ASTVผู้จัดการรายวัน-ผู้ประกอบการเป่าประกาศอสังหาฯเริ่มฟื้นตัวแล้ว ค่ายเอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งฯยิ้มฐานะการเงินเข้มแข็ง พลิกขาดทุนเป็นกำไรในรอบ 2 ปี คาดตลาดอสังหาฯไตรมาสแรกโตกว่าปลายปี 20-30% หลังรับอานิสงส์มาตรการอสังหาฯหมดอายุ พร้อมลุยผุด 3โครงการใหม่มูลค่า1,300-1,500ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายรวม 1,900
ล้าน ด้าน "เสนาฯ"มองข้ามชอตกำลังซื้อปี 54 พลิกฟื้นเร็ว เตรียมเปิดโปรเจกต์ใหม่อีก 6 โครงการ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1,500 ล้านบาท หลักๆมาจากคอนโดฯ
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการออกมาตรการสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐฯ ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ในช่วงปลายปี 52 กลับมาขยายตัวดีขึ้น โดยคาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ยอดขายในตลาดรวมขยายตัวสูงกว่าปกติ ส่งผลให้ผู้ประกอบการทุกรายมีผลประกอบการที่ดี เนื่องจากผู้บริโภคเร่งตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย เพราะต้องการรับโอนบ้านเพื่อให้ได้ประโยชน์จากมาตรการอสังหาฯ
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 53 ตลาดรวมน่าจะได้รับผลจากมาตรการมากกว่าไตรมาส4ของปีที่แล้ว เนื่องจากถือว่าเป็นช่วงสุดท้ายของมาตรการภาษีอสังหาฯ ที่จะสิ้นสุดปลายเดือนมี.ค.นี้ โดยคาดว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ยอดขายในตลาดรวมน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 20-30% เมื่อเทียบกับปลายปีที่ผ่านมา
" ในช่วง 3ไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมานั้น นับเป็นปีแรกที่บริษัทพลิกมามีกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี และคาดว่าในไตรมาส4ของปี52 ผลประกอบการของบริษัทก็จะมีกำไรเพิ่มขึ้น โดยมั่นใจว่าผลประกอบการรวมของบริษัทน่าจะอยู่ที่ 1,600ล้านบาทตามเป้าที่วางไว้ ส่วนปีนี้ คาดจะมีรายได้รวม1,900ล้านบาท "
โดยได้เตรียมแผนเปิด 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,300-1,500 ล้านบาท โดยโครงการแรกจะที่จะเปิดตัวในเดือนมี.ค. ภายใต้โครงการ “เดอะ กรีน พาร์ค จอมเทียน” โครงการบ้านเดี่ยวบนที่ดิน14ไร่ ติดหาดจอมเทียน พัทยา เน้นจับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าวชาวต่างชาติ อีก 2โครงการอยู่ระหว่างจัดหาที่ดิน
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการบ้านใหม่ โดยหันมาเน้นกลุ่มสินค้าในตลาดระดับกลาง – ล่าง ราคาไม่เกิน4ล้านบาท เป็น 70% จากเดิม 30-40% และลดสัดส่วนบ้านระดับบน ราคาเริ่มต้น7ล้านบาท เหลือ20% จากที่พัฒนาอยู่ประมาณ 70% และลดจำนวนบ้านแฝด และทาวน์เฮาส์จาก 20% เหลือ 10%
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวม 7-8 โครงการ มูลค่า 3,000ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทจะนำสินค้าบ้านพร้อมอยู่จาก 5 โครงการมาจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขาย เพื่อเร่งรัดลูกค้าซื้อที่อยู่อาศัยก่อนสิ้นสุดมาตรการอสังหาฯ โดยร่วมกับธนาคารออมสิน ภายใต้แคมเปญ " NC Saving Plus บ้านดีมีเงินออม " พร้อมรับโคชค3ชั้น ตั้งเป้าจะมียอดขายรวม 160 ล้านบาทจากแคมเปญดังกล่าว
***SENAสู้ศึกลุย6โปรเจกต์ใหม่
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวเชื่อว่า ในปี 53 ธุรกิจอสังหาฯจะปรับตัวดีขึ้นไปในทิศทางเดียวกับภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง ประกอบกับปัจจัยบวกต่างๆเป็นแรงกระตุ้นให้ความต้องการซื้อจากกลุ่มลูกค้าที่รอการตัดสินใจ เร่งมีที่อยู่อาศัยเร็วขึ้น และหากภาครัฐไม่ต่อมาตรการลดหย่อนภาษี ก็คาดว่าจะมีลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเพิ่มจำนวนมากในช่วงต้นปี และจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาฯอย่างชัดเจน
" เพื่อให้สอดคล้องกับโอกาสทางธุรกิจและกำลังซื้อที่จะเข้ามาในปีหน้า ทางบริษัทนเตรียมเปิดเพิ่มอีก 6 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ คือ เสนาแกรนด์โฮม เฟส 4 มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2553 และโครงการบ้าน โดยขณะนี้อยู่ในช่วงการจัดซื้อที่ดิน ส่วนที่เหลือจะเป็นโครงการคอนโดฯ 3 โครงการ คือ โครงการบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ และอีก 2 โครงการอยู่ในช่วงจัดซื้อที่ดิน และโครงการสุดท้ายเป็นโครงการพื้นที่ให้เช่า ซึ่งขณะนี้ อยู่ในช่วงการออกแบบ คาดว่าจะออกแบบแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2553 นี้" ดร.เกษรากล่าวและชี้ว่า
วิธีการที่ผลักดันให้บริษัทฯสามารแข่งขันในธุรกิจอสังหาฯได้ เกิดจากการบริหารต้นทุนโครงการได้ดี โดยเฉพาะต้นทุนค่าที่ดินและต้นทุนค่าก่อสร้างที่พัฒนาสินค้าได้มีความหลากหลาย ตรงกับความต้องการของกลุ่มที่มีรายได้ระดับล่างถึงปานกลาง อัตราส่วนภาระหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำ
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 53 ได้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท มาจากโครงการแนวราบ 30% และโครงการคอนโดฯ 70% เติบโตขึ้น 20% เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ในปี 2552 ที่คาดว่าจะทำได้ 1,200 ล้านบาท จากในปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ไปถึงปี54 แล้ว มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท
ล้าน ด้าน "เสนาฯ"มองข้ามชอตกำลังซื้อปี 54 พลิกฟื้นเร็ว เตรียมเปิดโปรเจกต์ใหม่อีก 6 โครงการ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1,500 ล้านบาท หลักๆมาจากคอนโดฯ
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการออกมาตรการสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐฯ ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ในช่วงปลายปี 52 กลับมาขยายตัวดีขึ้น โดยคาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ยอดขายในตลาดรวมขยายตัวสูงกว่าปกติ ส่งผลให้ผู้ประกอบการทุกรายมีผลประกอบการที่ดี เนื่องจากผู้บริโภคเร่งตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย เพราะต้องการรับโอนบ้านเพื่อให้ได้ประโยชน์จากมาตรการอสังหาฯ
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 53 ตลาดรวมน่าจะได้รับผลจากมาตรการมากกว่าไตรมาส4ของปีที่แล้ว เนื่องจากถือว่าเป็นช่วงสุดท้ายของมาตรการภาษีอสังหาฯ ที่จะสิ้นสุดปลายเดือนมี.ค.นี้ โดยคาดว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ยอดขายในตลาดรวมน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 20-30% เมื่อเทียบกับปลายปีที่ผ่านมา
" ในช่วง 3ไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมานั้น นับเป็นปีแรกที่บริษัทพลิกมามีกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี และคาดว่าในไตรมาส4ของปี52 ผลประกอบการของบริษัทก็จะมีกำไรเพิ่มขึ้น โดยมั่นใจว่าผลประกอบการรวมของบริษัทน่าจะอยู่ที่ 1,600ล้านบาทตามเป้าที่วางไว้ ส่วนปีนี้ คาดจะมีรายได้รวม1,900ล้านบาท "
