เอเอฟพี/ รอยเตอร์ – บรรดา สส. ผู้จงรักภักดีผนึกกำลังกันให้การสนับสนุนนายกรัฐมนตรีอับดุลเลาะห์ อะหมัด บาดาวี แห่งมาเลเซีย ระหว่างการประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้ (19) ภายหลังจากพรรคการเมืองขนาดเล็กหนึ่งในพันธมิตรรัฐบาลพรรคหนึ่ง เรียกร้องให้มีการลงมติไม่ไว้วางใจผู้นำประเทศ
“ไม่มีใคร (ในพรรคร่วมรัฐบาล) สนับสนุนการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทุกคนปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกัน และการเสนอให้มีการลงมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ถือเป็นปรปักษ์ต่อจิตวิญญาณความสามัคคีภายในพรรคร่วมรัฐบาล” เติงกูอัดนาน เติงกูมันซอร์ เลขาฯ พันธมิตรแนวร่วมแห่งชาติ
“นี่เป็นมติที่เห็นพ้องต้องกันในสภาสูงแห่งพันธมิตรแนวร่วมแห่งชาติ (บาริซัน เนชันเนล) ซึ่งเป็นพันธมิตรฝ่ายรัฐบาล” ... ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ภายหลังจากเป็นประธานการประชุมหารือนัดพิเศษบรรดาหัวหน้าพรรคจาก 13 ใน 14 พรรคแนวร่วมรัฐบาล โดยไร้เงาของหัวหน้าพรรคซาบาห์ก้าวหน้า (เอสเอพีพี)
เมื่อวันพุธ (18) ที่ผ่านมา ยองเต็กลี ประธานพรรคเอสเอพีพี ได้สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการเมืองมาเลเซีย ด้วยการเรียกร้องให้มีการลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ อับดุลเลาะห์ ผู้ซึ่งกำลังถูกกดดันอย่างหนักให้ลงจากบัลลังก์ผู้นำประเทศ นับตั้งแต่นำพาพันธมิตรแนวร่วมแห่งชาติ ประสบความเหลี่ยงพล้ำในการเลือกตั้งอย่างยับเยิน โดยสูญเสียที่นั่งในรัฐสภาจำนวนมากและอำนาจปกครองท้องถิ่นในรัฐต่าง ๆ รวม 5 รัฐให้แก่ฝ่ายค้าน
นายกฯ อับดุลเลาะห์ ยืนกรานจะเป็นหัวหน้ารัฐบาลต่อไป แม้จะเกิดความพยายามในการโค่นตำแหน่งของเขาก็ตาม
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการลงมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้ อาจส่งผลให้เกิดความไม่ลงรอยเป็นระลอก ๆ ภายในพรรคร่วมรัฐบาล
ขณะที่ พรรคเอสเอพีพี ซึ่งมีที่นั่งในสภาเพียง 2 เก้าอี้ บอกว่า จะตัดสินในในวันศุกร์ (20) ว่าจะลาออกจากแนวร่วมรัฐบาลหรือไม่ โดยทางพรรคไม่ได้ปิดโอกาสในการเข้าร่วมกับพันธมิตรฝ่ายค้าน ซึ่งอยู่ภายใต้การนำของอดีตรองนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม
ทั้งนี้ ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อันวาร์ต้องการสส. แปรพักตร์จากฝ่ายรัฐบาลอีก 30 ที่นั่ง ก็จะทำให้เขาสามารถตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาได้
คาดหมายกันว่า พันธมิตรแนวร่วมแห่งชาติ จะต้องยื่นถอดถอน, แขวนตำแหน่ง หรือไม่ก็ออกคำเตือนอย่างดุเดือด อย่างใดอย่างหนึ่ง ไปยังพรรคเอสเอพีพี เพื่อส่งข้อความอันแข็งกร้าวไปยังสมาชิกแนวร่วมรัฐบาลคนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมครั้งนี้ เติงกูอัดนาน เลขาธิการพันธมิตรแนวร่วมแห่งชาติกลับให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า "เราจะพิจารณามาตรการการตอบโต้ ภายหลังจากได้รับคำอธิบายจากพวกเอสเอพีพี"
ต่อข้อถามที่ว่า ทำไมบาริซันเนชันเนลไม่ตอบโต้พรรคเอสเอพีพี นายกฯ อับดุลเลาะห์ตอบว่า “นี่ไม่ใช่ปัญหาว่ารัฐบาลกลัวหรือไม่กลัว หากแต่อยากตัดสินใจอย่างถูกต้อง และไม่ต้องการรีบร้อน”
