xs
xsm
sm
md
lg

ไม่พ้นเมษาฯ ก็รู้กัน

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

ผมคุยกับเพื่อน 3-4 คน ทุกคนต่างจบปริญญาเอกทางรัฐศาสตร์ เมื่อพากันวิเคราะห์การเมืองไทย ต่างคนต่างก็ส่ายหน้า และปรารภว่าดูเหมือนโหราศาสตร์จะมีคนหันไปพึ่งพามากกว่ารัฐศาสตร์เสียแล้ว

เรื่องใดก็ตามที่มีความไม่แน่สูง หรือมีปัจจัยซับซ้อนไม่เป็นที่เปิดเผย ก็ย่อมจะมีความพยายามที่จะทำนายทายทักเป็นธรรมดา

ฝรั่งนักวิชาการส่วนใหญ่ก็พากันยอมจำนนกับการคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทย ที่เห็นชัดก็คือการคิดว่าการปฏิวัติจะหมดไปจากเมืองไทยแล้ว แต่ก็มีการปฏิวัติเกิดขึ้นอีกจนได้

มีคนไปพบหมอดู “อีที” ของพม่ามา “อีที” ผู้นี้มีคนไทยนิยมไปหามาก แกดังขึ้นมาก็เพราะการทายเลขในธนบัตร เขาว่าแม่นยำมาก ไม่รู้ว่าใช้อะไรเพราะแบงก์อยู่ในกระเป๋าเราแท้ๆ ก็ยังบอกเลขถูก เขาจึงว่าแกมีตาทิพย์เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า

มาระยะนี้ “อีที” ทายว่าเดือนเมษายนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และทักษิณจะกลับมาเป็นใหญ่อีก มิน่าเล่า ทักษิณจึงประกาศก้องว่า “This year is my year!” นอกจากนั้นก็ทำนายเรื่องร้ายๆ อีก เช่น จะมีบุคคลสำคัญเสียชีวิต และวีไอพีจะต้องหนีออกนอกประเทศ เป็นต้น

เรื่องที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่เรื่องของทักษิณ แต่เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือ เรื่องระบอบประชาธิปไตย มีคนตั้งคำถามว่า

1. ประชาธิปไตยดีจริงหรือ ถ้าปล่อยให้คนออกมาพูดทางทีวีว่า ขอให้คนเอาขวดน้ำมาคนละขวดไว้ใส่น้ำมันเตรียมเผาบ้านเผาเมือง

2. ประชาธิปไตยดีจริงหรือ ถ้าปล่อยให้คนกลุ่มหนึ่งตามรังควาน และคุกคามผู้ซึ่งพวกตนเห็นเป็นคนละฝ่าย

3. ประชาธิปไตยดีจริงหรือ ถ้าการเลือกตั้งทุกระดับต้องใช้เงินหลายสิบล้าน

4. ประชาธิปไตยดีจริงหรือ ถ้าผู้เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมีการสืบทอดกันได้ระหว่างผัวกับเมีย และผู้ซึ่งไม่มีคุณสมบัติเหมาะสม

5. ประชาธิปไตยดีจริงหรือ หากประชาชนส่วนหนึ่งซึ่งมีจำนวนมากเสียด้วย ยังคงขายสิทธิ

6. ประชาธิปไตยดีจริงหรือ หากผู้แทนราษฎรซึ่งมีหน้าที่นิติบัญญัติ ไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายแม้แต่ฉบับเดียวในรอบหนึ่งปี

7. ประชาธิปไตยดีจริงหรือ หากปล่อยให้มีการคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง มีการซื้อขายตำแหน่งทางราชการ และมีการซื้อของเกินราคา เช่น ของราคาไม่กี่พันบาท เอามาขายอันละล้านกว่าบาท

นอกจากนั้นยังมีคำถามกวนใจอีกหลายข้อ เช่น ทำไมเมืองไทยจึงยังคงว่ายเวียนอยู่กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฯลฯ

ที่จริงปัญหาที่ยกขึ้นมานี้ ไม่เกี่ยวกับความเป็นประชาธิปไตย เพราะประชาธิปไตยเป็นหลักการปกครองที่ดีหลายประการ เช่น

