกต.ทุกวันนี้ก็มี 2 มาตรฐานให้เห็น ตั้งแต่การยุบพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน แต่พอมาถึงกรณีการพิจารณาเงินบริจาค 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน แต่กลับยังไม่มีการดำเนินการอะไร
เมื่อสังคมกดดันก็ป่วยเข้าโรงพยาบาลเพื่อดึงเวลา การพิจารณาของ กกต. ควรจะเป็นกลาง ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา อย่าไปคิดว่าตัวเองยังเป็นตุลาการอยู่
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ยังกล่าวสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มีความเห็น ที่ไม่ร่วม ด้วยกับพรรคร่วมรัฐบาลที่จะแก้รัฐธรรมนูญ ว่า การแก้รัฐธรรมนูญ ต้องเป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งตนเห็นด้วยกับการที่จะไม่มีการแก้ไขแต่ถ้าแก้แล้วมีประโยชน์กับประชาชน และทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้นเราก็ยินดี แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นรัฐบาล ทำงานให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนำเงินมาแจก 2พันบาทเท่านั้น
ต่อมานายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เดินทางเข้าชี้แจง ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีที่พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ยื่นเรื่องให้กกต. ยุบพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคร่วมรัฐบาล ที่นายกรัฐมนตรีเชิญผู้ถูกเพิกถอนสิทธิ ทางการเมืองเข้าหารือการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่บ้านพิษณุโลก โดยนายชุมพล เปิดเผยว่า การที่ตนพูดคุยกับนายบรรหารในหลาย ๆ เรื่อง ก็เหมือนเป็นการพูดคุยในฐานะพี่น้อง เพื่อขอความเห็นจากผู้มีประสบการสูงทางด้านการเมือง ผ่านงานราชการมาเยอะ ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ นายบรรหารไม่ได้เข้ามาแทรกแซง การทำงานในพรรค เพราะตนยังเป็นหน้าพรรคและก็เป็นคนสั่งการภายในพรรคเองไม่มีใครสามารถมาสั่งได้
