xs
xsm
sm
md
lg

ปักกิ่งเร่งเพิ่มสมรรถนะการทำสงครามไซเบอร์ (ตอนแรก)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ขณะที่ความโกรธกริ้วจากกรณีที่กล่าวหากันว่าจีนทำการโจมตีทางไซเบอร์ต่อบริษัทกูเกิล ได้บรรเทาลดระดับลงไปมากแล้วในเวลานี้ แต่ก็เป็นคาดหมายกันว่าการเผชิญหน้ากันระหว่างจีนกับสหรัฐฯในประเด็นปัญหาที่มีขอบเขตกว้างไกลยิ่งกว่า นั่นคือในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของอินเทอร์เน็ต และการทำสงครามดิจิตอลระดับโลก จะต้องทวีความดุเดือดยิ่งขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้

การประจันหน้าดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่าจะพิจารณากันให้มากเป็นพิเศษ เมื่อคำนึงถึงสายสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายที่กำลังเลวร้ายลง สืบเนื่องจากประเด็นปัญหาต่างๆ ตั้งแต่เรื่องค่าเงินเหรินหมินปี้ (หยวน) ของจีน ไปจนถึงการที่สหรัฐฯยืนกรานจะขายอาวุธให้ไต้หวัน

ในฝ่ายจีน คณะผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (พคจ) กำลังทุ่มเททรัพยากรอย่างชนิดไม่เคยกระทำมาก่อน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่แสนยานุภาพด้านสงครามไซเบอร์ของตนซึ่งก็อยู่ในระดับน่าเกรงขามอยู่แล้ว

การวิจัยและพัฒนาในเรื่องการทำศึกที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นฐาน ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่องการจารกรรมและการต่อต้านการจารกรรมทางไซเบอร์ด้วย ได้รับการจัดลำดับเป็นเรื่องสำคัญยิ่งในแผนระยะห้าปีฉบับที่ 12 (ปี2011-2015) ที่กำลังร่างกันทั้งโดยรัฐบาลกลางและโดยกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (ทปจ) ประธานาธิบดีหูจิ่นเทา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดด้วย กำหนดให้การเพิ่มสมรรถนะในการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเรื่องสำคัญลำดับสูงสุดของกองกำลังอาวุธป้องกันประเทศและรักษาความมั่นคงปลอดภัยในช่วง 10 ปีต่อจากนี้ไป นอกจากนั้น ยังมีการใช้นโยบายให้สิทธิพิเศษและผลประโยชน์ต่างๆ แก่พวกวิสาหกิจคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ทำการวิจัยและพัฒนาในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศ(ไอที)

อันที่จริงนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 แล้ว วิสาหกิจดังกล่าวเหล่านี้มีการแบ่งปันแลกเปลี่ยนทรัพยากรและข้อมูลกับพวกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งใน ทปจ, กองกำลังตำรวจติดอาวุธของประชาชน ซึ่งเป็นกองกำลังกึ่งทหาร, กระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ(กมร) และกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ (กมส)

การที่คณะผู้นำ พคจ มีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มสมรรถนะการทำสงครามดิจิตอลอย่างเต็มสูบเช่นนี้ เนื่องมาจากแนวความคิดข้อพิจารณาสำคัญๆ 2 ประการ ประการแรกคือความต้องการที่จะลดช่วงห่างที่ยังล้าหลังสหรัฐฯ ดังที่ ศาสตราจารย์ฟางปิ่นซิง (Fang Binxing) อธิการบดีมหาวิทยาลัยไปรษณีย์และโทรคมนาคมปักกิ่ง และเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเน็ตระดับท็อปคนหนึ่งของจีน ชี้เอาไว้ว่า “สหรัฐฯเป็นมหาอำนาจระดับแนวหน้าที่สุดอย่างไม่มีข้อสงสัยเลย ในเรื่องการรุกโจมตีและการป้องกันชนิดที่อิงอาศัยไซเบอร์” ขณะที่สมรรถนะของจีนยังคง “ล้าหลังอย่างยิ่ง”

ประการที่สอง คือความปรารถนาที่จะพิทักษ์คุ้มครอง “อธิปไตยด้านไอที” ของจีน กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนอ้างว่า จีนคือเหยื่อที่ถูกโจมตีทางไซเบอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยในปีที่แล้วมีเว็บไซต์ 42,000 แห่งที่ถูกแฮกเกอร์โจมตี และในแต่ละเดือนมีเครื่องคอมพิวเตอร์ 18 ล้านเครื่องถูกเล่นงานด้วยไวรัส แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านี้อีก ก็คือทางผู้รับผิดชอบของ พคจ มีความต้องการที่จะตอบโต้สิ่งที่พวกเขากล่าวหาว่าเป็นความพยายามของพวกรัฐบาลและองค์การต่างๆ ในโลกตะวันตก ที่จะเผยแพร่ความคิด “เสรีนิยมชนชั้นนายทุน” และต่อต้านสังคมนิยม จนท่วมท้นเต็มล้นไปทั่วไซเบอร์สเปซ

(อ่านต่อตอนจบในฉบับวันพรุ่งนี้)

(เก็บความและตัดตอนจากเรื่อง Beijing beefs up cyber-warfare capacity โดย Dr. Willy Wo-Lap Lam นักวิจัยอาวุโสแห่งมูลนิธิ Jamestown Foundation)
กำลังโหลดความคิดเห็น