นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ว่า พินัยกรรมของ นางเนื่อง ชำนาญชาติศักดา ที่ระบุว่า หลังเสียชีวิตแล้วให้เจ้าอาวาสวัดธรรมมิการามวรวิหาร จัดงานศพและให้นำที่ดินและเงิน (ถ้ามี) เข้ามูลนิธิมหามกฎราชวิทยาลัย เพื่อหาผลประโยชน์บำรุงวัดตามที่เจ้าอาวาสเห็นสมควร โดยหลังได้รับที่ดิน ทางวัดเห็นว่า ไม่สามารถดูแลได้ เพราะมีทั้งผู้บุกรุกและขุดตักหน้าดินไปขาย คณะสงฆ์ภายในวัดได้ประชุมกันแล้วมีมติให้ขายที่ดินดังกล่าวในปี 2530 ซึ่งขณะนั้นตนเองเป็น รมช.มหาดไทย โดยมอบอำนาจให้เจ้าอาวาสเป็นผู้ดำเนินการ
ต่อมาปี 2531 ตนเป็น รมช.มหาดไทย ดูแลกรมที่ดิน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ได้พาเจ้าอาวาสมาพบ และขอร้องให้ช่วยเหลือ อีกทั้งไม่มีเงินโอนที่ดินที่มีราคาสูงถึง 10 ล้านบาท ประกอบกับที่วัดที่มีดินเพียงพอแล้ว ตนเองจึงเรียกเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน มาให้ข้อมูล ซึ่งประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 84 ระบุว่า การได้มาซึ่งที่ดินของวัดที่เกินกว่า 50 ไร่ ต้องได้รับการอนุญาตจาก รมว.มหาดไทยเท่านั้น จากนั้นกรมที่ดิน จึงเสนอเรื่องมายังรองปลัดมหาดไทย และส่งต่อมายังตนเอง ซึ่งตนมีความเห็นไม่อนุญาตให้วัดธรรมิการามได้มาซึ่งที่ดินทั้ง 2 แปลงดังกล่าว และให้เจ้าอาวาสดำเนินการตามข้อ 4 ตามพินัยกรรม ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2533
นายเสนาะ กล่าวว่า ต่อมา พล.อ.อ.หะริน หงสกุล ประธานผู้อำนวยการมูลนิธิ มหามกุฏราชวิทยาลัย ได้ประกาศขายที่ดินกว่า 924 ไร่ ในราคาประเมิน 37 ล้านบาท ปรากฎว่าบริษัทอัลไพน์ประมูลได้ 142 ล้านบาท นำไปสร้างสนามกอล์ฟ และตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องอีก กระทั่งบริษัทประสบภาวะทางเศรษฐกิจจึงนำมาขายให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในราคา 500 ล้านบาท
นายเสนาะ กล่าวว่า ในปี 2545 นายชวน หลีกภัย ผู้นำฝ่ายค้าน นำเรื่องนี้ มาอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนนายชวนยอมรับไปแล้วกลางสภา แต่ ป.ป.ช.กลับเอาเรื่องนี้ มาเล่นงานตนเอง โดยตีความความเห็นที่ตนเองเสนอว่าเป็นการข่มขู่เจ้าอาวาส ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 เพราะไม่สามารถเล่นงานตนเองในมาตรา 157 ได้ ทั้งที่เรื่องนี้ไม่มีคนร้อง ไม่มีผู้เสียหาย และวัดมีฐานะเป็นนิติบุคคล ดังนั้นที่คนวิพากษ์วิจารณ์ว่า องค์กรอิสระมี 2 มาตรฐาน แต่ตนเองว่าไม่มีมาตรฐานเลย
บ้านเมืองนี้ไม่มีขื่อมีแปแล้ว เร็วๆ นี้ผมจะทำจดหมายเปิดผนึก ทำความจริง ให้ปรากฏ ผมไม่ได้ก้าวล่วงถึง 3 สถาบัน บริหารทำผิด ทำไม่ถูกต้อง ตนไม่เคยละเว้น และไม่อยู่ฝ่ายไหน เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นผมจะต่อสู้เปิดโปงให้ประชาชนได้เห็นว่า องค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นโดยคณะปฎิวัติกำลังครอบงำประเทศชาติ ถูกใช้เป็นเครื่องมือ ทางการเมือง ขนาดนายเสนาะ เทียนทอง ยังโดนกระทำขนาดนี้ แล้วชาวบ้านทั่วไปจะเป็นอย่างไร ต่อไปก็ต้องพึ่งศาล แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเล่นกันอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเสนาะ ได้นำเอกสารของมติคณะสงฆ์วัดธรรมิการาม เอกสารการประกาศขายที่ดินของมูลนิธิมหามงกุฎราชวิทยาลัย เอกสารของกรมที่ดิน ที่ชี้แจงกรณีที่ดินที่วัดไม่ต้องการรับโอนดินจากนางเนื่อง รวมทั้งหนังสือที่พระอุดมธีรกุล เจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม ทำถึงเจ้าคณะภาค
โดยระบุตอนหนึ่งว่า การที่มี ส.ส.25 คน ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี สั่งการให้รัฐมนตรีกำกับที่ดินตรวจสอบ การกระทำผิดกฎหมาย และให้เพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว กระผมเห็นว่า ได้มีผู้นำเรื่องนี้ไปเป็นประเด็นการเมือง อันจะมีผลกระทบกระเทือนไปถึง ผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย การขายที่ดินดังกล่าวเนื่องจากวัดได้มีมติไม่มีความประสงค์ที่จะรับโอนที่ดิน แต่มีความประสงค์ที่จะจำหน่ายนำเงินมาหาดอกผล เพื่อมาบำรุงวัดต่อไป ซึ่งในขณะนั้นอดีตเจ้าอาวาส ได้ร้องขอต่อสำนักงานที่ดิน จ.ปทุมธานี ขอให้ รมว.มหาดไทย ดำเนินการตามมาตรา 84 และ 85 หลังจากนั้นได้มอบหมายให้มูลนิธิมหามงกุฎฯ ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก ดำเนินการขายที่ดิน
ดังนั้นในฐานะที่วัดเป็นสถาบันสงฆ์ ทางพุทธศาสนา เกรงว่าจะได้รับการติฉิน นินทา และความเสียหายจากการที่มีบุคคลนำมาเป็นประเด็นต่อสู้ทางการเมือง และหวังผลจากการต่อสู้ทางการเมือง และผลที่ออกมาจะทำให้เกิดความเสียหาย แต่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และเกิดผลร้ายต่อวัด และมูลนิธิมหามงกุฎฯ
ด้าน น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่าที่นายเสนาะ กล่าวหา ป.ป.ช.ไม่มีมาตรฐานนั้นแล้วแต่นายเสนาะจะคิด แต่ยืนยันว่ากรรมการ ป.ป.ช. ทำหน้าที่อย่างอิสระไม่ได้ขึ้นกับใครหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง และเรื่องนี้ก็มีการร้องเรียนมานานมากแล้วจนข้อร้องเรียนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ขาดอายุความ ไม่ใช่เพิ่งมาเร่งรัดทำคดี
อย่างไรก็ตามในที่ประชุม ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมาก็มีการถกเถียงกันอย่างยาวนานและพยายามให้ความเป็นธรรมกับนายเสนาะอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ทั้ง 9 เสียงว่านายเสนาะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 ซึ่งนายเสนาะมีข้อมูลอะไรเมื่ออัยการส่งเรื่องไปที่ ศาลญ แล้วก็ต้องไปต่อสู้ในชั้นศาลเอง ยืนยันว่า ป.ป.ช. ไม่ได้เร่งรัดเฉพาะคดีที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล แต่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าตนยังไม่เห็นเรื่องที่กรมที่ดิน ส่งมาให้ตนเพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ให้กลับไปเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ตามที่กฤษฎีกาวินิจฉัย จึงต้องไปถาม นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลย์วุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน ในฐานะเจ้าของเรื่อง เพราะเรื่องนี้เกิดมานาน ผ่านปลัดกระทรวงมหาดไทยมา 5 คน ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ จึงต้องใช้ความรอบคอบ
