เอเอฟพี - อันวาร์ อิบรอฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซียวานนี้(27)ฉลองชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งจะทำให้เขาได้กลับคืนสู่รัฐสภา และเดินหน้าแผนการช่วงชิงอำนาจปกครองประเทศ หลังจากต้องกลายเป็นจำเลยคดีการเมืองและถูกกีดกันไม่ให้มีบทบาททางการเมืองในระบบตลอดช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา
อันวาร์ซึ่งแม้ไม่ได้มีตำแหน่งเป็นทางการอะไร ก็ได้เป็นผู้นำพาฝ่ายค้านให้กลับฟื้นคืนชีพและได้รับชัยชนะอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยืนยันอีกครั้งว่าเขายังคงอยู่ในเส้นทางที่จะสามารถโค่นล้มรัฐบาลได้ภายในกลางเดือนกันยายนนี้ ด้วยความช่วยเหลือจากพวก ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจำนวนมาก ที่จะแปรพักตร์มาซบอกฝ่ายค้าน
ผู้นำฝ่ายค้านที่อยู่ในวัย 61 ปีผู้นี้ ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันอังคาร(26) ในเขตเลือกตั้งของรัฐปีนังซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง แม้ว่าพันธมิตรพรรคร่วมรัฐบาลจะรณรงค์หาเสียงอย่างหนักหน่วง โดยที่ฝ่ายค้านกลาวหาว่ามีการใช้กลโกงสกปรกต่างๆ มากมาย
"ผมมีความรู้สึกยินดีร่วมกับชาวมาเลเซียทั้งหลายในวันแห่งประวัติศาสตร์นี้ นี่เป็นชัยชนะของประชาชน และผมรู้สึกดีมากที่ได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง" อันวาร์กล่าว เขาเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี แต่ถูกปลดออกไปในปี 1998 และถูกจำคุกในข้อหามีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันและฉ้อราษฎร์บังหลวง
"เราจะฟื้นฟูศักดิ์ศรีของฝ่ายกฏหมาย ต่อสู้กับคอร์รัปชั่นและสร้างชาติที่มีความสมานฉันท์" เขาแถลงออกมา
บริดเจ็ต เวลช์ ผู้เชี่ยวชาญเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ของสหรัฐฯกล่าวว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าอันวาร์ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิออกเสียงหลากหลายเชื้อชาติ
"ชัยชนะครั้งสำคัญของอันวาร์ อิบรอฮิมนี้ได้รับการสนับสนุนจากคนหลายเชื้อชาติและมีสถานะทางเศรษฐกิจต่าง ๆกัน และเป็นการส่งสารเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในสังคมการเมืองมาเลเซีย" เธอกล่าว
"ฉันคิดว่ามันจะช่วยสร้างกระแสต่อไป" เวลช์กล่าวเมื่อถูกถามว่า ชัยชนะคราวนี้จะมีผลต่อแผนของอันวาร์ ที่จะเกลี้ยกล่อมให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลกว่า 30 คนแปรพักตร์ย้ายข้างมาอยู่กับเขาหรือไม่
ความล้มเหลวที่จะกดอันวาร์ไม่ให้ได้รับชัยชนะคราวนี้ ทำให้เกิดการเรียกร้องระลอกใหม่จากภายในพรรคอัมโน ที่เป็นแกนกลางคณะรัฐบาลผสม ให้นายกรัฐมนตรีอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี ลาออกจากตำแหน่ง
"ตอนนี้นายกรัฐมนตรีไม่เหลือความน่าเชื่อถือที่จะปกครองประเทศวันต่อวันอีกต่อไปแล้ว ส่วนเรื่องการนำไปสู่ทิศทางใหม่ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในขณะที่ประเทศกำลังต้องการผู้นำที่จะนำเราไปในโลกที่มีความซับซ้อนมากขึ้น" เตงกู ราซาเลค์ ฮัมซาห์ สมาชิกอาวุโสของพรรคอัมโนกล่าว
ราซาเลค์วางแผนที่จะเข้าชิงชัยแข่งขันกับอับดุลเลาะห์ ในการเลือกตั้งผู้นำพรรคเดือนธันวาคมนี้ แม้ผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่เห็นกันว่า เขาคงไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะหลังจากอับดุลเลาะห์ได้สยบเสียงเรียกร้องให้เขาลาออกในทันที ด้วยการประกาศยินยอมถ่ายโอนอำนาจให้กับรองนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก ภายในปี 2010
พรรคเกออะดิดันของอันวาร์แถลงว่า อันวาร์จะสาบานตัวเป็น ส.ส.ในวันพรุ่งนี้(28) และก็จะมีฐานะเป็นผู้นำของพันธมิตรฝ่ายค้าน "ปากาตัน รัคยัต" ซึ่งขณะนี้มี ส.ส.ในสภาล่างอยู่ราวหนึ่งในสามของที่นั่งทั้งหมด