ขณะนี้ นายกฯ อับดุลเลาะห์ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดทางการเมือง พร้อมกันนี้ ยังต้องดิ้นรนฝ่าข้ามปัญหาอันหนักหน่วงที่ท้าทายภาวะผู้นำประเทศของเขา จากการที่ประชาชนโกรธกริ้ว สืบเนื่องจากราคาข้าวของที่ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ไม่มีใคร (ในพรรคร่วมรัฐบาล) สนับสนุนการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทุกคนปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกัน และการเสนอให้มีการลงมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ถือเป็นปรปักษ์ต่อจิตวิญญาณความสามัคคีภายในพรรคร่วมรัฐบาล” เติงกูอัดนาน เติงกูมันซอร์ เลขาฯ พันธมิตรแนวร่วมแห่งชาติ
“นี่เป็นมติที่เห็นพ้องต้องกันในสภาสูงแห่งพันธมิตรแนวร่วมแห่งชาติ (บาริซัน เนชันเนล) ซึ่งเป็นพันธมิตรฝ่ายรัฐบาล” ... ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ภายหลังจากเป็นประธานการประชุมหารือนัดพิเศษบรรดาหัวหน้าพรรคจาก 13 ใน 14 พรรคแนวร่วมรัฐบาล โดยไร้เงาของหัวหน้าพรรคซาบาห์ก้าวหน้า (เอสเอพีพี)
เมื่อวันพุธ (18) ที่ผ่านมา ยองเต็กลี ประธานพรรคเอสเอพีพี ได้สร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการเมืองมาเลเซีย ด้วยการเรียกร้องให้มีการลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ อับดุลเลาะห์ ผู้ซึ่งกำลังถูกกดดันอย่างหนักให้ลงจากบัลลังก์ผู้นำประเทศ นับตั้งแต่นำพาพันธมิตรแนวร่วมแห่งชาติ ประสบความเหลี่ยงพล้ำในการเลือกตั้งอย่างยับเยิน โดยสูญเสียที่นั่งในรัฐสภาจำนวนมากและอำนาจปกครองท้องถิ่นในรัฐต่าง ๆ รวม 5 รัฐให้แก่ฝ่ายค้าน
นายกฯ อับดุลเลาะห์ ยืนกรานจะเป็นหัวหน้ารัฐบาลต่อไป แม้จะเกิดความพยายามในการโค่นตำแหน่งของเขาก็ตาม
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการลงมติไม่ไว้วางใจครั้งนี้ อาจส่งผลให้เกิดความไม่ลงรอยเป็นระลอก ๆ ภายในพรรคร่วมรัฐบาล
ขณะที่ พรรคเอสเอพีพี ซึ่งมีที่นั่งในสภาเพียง 2 เก้าอี้ บอกว่า จะตัดสินในในวันศุกร์ (20) ว่าจะลาออกจากแนวร่วมรัฐบาลหรือไม่ โดยทางพรรคไม่ได้ปิดโอกาสในการเข้าร่วมกับพันธมิตรฝ่ายค้าน ซึ่งอยู่ภายใต้การนำของอดีตรองนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม
ทั้งนี้ ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อันวาร์ต้องการสส. แปรพักตร์จากฝ่ายรัฐบาลอีก 30 ที่นั่ง ก็จะทำให้เขาสามารถตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นมาได้
คาดหมายกันว่า พันธมิตรแนวร่วมแห่งชาติ จะต้องยื่นถอดถอน, แขวนตำแหน่ง หรือไม่ก็ออกคำเตือนอย่างดุเดือด อย่างใดอย่างหนึ่ง ไปยังพรรคเอสเอพีพี เพื่อส่งข้อความอันแข็งกร้าวไปยังสมาชิกแนวร่วมรัฐบาลคนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมครั้งนี้ เติงกูอัดนาน เลขาธิการพันธมิตรแนวร่วมแห่งชาติกลับให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า "เราจะพิจารณามาตรการการตอบโต้ ภายหลังจากได้รับคำอธิบายจากพวกเอสเอพีพี"
ต่อข้อถามที่ว่า ทำไมบาริซันเนชันเนลไม่ตอบโต้พรรคเอสเอพีพี นายกฯ อับดุลเลาะห์ตอบว่า “นี่ไม่ใช่ปัญหาว่ารัฐบาลกลัวหรือไม่กลัว หากแต่อยากตัดสินใจอย่างถูกต้อง และไม่ต้องการรีบร้อน”
ขณะนี้ นายกฯ อับดุลเลาะห์ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดทางการเมือง พร้อมกันนี้ ยังต้องดิ้นรนฝ่าข้ามปัญหาอันหนักหน่วงที่ท้าทายภาวะผู้นำประเทศของเขา จากการที่ประชาชนโกรธกริ้ว สืบเนื่องจากราคาข้าวของที่ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง