ส.ว.สรรหา สะกิดนายกฯ อย่าอ้างเป็นหน้าที่ กทช.จัดการวิทยุชุมชนปลุกระดมโค่นล้มระบอบการปกครอง จี้สั่งปิดคลื่นโดยใช้ กม.ความมั่นคง เตือนหายนะอยู่ใกล้แค่เอื้อมหากยังนิ่งนอนใจ ยกอุทาหรณ์เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 วิทยุยานเกราะคลื่นเดียว ปลุกกระแสจนเกิดเหตุเข่นฆ่ากลางเมืองกันมาแล้ว
วันนี้ (9 ก.พ.) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาความมั่นคงของชาติในเวลานี้ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ การใช้เครือข่ายวิทยุชุมชนดำเนินการให้ข้อมูลอันมีลักษณะเป็นเท็จต่อประชาชน เพื่อหวังปลุกระดมมวลชนให้เข้ามาร่วมขบวนเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อขับไล่รัฐบาล และในบางครั้งถึงขั้นมีเป้าหมาย เพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองปัจจุบัน ซึ่งเมื่อรวมเครือข่ายใหญ่และเครือข่ายย่อยทั้งใน กทม.และต่างจังหวัดแล้ว มีนับร้อยสถานี รัฐบาลจะต้องเร่งรีบดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ก่อนที่จะสายเกินไป ไม่อาจรอให้เกิดเหตุใหญ่ขึ้นมาก่อน แล้วค่อยใช้กฎหมายพิเศษดำเนินการ เพราะเครือข่ายเหล่านี้คือเครื่องมือในการก่อเหตุใหญ่
“เข้าใจครับว่าเป็นอำนาจของ กทช. และรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดภาพการกระทบกระเทือนสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ แต่อย่าลืมว่าอีกด้านหนึ่งรัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องรักษากฎหมาย ทำให้กฎหมายบังคับใช้ได้ และรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรตามรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายอาญาด้วย กทช.มีอนุกรรมการดูแลเรื่องนี้อยู่ รัฐบาลควรขีดเส้นให้ไป หากยังไม่ดำเนินการ รัฐบาลก็ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเอง โดยอิงประมวลกฎหมายอาญาและ พ.ร.บ.ความมั่นคง”
นายคำนูณกล่าวต่อไปว่า อยากให้รัฐบาลทบทวนบทเรียนในอดีต ในยุคสงครามเย็น พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) มีเพียงสถานีวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย (สปท.) ตั้งอยู่ที่เมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพียงสถานีเดียว เป็นวิทยุคลื่นสั้นรับฟังได้ไม่ง่ายนัก ยังสามารถก่อสงครามประชาชนสร้างความเสียหายให้ประเทศอย่างหนักได้ หรือแม้แต่เหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 มีการปลุกระดมมวลชนผ่านสถานีวิทยุยานเกราะสถานีเดียว ยังสามารถทำให้เกิดการเข่นฆ่ากลางเมืองอย่างโหดเหี้ยมได้ เทียบกับทุกวันนี้ที่มีเครือข่ายวิทยุชุมชนคลื่นเอฟเอ็มรับฟังได้ง่ายเป็นร้อยสถานี หากไม่ตระหนักว่านี่คือปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งบริหารจัดการ โดยไม่โยนให้เป็นความรับผิดชอบขององค์กรหนึ่งองค์กรใดหรืออ้างเหตุแต่เพียงว่า ไม่มีอำนาจไม่ใช่หน้าที่ อย่าคิดว่าสงครามประชาชนยุคใหม่จะเกิดขึ้นไม่ได้ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า