อย่างไรก็ดี อันวาร์ยังจะต้องเผชิญอุปสรรคสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือข้อกล่าวหาที่ว่า เขามีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน ซึ่งอดีตผู้ช่วยวัย 23 ของเขาได้ออกมากล่าวหาเมื่อไม่นานมานี้ โดยที่อันวาร์ปฏิเสธและระบุว่าเป็นเพียงกโลบายของรัฐบาลที่จะขัดขวางและเล่นงานเขา
อันวาร์ซึ่งแม้ไม่ได้มีตำแหน่งเป็นทางการอะไร ก็ได้เป็นผู้นำพาฝ่ายค้านให้กลับฟื้นคืนชีพและได้รับชัยชนะอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยืนยันอีกครั้งว่าเขายังคงอยู่ในเส้นทางที่จะสามารถโค่นล้มรัฐบาลได้ภายในกลางเดือนกันยายนนี้ ด้วยความช่วยเหลือจากพวก ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจำนวนมาก ที่จะแปรพักตร์มาซบอกฝ่ายค้าน
ผู้นำฝ่ายค้านที่อยู่ในวัย 61 ปีผู้นี้ ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันอังคาร(26) ในเขตเลือกตั้งของรัฐปีนังซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง แม้ว่าพันธมิตรพรรคร่วมรัฐบาลจะรณรงค์หาเสียงอย่างหนักหน่วง โดยที่ฝ่ายค้านกลาวหาว่ามีการใช้กลโกงสกปรกต่างๆ มากมาย
"ผมมีความรู้สึกยินดีร่วมกับชาวมาเลเซียทั้งหลายในวันแห่งประวัติศาสตร์นี้ นี่เป็นชัยชนะของประชาชน และผมรู้สึกดีมากที่ได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง" อันวาร์กล่าว เขาเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี แต่ถูกปลดออกไปในปี 1998 และถูกจำคุกในข้อหามีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันและฉ้อราษฎร์บังหลวง
"เราจะฟื้นฟูศักดิ์ศรีของฝ่ายกฏหมาย ต่อสู้กับคอร์รัปชั่นและสร้างชาติที่มีความสมานฉันท์" เขาแถลงออกมา
บริดเจ็ต เวลช์ ผู้เชี่ยวชาญเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ของสหรัฐฯกล่าวว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าอันวาร์ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิออกเสียงหลากหลายเชื้อชาติ
"ชัยชนะครั้งสำคัญของอันวาร์ อิบรอฮิมนี้ได้รับการสนับสนุนจากคนหลายเชื้อชาติและมีสถานะทางเศรษฐกิจต่าง ๆกัน และเป็นการส่งสารเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในสังคมการเมืองมาเลเซีย" เธอกล่าว
"ฉันคิดว่ามันจะช่วยสร้างกระแสต่อไป" เวลช์กล่าวเมื่อถูกถามว่า ชัยชนะคราวนี้จะมีผลต่อแผนของอันวาร์ ที่จะเกลี้ยกล่อมให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลกว่า 30 คนแปรพักตร์ย้ายข้างมาอยู่กับเขาหรือไม่
ความล้มเหลวที่จะกดอันวาร์ไม่ให้ได้รับชัยชนะคราวนี้ ทำให้เกิดการเรียกร้องระลอกใหม่จากภายในพรรคอัมโน ที่เป็นแกนกลางคณะรัฐบาลผสม ให้นายกรัฐมนตรีอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี ลาออกจากตำแหน่ง
"ตอนนี้นายกรัฐมนตรีไม่เหลือความน่าเชื่อถือที่จะปกครองประเทศวันต่อวันอีกต่อไปแล้ว ส่วนเรื่องการนำไปสู่ทิศทางใหม่ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในขณะที่ประเทศกำลังต้องการผู้นำที่จะนำเราไปในโลกที่มีความซับซ้อนมากขึ้น" เตงกู ราซาเลค์ ฮัมซาห์ สมาชิกอาวุโสของพรรคอัมโนกล่าว
ราซาเลค์วางแผนที่จะเข้าชิงชัยแข่งขันกับอับดุลเลาะห์ ในการเลือกตั้งผู้นำพรรคเดือนธันวาคมนี้ แม้ผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่เห็นกันว่า เขาคงไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะหลังจากอับดุลเลาะห์ได้สยบเสียงเรียกร้องให้เขาลาออกในทันที ด้วยการประกาศยินยอมถ่ายโอนอำนาจให้กับรองนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก ภายในปี 2010
พรรคเกออะดิดันของอันวาร์แถลงว่า อันวาร์จะสาบานตัวเป็น ส.ส.ในวันพรุ่งนี้(28) และก็จะมีฐานะเป็นผู้นำของพันธมิตรฝ่ายค้าน "ปากาตัน รัคยัต" ซึ่งขณะนี้มี ส.ส.ในสภาล่างอยู่ราวหนึ่งในสามของที่นั่งทั้งหมด
อย่างไรก็ดี อันวาร์ยังจะต้องเผชิญอุปสรรคสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือข้อกล่าวหาที่ว่า เขามีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน ซึ่งอดีตผู้ช่วยวัย 23 ของเขาได้ออกมากล่าวหาเมื่อไม่นานมานี้ โดยที่อันวาร์ปฏิเสธและระบุว่าเป็นเพียงกโลบายของรัฐบาลที่จะขัดขวางและเล่นงานเขา