1. การให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชน

2. การให้ประชาชนมีความเสมอภาค และมีส่วนร่วมทางการเมือง

3. การมีการจำกัดการผูกขาดอำนาจ และให้โอกาสประชาชนเปลี่ยนผู้ปกครองได้

4. การมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างกลุ่มต่างๆ ไม่ให้กลุ่มใดกลุ่มเดียวผูกขาดอำนาจทุกๆ ด้านเอาไว้

5. การมีกลไกและกระบวนการแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี

แต่สำหรับเมืองไทยแล้ว บรรดาข้อดีของประชาธิปไตยกลับมีปัญหา เพราะแม้ประชาชนจะมีส่วนร่วมทางการเมืองได้ก็เป็นเพียงทฤษฎี เพราะในความเป็นจริง การมีส่วนร่วมที่สำคัญที่สุดคือ การเลือกตั้ง เราก็ขายสิทธิกัน และการมีส่วนร่วมโดยการเข้าไปเป็นนักการเมืองก็มีขอบเขตจำกัดให้คนเพียง 2,000-3,000 คนเท่านั้น ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาอยู่ในแวดวงการเมือง

ส่วนการจำกัดการผูกขาดอำนาจ และการตรวจสอบถ่วงดุลนั้น เราก็เคยเห็นกันแล้วว่า เมื่อใดที่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใดสามารถกุมเสียงส่วนใหญ่ได้ ก็จะทำทุกวิถีทางที่จะผูกขาดอำนาจ อย่างเช่นในสมัยทักษิณ เป็นต้น

เมื่อ 80 ปีมาแล้ว รัฐบาลไม่ยอมให้มีพรรคการเมืองเพราะให้เหตุผลว่า เป็นผลเสียมากกว่าผลดี ในปัจจุบันเรายอมรับ “ความชั่วที่จำเป็น” ข้อนี้ไปเสียแล้ว และเราก็ยังบูชา “ประชาธิปไตย” อย่างถึงขีดสุดว่าจะลดดีกรีลงไม่ได้เป็นอันขาด

ที่จริงสิ่งที่เราควรรักษาก็คือ คุณค่าที่เป็นหลักของประชาธิปไตย แต่ในปัจจุบันกลไกของรัฐ เช่น ตำรวจ และทหารได้นิ่งเฉยต่อการทำลายคุณค่าหลักของประชาธิปไตย คือ การที่เราต้องใช้กลไกล และกระบวนการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสันติวิธี เรานิ่งเฉยกับการข่มขู่ว่าจะใช้กำลังอย่างเปิดเผย ในนามของ “ประชาธิปไตย” คนกลุ่มหนึ่งสามารถไปข่มขู่ทหารได้ และมีการยิงระเบิด วางระเบิดในสถานที่ราชการของทหาร

นักรัฐศาสตร์ระดับศาสตราจารย์ 3-4 คน ต่างวิเคราะห์ว่า หากจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอนาคต อย่าหวังเลยว่าจะเป็นไปอย่างสันติ ผมเองเคยแสดงปาฐกถาเรื่อง “การเมืองไทยในสิบปีข้างหน้า” ว่าจะมีความรุนแรงทางการเมืองอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และหากจะมีความรุนแรงขั้นต่อไปก็คือ การก่อจลาจล และก่อวินาศกรรมทั่วประเทศ

ก็น่าเป็นห่วง เพราะได้มีการฉายหนังตัวอย่างซักซ้อม ฝึกปรน และชี้แนะกันอย่างโจ่งแจ้งเหมือนกับบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแปกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้ว

บางคนถึงกับไปไกล คุยกันว่าจะแบ่งแยกประเทศไทย วางแผนแยกอีสาน โดยจะหาทางออกทะเล ผ่านทางปราจีนบุรีออกทะเลทางจันทบุรี และตราด

เพื่อนๆ บอกว่าไม่พ้นเดือนเมษาฯ ก็รู้กัน!
กำลังโหลดความคิดเห็น