อันวาร์ กำลงรอให้มี ส.ส. พรรคฝ่ายค้านลาออก เพื่อให้มีการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งเขาจะลงสมัค ร เพื่อเข้าสู่สภาฯ ไปเป็นผู้นำฝ่ายค้าน และก้าวสู่เป้าหมายสูงสุดคือ เป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
แต่แล้ว เขาก็ถูกกล่าวหาด้วยข้อหาเดิม คือ มีความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศกับ อดีตผู้ช่วยคนสนิทของเขาในปี 2551 โดยผู้ช่วยคนนี้คือ โมฮัมหมัด ไซฟุล บูการี อัสลัน เป็นผู้ไปแจ้งความกับตำรวจเอง เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ว่า ถูกบังคับร่วมเพศทางทวารหนัก
อันวาร์ปฏิเสธ และตอบโต้ว่า คดีนี้ เป็นการวางแผนของคนในรัฐบาลเพื่อทำลายอนาคตทางการเมืองของเขา เพราะผู้มีอำนาจในรัฐบาลเห็นว่า เขาคือภัยคุกคามต่อรัฐบาล
สิบกว่าปีที่แล้ว อันวาร์ อิบราฮิม เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของการเมืองมาเลเซีย เขาได้รับการคาดหมายว่า จะเป็นทายาทสืบทอดตำแหน่งผู้นำของมาเลเซีย ต่อจาก มหาเธร์ โมฮัมหมัด ซึ่งเป็นคนชักชวนให้อันวาร์ เข้ามาเล่นการเมือง ในสังกัดพรรคอัมโน ตั้งแต่ พ.ศ. 2525 เพราะประทับใจในความเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ฝีปากกล้า ที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล
แต่แล้ว ดาวรุ่งก็กลายเป็นดาวร่วง อย่างพลิกความคาดหมาย เมื่อมหาธ์ ปลดอันวาร์ออกจากตำแหน่งรองนายรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2541 ด้วยเหตุผลที่ถูกเปิดเผยกันว่า ทั้งคู่มีความเห็นที่แตกต่างกัน เกี่ยวกับ แนวทางการแก้ไขวิกฤติการณ์เศรษฐกิจ ในปี 2540 ที่เริ่มต้นขึ้นที่ประเทศไทย และลามไปยังประเทศอื่นๆในเอเชีย
ตัวอันวาร์เอง เห็นด้วยกับแนวความคิดของไอเอ็มแอฟ แต่ไม่ต้องขอรับความช่วยเหลือจากไอเอ็มเอฟ เหมือนไทยและอินโดนีเซีย คือ ต้องการให้ประการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราสูง ใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว ลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อพยุงค่าเงินริงกิต และป้องกันเงินเฟ้อ แต่มหาเธร์ เห็นว่า นั่นคือ การเล่นตามเกมของไอเอ็มเอฟและชาติตะวันตก ที่จะทำให้เศรษฐกิจในประเทศได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง มหาเธร์เลือกใช้วิธีควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุน ตรึงอัตราแลกเปลี่ยนของเงินริงกิต เพื่อไม่ให้เงินไหลออกนอกประเทศ และแก้เผ็ดพวกเก็งกำไรค่าเงิน ซึ่งผลปรากฏว่า วิธีการของมหาเธร์ได้ผล เศรษฐกิจมาเลเซีย หลุดพ้นจากวิกฤติการณ์ได้เร็วกว่าประเทศอื่นๆ
ความขัดแย้งในเรื่องนี้ ทำให้มหาเธร์เริ่มไม่เขื่อถืออันวาร์ เขาลดอำนาจของอันวาร์ในรัฐบาลลงด้วยการแต่งตั้งดาอิม ไซนุดดิน เป็นหัวหน้าทีมแก้ไขวิกฤติการณ์เศรษฐกิจ แต่เหตุผลที่สันนิษฐานกันคือ มหาเธร์อาศัยเรื่องนี้ ขจัดอันวาร์ ให้พ้นไปจากเส้นทางของตน เพราะยังไม่อยากลงจากตำแหน่ง ในขณะที่ อันวาร์ก็อยากขึ้นมาแทนมหาเธร์เร็วๆ และได้รับความนิยมจากประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ
อันวาร์โดนปลดแล้ว ยังถูกมหาเธร์ใช้กฎหมายความมั่นคงภายใน ตั้งข้อหาทุจริต คอร์รัปชั่น และยังถูกกล่าวหาว่า มีพฤติกรรมรักร่วมเพศกับคนขับรถของภรรยา ในมาเลเซีย รักร่วมเพศถือเป็นความผิดอาญา
อันวาร์ถูกจำคุกในข้อหาคอรร์รัปชั่น 6 ปี และข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ 9 ปี โดยศาลให้รับโทษต่อเนื่องกัน รวมกันแล้วต้องติดคุก 15 ปี อันวาร์อุทธรณ์ต่อสู้ ทั้ง 2 ข้อหา และในปลายปี 2547 ศาลสูงมาเลเซีย ยกฟ้องข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ ปล่อยตัวเขาเป็นอิสระ หลังจากติดคุกมานาน 6 ปี
ถึงจะได้รับอิสรภาพ แต่อันวาร์ยังเล่นการเมืองไม่ได้ เพราะถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี จากความผิดในข้อหาคอร์รัปชั่น ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนเมษายน 2552 แต่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อับดุลเลาะห์ อะหมัด บาดาวี ชิงยุบสภาเสียก่อนในเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งๆที่สภาฯจะหมดอายุในดือนพฤษภาคม และจัดการเลือกตั้งวันที่ 8 มีนาคม เพื่อสกัดอันวาร์ ที่ยังไม่พ้นโทษแบน
แม้จะไม่ได้ลงเลือกตั้ง แต่อันวาร์ก็เล่นบทจอมทัพ ผนึกกำลังพรรคฝ่ายค้าน 4 พรรค เป็นพรรคพันธมิตรทางเลือกสู้กับพรรคร่วมรัฐบาล เดินสายหาเสียงไปทั่วประเทศ จนประสบชัยชนะ แม้จะไม่ได้เสียงข้างมาก แต่ ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลสูญเสียที่นั่งมากที่สุดในรอบ 50 ปี ได้เสียงไม่ถึง 2 ใน 3 และพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งท้องถิ่น 5 รัฐ
วันที่ 15 เมษายน ปีที่แล้ว กลุ่มผู้สนับสนุนนายอันวาร์ หลายหมื่นคน มาชุมนุมฟังคำปราศรัยของเขา ในวาระที่พ้นโทษแบนทางการเมือง อันวาร์ประกาศว่า ฝ่ายค้านพร้อมแล้วที่จะโค่นล้มรัฐบาล เพราะมี ส.ส.รัฐบาลจำนวนมาก จะย้ายขั้วมาร่วมด้วย
อันวาร์ กำลงรอให้มี ส.ส. พรรคฝ่ายค้านลาออก เพื่อให้มีการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งเขาจะลงสมัค ร เพื่อเข้าสู่สภาฯ ไปเป็นผู้นำฝ่ายค้าน และก้าวสู่เป้าหมายสูงสุดคือ เป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
แต่แล้ว เขาก็ถูกกล่าวหาด้วยข้อหาเดิม คือ มีความสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศกับ อดีตผู้ช่วยคนสนิทของเขาในปี 2551 โดยผู้ช่วยคนนี้คือ โมฮัมหมัด ไซฟุล บูการี อัสลัน เป็นผู้ไปแจ้งความกับตำรวจเอง เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ว่า ถูกบังคับร่วมเพศทางทวารหนัก
อันวาร์ปฏิเสธ และตอบโต้ว่า คดีนี้ เป็นการวางแผนของคนในรัฐบาลเพื่อทำลายอนาคตทางการเมืองของเขา เพราะผู้มีอำนาจในรัฐบาลเห็นว่า เขาคือภัยคุกคามต่อรัฐบาล เขามีหลักฐานว่า อดีตผู้ช่วยที่กล่าวหาเขาคนนี้ ไปพบกับนาจิบ บิน อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ในขณะที่นาจิบ ยังเป็นรองนากรัฐมนตรี สมัยที่ บาดาวีเป็นนายกฯ ซึ่งการพบกันครั้งนั้นเกิดขึ้นก่อนที่อดีตผู้ช่วยรายนี้จะไปแจ้งความกล่าวหาเขา ไม่นาน
การพิจารณาคดีนี้ เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากเลื่อนมาหลายครั้ง อันวาร์ ซึ่งมีอายุ 62 ปี เดินทางไปศาลพร้อมกับภรรยา และบุตรสาว เขากล่าวว่า จะขอให้ศาลเรียกนายราจิบ และภรรยามาให้การต่อศาลในฐานะพยานด้วย และบอกว่า แผนการนี้ เป็นเรื่องสกปรก และมีแรงจูงใจทางการเมืองอย่างชัดเจน ในการทำให้ประชาชนเห็นว่า เขาเป็นคนที่มีความวิปริตทางเพศ และเป็นบุคคลอันตราย ไม่สมควรได้รับโอกาสให้กลับเข้าสู่การเมืองอีกครั้งหนึ่ง