โดยได้เตรียมแผนเปิด 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,300-1,500 ล้านบาท โดยโครงการแรกจะที่จะเปิดตัวในเดือนมี.ค. ภายใต้โครงการ “เดอะ กรีน พาร์ค จอมเทียน” โครงการบ้านเดี่ยวบนที่ดิน14ไร่ ติดหาดจอมเทียน พัทยา เน้นจับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าวชาวต่างชาติ อีก 2โครงการอยู่ระหว่างจัดหาที่ดิน
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการบ้านใหม่ โดยหันมาเน้นกลุ่มสินค้าในตลาดระดับกลาง – ล่าง ราคาไม่เกิน4ล้านบาท เป็น 70% จากเดิม 30-40% และลดสัดส่วนบ้านระดับบน ราคาเริ่มต้น7ล้านบาท เหลือ20% จากที่พัฒนาอยู่ประมาณ 70% และลดจำนวนบ้านแฝด และทาวน์เฮาส์จาก 20% เหลือ 10%
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวม 7-8 โครงการ มูลค่า 3,000ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทจะนำสินค้าบ้านพร้อมอยู่จาก 5 โครงการมาจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขาย เพื่อเร่งรัดลูกค้าซื้อที่อยู่อาศัยก่อนสิ้นสุดมาตรการอสังหาฯ โดยร่วมกับธนาคารออมสิน ภายใต้แคมเปญ " NC Saving Plus บ้านดีมีเงินออม " พร้อมรับโคชค3ชั้น ตั้งเป้าจะมียอดขายรวม 160 ล้านบาทจากแคมเปญดังกล่าว
***SENAสู้ศึกลุย6โปรเจกต์ใหม่
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวเชื่อว่า ในปี 53 ธุรกิจอสังหาฯจะปรับตัวดีขึ้นไปในทิศทางเดียวกับภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง ประกอบกับปัจจัยบวกต่างๆเป็นแรงกระตุ้นให้ความต้องการซื้อจากกลุ่มลูกค้าที่รอการตัดสินใจ เร่งมีที่อยู่อาศัยเร็วขึ้น และหากภาครัฐไม่ต่อมาตรการลดหย่อนภาษี ก็คาดว่าจะมีลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเพิ่มจำนวนมากในช่วงต้นปี และจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาฯอย่างชัดเจน
" เพื่อให้สอดคล้องกับโอกาสทางธุรกิจและกำลังซื้อที่จะเข้ามาในปีหน้า ทางบริษัทนเตรียมเปิดเพิ่มอีก 6 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ คือ เสนาแกรนด์โฮม เฟส 4 มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2553 และโครงการบ้าน โดยขณะนี้อยู่ในช่วงการจัดซื้อที่ดิน ส่วนที่เหลือจะเป็นโครงการคอนโดฯ 3 โครงการ คือ โครงการบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ และอีก 2 โครงการอยู่ในช่วงจัดซื้อที่ดิน และโครงการสุดท้ายเป็นโครงการพื้นที่ให้เช่า ซึ่งขณะนี้ อยู่ในช่วงการออกแบบ คาดว่าจะออกแบบแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2553 นี้" ดร.เกษรากล่าวและชี้ว่า
วิธีการที่ผลักดันให้บริษัทฯสามารแข่งขันในธุรกิจอสังหาฯได้ เกิดจากการบริหารต้นทุนโครงการได้ดี โดยเฉพาะต้นทุนค่าที่ดินและต้นทุนค่าก่อสร้างที่พัฒนาสินค้าได้มีความหลากหลาย ตรงกับความต้องการของกลุ่มที่มีรายได้ระดับล่างถึงปานกลาง อัตราส่วนภาระหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำ
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 53 ได้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท มาจากโครงการแนวราบ 30% และโครงการคอนโดฯ 70% เติบโตขึ้น 20% เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ในปี 2552 ที่คาดว่าจะทำได้ 1,200 ล้านบาท จากในปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ไปถึงปี54 แล้ว มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท