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอยู่แล้ว เพราะสังคมกำลังจับตามองอยู่ แต่หากกรมที่ดินส่งเรื่องมา ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ต่อมาปี 2531 ตนเป็น รมช.มหาดไทย ดูแลกรมที่ดิน ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ได้พาเจ้าอาวาสมาพบ และขอร้องให้ช่วยเหลือ อีกทั้งไม่มีเงินโอนที่ดินที่มีราคาสูงถึง 10 ล้านบาท ประกอบกับที่วัดที่มีดินเพียงพอแล้ว ตนเองจึงเรียกเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน มาให้ข้อมูล ซึ่งประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 84 ระบุว่า การได้มาซึ่งที่ดินของวัดที่เกินกว่า 50 ไร่ ต้องได้รับการอนุญาตจาก รมว.มหาดไทยเท่านั้น จากนั้นกรมที่ดิน จึงเสนอเรื่องมายังรองปลัดมหาดไทย และส่งต่อมายังตนเอง ซึ่งตนมีความเห็นไม่อนุญาตให้วัดธรรมิการามได้มาซึ่งที่ดินทั้ง 2 แปลงดังกล่าว และให้เจ้าอาวาสดำเนินการตามข้อ 4 ตามพินัยกรรม ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2533
นายเสนาะ กล่าวว่า ต่อมา พล.อ.อ.หะริน หงสกุล ประธานผู้อำนวยการมูลนิธิ มหามกุฏราชวิทยาลัย ได้ประกาศขายที่ดินกว่า 924 ไร่ ในราคาประเมิน 37 ล้านบาท ปรากฎว่าบริษัทอัลไพน์ประมูลได้ 142 ล้านบาท นำไปสร้างสนามกอล์ฟ และตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องอีก กระทั่งบริษัทประสบภาวะทางเศรษฐกิจจึงนำมาขายให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในราคา 500 ล้านบาท
นายเสนาะ กล่าวว่า ในปี 2545 นายชวน หลีกภัย ผู้นำฝ่ายค้าน นำเรื่องนี้ มาอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนนายชวนยอมรับไปแล้วกลางสภา แต่ ป.ป.ช.กลับเอาเรื่องนี้ มาเล่นงานตนเอง โดยตีความความเห็นที่ตนเองเสนอว่าเป็นการข่มขู่เจ้าอาวาส ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 เพราะไม่สามารถเล่นงานตนเองในมาตรา 157 ได้ ทั้งที่เรื่องนี้ไม่มีคนร้อง ไม่มีผู้เสียหาย และวัดมีฐานะเป็นนิติบุคคล ดังนั้นที่คนวิพากษ์วิจารณ์ว่า องค์กรอิสระมี 2 มาตรฐาน แต่ตนเองว่าไม่มีมาตรฐานเลย
บ้านเมืองนี้ไม่มีขื่อมีแปแล้ว เร็วๆ นี้ผมจะทำจดหมายเปิดผนึก ทำความจริง ให้ปรากฏ ผมไม่ได้ก้าวล่วงถึง 3 สถาบัน บริหารทำผิด ทำไม่ถูกต้อง ตนไม่เคยละเว้น และไม่อยู่ฝ่ายไหน เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นผมจะต่อสู้เปิดโปงให้ประชาชนได้เห็นว่า องค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นโดยคณะปฎิวัติกำลังครอบงำประเทศชาติ ถูกใช้เป็นเครื่องมือ ทางการเมือง ขนาดนายเสนาะ เทียนทอง ยังโดนกระทำขนาดนี้ แล้วชาวบ้านทั่วไปจะเป็นอย่างไร ต่อไปก็ต้องพึ่งศาล แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเล่นกันอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเสนาะ ได้นำเอกสารของมติคณะสงฆ์วัดธรรมิการาม เอกสารการประกาศขายที่ดินของมูลนิธิมหามงกุฎราชวิทยาลัย เอกสารของกรมที่ดิน ที่ชี้แจงกรณีที่ดินที่วัดไม่ต้องการรับโอนดินจากนางเนื่อง รวมทั้งหนังสือที่พระอุดมธีรกุล เจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม ทำถึงเจ้าคณะภาค
