xs
xsm
sm
md
lg

คำนูณžจี้รัฐจัดการวิทยุชุมชนปลุกระดมเปลี่ยนการปกครอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่าสถานการณ์ปัญหาความมั่นคงของชาติในเวลานี้ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือการใช้เครือข่ายวิทยุชุมชนดำเนินการให้ข้อมูลอันมีลักษณะเป็นเท็จต่อประชาชน เพื่อหวังปลุกระดมมวลชนให้เข้ามาร่วมขบวน เคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อขับไล่รัฐบาล และในบางครั้งถึงขั้นมีเป้าหมายเพื่อ เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองปัจจุบัน ซึ่งเมื่อรวมเครือข่ายใหญ่และเครือข่ายย่อยทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดแล้ว มีนับร้อยสถานี รัฐบาลจะต้องเร่งรีบดำเนินการอย่างใด อย่างหนึ่งก่อนที่จะสายเกินไป ไม่อาจรอให้เกิดเหตุใหญ่ขึ้นมาก่อนแล้วค่อยใช้ กฎหมายพิเศษดำเนินการ เพราะเครือข่ายเหล่านี้คือเครื่องมือในการก่อเหตุใหญ่
เข้าใจครับว่าเป็นอำนาจของ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) และรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดภาพการกระทบกระเทือนสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ แต่อย่าลืมว่าอีกด้านหนึ่งรัฐบาล ก็มีหน้าที่ต้องรักษากฎหมาย ทำให้กฎหมายบังคับใช้ได้ และรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรตามรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายอาญาด้วย กทช. มีอนุกรรมการดูแลเรื่องนี้อยู่ รัฐบาลควรขีดเส้นให้ไป หากยังไม่ดำเนินการ รัฐบาลก็ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเองโดยอิงประมวลกฎหมายอาญาและพ.ร.บ.ความมั่นคง
นายคำนูณ กล่าวว่าอยากให้รัฐบาลทบทวนบทเรียนในอดีต ในยุคสงครามเย็น พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) มีเพียงสถานีวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย (สปท.) ตั้งอยู่ที่เมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพียงสถานีเดียว เป็นวิทยุคลื่นสั้นรับฟังได้ไม่ง่ายนัก ยังสามารถก่อสงครามประชาชนสร้างความเสียหายให้ประเทศอย่างหนักได้ หรือแม้แต่เหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 มีการปลุกระดมมวลชนผ่าน สถานีวิทยุยานเกราะสถานีเดียว ยังสามารถทำให้เกิดการเข่นฆ่ากลางเมือง อย่างโหดเหี้ยมได้ เทียบกับทุกวันนี้ที่มีเครือข่ายวิทยุชุมชนคลื่นเอฟเอ็มรับฟังได้ง่ายเป็นร้อยสถานี หากไม่ตระหนักว่านี่คือปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งบริหารจัดการโดยไม่โยนให้เป็นความรับผิดชอบขององค์กรหนึ่งองค์กรใด หรืออ้างเหตุแต่เพียงว่าไม่มีอำนาจไม่ใช่หน้าที่ อย่าคิดว่าสงครามประชาชนยุคใหม่จะเกิดขึ้นไม่ได้ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินการกับสถานีวิทยุชุมชนที่ปลุกระดมประชาชนให้ออกมาเคลื่อนไหว ทางการเมืองเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง แต่ที่หนักใจในเวลานี้มี 3 ส่วนคือ วิทยุชุมชน , โทรทัศน์ดาวเทียม และ เคเบิ้ลทีวี ที่มีอนุกรรมการฯของ กทช.ดูแล แต่จากการที่ตนได้ประสานกับคณะกรรมการบางคนในอนุฯกทช.ว่า ขอให้จับตาดูในกรณีใช้สื่อไปปลุกปั่นด้วย และถ้าจะมาบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ก็ไม่ถูกต้อง เพราะอำนาจตรงนี้ถูกยกออกไปจากกรมประชาสัมพันธ์ตั้งแต่ปีรัฐธรรมนูญปี 40 และถ้า กทช.ไม่ทำบ้านเมืองก็จะวุ่นวาย
นายสาทิตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ กล่าวตำหนิรายการ เกาที่คัน และ เจาะข่าวร้อน ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11มีเนื้อหาเป็นการสร้างความแตกแยก ของคนในชาติว่า ในฐานะที่เป็นสื่อมวลชนก็ต้องเปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็น ของทุกฝ่าย ลักษณะการทำรายการในช่อง 11 ผู้ผลิตรายการแต่ละคนก็ต้องมีความรับผิดชอบ ในส่วนของตน เข้าใจว่าสถานการณที่อ่อนไหวก็อาจจะมีคนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันได้ และจากการที่ให้นโยบายและกำชับลงไปนั้นจะเน้นที่ว่า ทุกเรื่องขอให้สะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้น และเมื่อมีการสะท้อนข้อเท็จจริงออกไปก็ย่อมมีมุมมอง ที่แตกต่างกันได้ ตนมองว่าตรง นี้เป็นเรื่องปกติธรรมดา
ที่ส.ว.ออกมาพูด ผมก็เข้าใจท่าน มุมมองอาจแตกต่างกัน ก็ยินดีรับฟังแต่เราก็พยายามกำกับดูแลเนื้อหาให้อยู่ภายใต้กรอบข้อเท็จจริงการทำความเข้าใจกับสังคม ต้องยอมรับว่าในสถานการณ์ของประเทศขณะนี้การทำความเข้าใจและชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะผมเห็นว่าจำเป็นต้องได้รับข้อมูลครบถ้วนรอบด้าน ช่อง 11 และรายการสื่อของรัฐทั้งหมดไม่มีความตั้งใจที่จะเติมสถานการณ์ให้มีความรุนแรงมากขึ้นแต่เราต้องการที่จะสื่อให้คนได้รับรู้ข้อเท็จจริง รับรู้ถึงกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องรับรู้ถึงว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้างและที่ผลกระทบอะไร และคนที่รับสื่อเองก็มีหน้าทีที่จะไปตัดสินใจหลังจากได้รับข้อมูลเหล่านั้น ส่วนรายการที่นำเสนอข้อเท็จจริงต่อประชาชนนั้นรูปแบบเป็นอย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า รูปแบบเวลานี้มี 2-3 รูปแบบ อาทิ 1.การให้ข้อเท็จจริง โดยผ่านรายการข่าวต่างๆ ในรูปแบบสกู๊ปข่าว 2. การจัดรายการพิเศษ หรือเป็น รายการที่ไทน์อินลงไปรายการ ที่ทางช่อง 11 หรือช่องอื่นที่ประสานอยู่ ช่วยกันให้ข้อเท็จจริง ส่วนช่อง 11 อาจจะการจัดรายการพิเศษและลิงค์กับสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ รวมทั้งวิทยุชุมชนที่เป็นเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งก็ได้เริ่ม ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. แล้ว และ 3.ทำในรูปแบบของสื่อเฉพาะ ที่อาจจะทำในรูปแบบที่ให้นายกรัฐมนตรีสามารถสื่อกับประชาชนในพื้นที่ภาคต่างๆ
ต้องการสะท้อนให้เห็นว่านายกฯมานี่ มาเพื่อต้องการแก้ไขปัญหาประเทศ ไม่ได้ต้องการมาเพื่อไปทะเลาะกับใคร เราไม่ได้มาทำการแก้แค้นใครเป็นการเฉพาะ และงานที่ทำไปแล้วได้ประโยชน์อะไร เช่นการประกันรายได้ ต้องการทำให้คนเข้าใจ เพื่อป้องกันการไปบิดเบือนว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ตั้งขึ้นโดยคณะปฎิวัติบ้าง ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นนอมินีใครบ้าง ต้องแก้ข้อกล่าวเหล่านี้และทำให้คนเห็นว่าจริงที่เขา ได้ประโยชน์ต่างๆ นั้นมาจากรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์
กำลังโหลดความคิดเห็น