xs
xsm
sm
md
lg

รู้ทันตลาดทุน:ผลกระทบจากวิกฤติการคลังกรีซ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

SCRI ประเมินว่า " ปัญหาวิกฤติหนี้กรีซ " คือ "ปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรป" ซึ่งส่งผลสะท้อนโดยตรง มายังความเชื่อมั่นต่อการจัดการของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโร (Euro Zone) ไม่ใช่ปัญหาของประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยต้นเหตุของปัญหาวิกฤติหนี้กรีซนั้น เริ่มมาจากการประกาศหยุดพักชำระหนี้ของบริษัท Dubai World ซึ่งถือเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐดูไบ การขอความช่วยเหลือจาก IMF ของประเทศไอซ์แลนด์ ปัจจัยทั้งหมดส่งผลให้ตลาดหรือชุมชนการเงินระหว่างประเทศเริ่มประเมินความเสี่ยงของหนี้ภาครัฐของประเทศต่างๆ ทั่วโลก และในที่สุดสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agency) 2 แห่งคือ S&P และ Fitch ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือพันบัตรรัฐบาลกรีซจากอันดับ A - ลงมาเป็น BBB+

SCRI ประเมินว่า กรณีวิกฤติหนี้ระยะสั้นของกรีซ ซึ่งคาดว่าจะต้อง Refinance เงินจำนวน 20,000 ล้านยูโรภายในเดือน เม.ย. และพ.ค. 2553 จะได้รับการช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป ซึ่งในวันนี้ (11 ก.พ. 2553) กำลังมีการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป ซึ่งรายละเอียดอย่างเป็นทางการ จะมีแถลงการณ์ในเวลา 16.45 น. ตามเวลาของกรุงบรัซเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งจะตรงกับเวลาประมาณ 22.45 น. ของวันนี้ตามเวลาในประเทศไทย โดยข่าวล่าสุด ระบุว่า** เยอรมันจะเป็นแกนหลักในการเข้าไปช่วยเหลือกรีซ **โดยแนวทางที่เป็นไปได้เป็นทั้งการร่วมกันปล่อยเงินกู้หรือการค้ำประกันเงินกู้ของกรีซ ซึ่งคาดว่ เยอรมันจะเป็นแกนหลักในการให้ความช่วยเหลือ เพราะความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของเยอรมนีเหนือกว่าฝรั่งเศสและอิตาลีมาก

SCRI คาดว่าการช่วยเหลือ "กรีซ" จะมีเงื่อนไขให้รัฐบาลจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการคลังและทางการเงินอย่างเคร่งครัด โดยคาดว่า สาระสำคัญของเงื่อนไขที่กรีซจะต้องปฏิบัติตามคือ **เร่งลดการขาดดุลการคลังให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานยุโรปคือไม่เกิน 3% ต่อ GDP **ในปี พ.ศ. 2555 ด้วยการเพิ่มภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ภาครัฐ ลดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐลง ซึ่งจะช่วยให้ลดการขาดดุลการคลังอย่างรวดเร็ว

SCRI มีความเห็นว่าการช่วยเหลือกรีซและเงื่อนไขโดยสหภาพยุโรปจะลดความกังวลเฉพาะหน้าของตลาดการเงินระหว่างประเทศที่กังวลต่อสถานะการคลังกรีซและความน่าเชื่อถือของเงินยูโร ซึ่ง SCRI ประเมินว่า การใช้มาตรฐานความเข้มงวดทางการคลังสำหรับประเทศที่ขอรับความช่วยเหลือนั้นถ้าเป็นเฉพาะประเทศกรีซ ประเทศเดียวนั้นจะมีผลกระทบในระดับต่ำต่อเพราะขนาดของ GDP กรีซ ต่อ GDP โดยรวมของประเทศสมาชิก Euro Zone 16 ประเทศ อยู่ที่ประมาณ 2.6%

SCRI ประเมินว่ามีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางยุโรป ( ECB ) จะช่วยกรีซและประเทศอื่นๆ ที่มีปัญหาการคลัง ด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำในอัตรา 1% ยาวนานกว่าที่คาดเพื่อลดต้นทุนการออกพันธบัตร ในขณะที่สหรัฐฯอาจจะดำเนินมาตรการถอนตัวออกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (Exit Strategy) ก่อนยุโรปและญี่ปุ่น ผลคือ ค่าเงินยูโรจะได้รับแรงกดดันให้อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

แม้ว่า "โปรตุเกส " จะมีความเสี่ยงต่ำที่จะเผชิญปัญหาในลักษณะเดียวกันกับกรีซ แต่ต้องจับตาโปรตุเกส เพราะโปรตุเกสมีหนี้ระยะสั้นที่ครบกำหนดใน 3 เดือนในวงเงินประมาณ 9,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอีก 6 เดือนต่อมาและ 9 เดือนต่อมาในวงเงินประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 12,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ และถ้ารวมยอดหนี้ระยะสั้นที่ต้องชำระในภายใน 1 ปี พบว่าโปรตุเกสมีพันธะที่จะต้อง Refinance คิดเป็นประมาณ 32,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 17.4 % ของหนี้คงค้างทั้งหมดของโปรตุเกส แต่เมื่อเปรียบเทียบกับหนี้ระยะสั้นของกรีซในปีนี้ซึ่งมีวงเงินประมาณ 95,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พบว่าหนี้ระยะสั้นของโปรตุเกสต่ำกว่ากรีซประมาณ 2.9 เท่า

SCRI ประเมินว่ากรณีเลวร้ายที่สุดคือ **ความเสี่ยงของหนี้ภาครัฐนั้น (Sovereign Risk) ลุกลามไปยังกลุ่มประเทศ "PIGS " ที่เหลือ ** ซึ่งประกอบไปด้วย โปรตุเกส ไอร์แลนด์ และสเปน และมีสัดส่วนของ GDP รวมกัน 4 ประเทศรวมกรีซด้วยประมาณ 16% ของ Euro Zone ซึ่งอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจยุโรปที่แม้ว่าไม่มีวิกฤติกรีซมีการขยายตัวในอัตราที่ต่ำอยู่แล้ว ถ้าเผชิญกับกรณีเลวร้ายที่สุด เศรษฐกิจยุโรปอาจจะกลับมาถดถอยอีกครั้งได้

แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น