โดยระบุตอนหนึ่งว่า การที่มี ส.ส.25 คน ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี สั่งการให้รัฐมนตรีกำกับที่ดินตรวจสอบ การกระทำผิดกฎหมาย และให้เพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว กระผมเห็นว่า ได้มีผู้นำเรื่องนี้ไปเป็นประเด็นการเมือง อันจะมีผลกระทบกระเทือนไปถึง ผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย การขายที่ดินดังกล่าวเนื่องจากวัดได้มีมติไม่มีความประสงค์ที่จะรับโอนที่ดิน แต่มีความประสงค์ที่จะจำหน่ายนำเงินมาหาดอกผล เพื่อมาบำรุงวัดต่อไป ซึ่งในขณะนั้นอดีตเจ้าอาวาส ได้ร้องขอต่อสำนักงานที่ดิน จ.ปทุมธานี ขอให้ รมว.มหาดไทย ดำเนินการตามมาตรา 84 และ 85 หลังจากนั้นได้มอบหมายให้มูลนิธิมหามงกุฎฯ ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก ดำเนินการขายที่ดิน
ดังนั้นในฐานะที่วัดเป็นสถาบันสงฆ์ ทางพุทธศาสนา เกรงว่าจะได้รับการติฉิน นินทา และความเสียหายจากการที่มีบุคคลนำมาเป็นประเด็นต่อสู้ทางการเมือง และหวังผลจากการต่อสู้ทางการเมือง และผลที่ออกมาจะทำให้เกิดความเสียหาย แต่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และเกิดผลร้ายต่อวัด และมูลนิธิมหามงกุฎฯ
ด้าน น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่าที่นายเสนาะ กล่าวหา ป.ป.ช.ไม่มีมาตรฐานนั้นแล้วแต่นายเสนาะจะคิด แต่ยืนยันว่ากรรมการ ป.ป.ช. ทำหน้าที่อย่างอิสระไม่ได้ขึ้นกับใครหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง และเรื่องนี้ก็มีการร้องเรียนมานานมากแล้วจนข้อร้องเรียนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ขาดอายุความ ไม่ใช่เพิ่งมาเร่งรัดทำคดี
อย่างไรก็ตามในที่ประชุม ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมาก็มีการถกเถียงกันอย่างยาวนานและพยายามให้ความเป็นธรรมกับนายเสนาะอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็มีมติเป็นเอกฉันท์ทั้ง 9 เสียงว่านายเสนาะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 ซึ่งนายเสนาะมีข้อมูลอะไรเมื่ออัยการส่งเรื่องไปที่ ศาลญ แล้วก็ต้องไปต่อสู้ในชั้นศาลเอง ยืนยันว่า ป.ป.ช. ไม่ได้เร่งรัดเฉพาะคดีที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล แต่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าตนยังไม่เห็นเรื่องที่กรมที่ดิน ส่งมาให้ตนเพิกถอนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ให้กลับไปเป็นที่ดินธรณีสงฆ์ตามที่กฤษฎีกาวินิจฉัย จึงต้องไปถาม นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลย์วุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน ในฐานะเจ้าของเรื่อง เพราะเรื่องนี้เกิดมานาน ผ่านปลัดกระทรวงมหาดไทยมา 5 คน ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ จึงต้องใช้ความรอบคอบ
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอยู่แล้ว เพราะสังคมกำลังจับตามองอยู่ แต่หากกรมที่ดินส่งเรื่องมา ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
