xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นม.ค.วอลุ่มซื้อขายพุ่ง แม้ตปท.ขาย7พันล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- สถาบันวิจัยตลาดทุน เผย แนวโน้มการระดมทุนปีนี้สูงขึ้น เหตุ ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นตลท.อยู่ระหว่างแก้เกณฑ์เอื้อบจ.เพิ่มทุนสะดวก เพื่อนำเงินขยายธุรกิจ พร้อมตั้งเป้านำหุ้นขนาดใหญ่เข้าจด ทะเบียน “ยรรยง” แจง มูลค่าซื้อขายเฉลี่ย ม.ค.สูง 1.9 หมื่นล้านบาท แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าเกิดจากนักลงทุนรายใหญ่เทรดมากขึ้นจากมีโปรโมชั่นค่าคอมมิชชั่น0% หรือไม่ พร้อมเชื่อ เม็ดเงินต่างชาติยังไหลเข้ามาลงทุน แม้ปัจจุบันยอดขายสุทธิ 7.5 พันล้านบาท
นายยรรยง ไทยเจริญ ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจาก ภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ดังนั้นความต้องการในการระดมทุนเพื่อใช้ในการขยายกิจการจึงมากขึ้นตาม และตลาดหลักทรัพย์ฯมีการแก้ไขกฎเกณฑ์เพื่อเอื้อให้บริษัทจดทะเบียนมีการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนสะดวกมากขึ้น ประกอบกับปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ตั้งเป้าในการนำบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียนจะเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป)ขึ้นอีก 1 แสนล้านบาทเฉพาะหุ้นไอพีโอ
ทั้งนี้ในเดือนมกราคมมูลค่าระดมทุน 839 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าระดมทุน 215 ล้านบาท จากภาวะเศรษฐกิจและภาวะตลาดหลักทรัพย์ที่ดีขึ้น แต่การระดมทุนในเดือนมกราคม2553 มีเพียงการระดมทุนในตลาดรองเท่านั้น โดยไม่มีการระดมทุนจากหุ้นไอพีโอเลย ซึ่งบริษัทที่มีการระดมทุนสูงสุดคือ บริษัทหลักทรัพย์คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือCGS มูลค่า 604 ล้านบาท และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)หรือ IRPC มูลค่าระดมทุน 205 ล้านบาท
สำหรับ มูลค่าการซื้อขายในเดือนมกราคมมีมูลค่ารวม 380,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7 % จากเดิมธันวาคมปี2552 ซึ่งมีมูลค่าซื้อขายเฮลี่ยต่อวันอยู่ที่ 19,027 ล้านบาท สูงกว่ามูลค่าซื้อขายเฉลี่ยทั้งปี2552ที่18,226 ล้านลาท โดยการที่มูลค่าการซื้อขายในเดือนนี้ที่เพิ่มขึ้นนั้นยังไม่สามารถประเมินได้ว่าเกิดจากนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาซื้อขายหุ้นมากขึ้นจากที่บริษัทหลักทรัพย์ฯได้มีการคิดค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์มูลค่ามากกว่า 20 ล้านบาทที่อัตรา 0% หรือไม่
ทั้งนี้เนื่องจากเป็นเดือนแรก ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการศึกษาก่อน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาดูผลกระทบของการคิดค่าคอมมิชชั่นขั้นบันไดอีก 6 เดือนถึงจะเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น โดยจากสถาบันวิจัยมีแผนที่จะศึกษาผลกระทบของการคิดค่าคอมมิชชั่นขั้นบันได แต่ปกติสถิติที่ผ่านมาเดือนมกราคมจะเป็นเดือนที่มีมูลค่าการซื้อขายที่สูงอยู่แล้ว
โดยนักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนการซื้อขาย 56.4% ของมูลค่าซื้อขายรวม มียอดซื้อสุทธิ 17,810 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาตมีสัดส่วนซื้อขาย 22% ของมูลค่าซื้อขายรวม มียอดขายสทุธิติดต่อกันเป็นเดือนที่3มูลค่า7,503 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศสัดส่วนการซื้อขาย 7.5% มียอดขายสุทธิ 8,238 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์มีสัดส่วนซื้อขาย 14% มียอดขายสุทธิ 2,068 ล้านบาท
“ดัชนีตลาดหุ้นไทยเดือนมกราคมปิดที่696.55 จุด ลดลง 5.17%จากเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศจากความกังวลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกหลังจากจีนมีการออกมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงข่าวการจำกัดธุรกรรมการลงทุนของสถาบันการเงินสหรัฐอเมริกา และไทยยังมีปัญหาทางการเมืองในประเทศ ”นายยรรยง
สำหรับทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศนั้นเชื่อว่าจะมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในเอเชียและตลาดหุ้นไทย เพราะ เศรษฐกิจมีการเติบโตที่ดี ผลประกอบการดี มีการจ่ายเงินปันผลที่สูง และจากการที่ประเทศที่มีการพัฒนานั้นมีเม็ดเงินสภาพคล่องที่สูงทำให้จะตอ้งหาแหล่งเงินทุนเพื่อที่จะเพิ่มผลตอบแทนที่ดี แต่อาจจะมีการขายหุ้นออกไปบ้าง จากปัจจัยที่จะเข้ามากระทบ แต่การขายหุ้นก็จะไม่การขายหุ้นออกไปไม่รุนแรงเนื่องจากผ่านช่วงเลวร้ายที่สุดไปแล้ว
ส่วนปริมาณการซื้อขายตลาดอนุพันธ์เดือนมกราคมเฉลี่ยซื้อขายต่อวัน 12,997 สัญญา ลดลง 12% จากเดือนธันวาคม2552จากการลดลงของSet 50Index Futures ที่ลดลง16% และการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สลดลง13% ซึ่งเป็นการลงทุนตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก แต่ปริมาณการซื้อขายฟิวเจอร์สหุ้นรายตัวปรับตัวเพิ่มขึ้น 19%
กำลังโหลดความคิดเห็น