ASTVผู้จัดการรายวัน – เอ็กโกเบนเข็มบุกต่างประเทศ ตั้งงบลงทุน 1.4 หมื่นล้านบาทซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ คาดได้ข้อสรุปเม.ย.นี้ ยอมรับปีนี้ผลประกอบการวูบ 10% เหตุโรงไฟฟ้าระยองและขนอมใกล้สิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟ
นายวินิจ แตงน้อย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (เอ็กโก) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯวางงบลงทุนไว้ 14,000 ล้านบาท เพื่อร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีการเจรจาร่วมทุนในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติขนาดกำลังการผลิต 500-1,000 เมกะวัตต์ที่อินโดนีเซีย 1 แห่งและฟิลิปปินส์ อีก 2แห่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งเอ็กโกจะเข้าไปถือหุ้นในโครงการประมาณ25-30%
ส่วนในประเทศจะลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 50 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ใน จ.นครราชสีมา และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ขนาด 50 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจ.ลพบุรี
สำหรับแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 7,000 ล้านบาท และที่เหลือจากการสินเชื่อสถาบันการเงิน
" บริษัทฯจะเน้นขยายการลงทุนในต่างประเทศ หลังจากที่ในประเทศไม่มีการขยายโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ แต่บริษัทฯยังเน้นขยายพลังงานทดแทนตามแผนของกระทรวงพลังงงาน"นายวินิจ กล่าว
ด้านผลการดำเนินงานในปีนี้ทั้งรายได้และกำไรสุทธิจะปรับลดลงจากปีก่อนประมาณ 10% เนื่องจากรายได้จากการขายไฟฟ้าแทบทุกโครงการลดลงเพราะใกล้หมดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทั้งโรงไฟฟ้าขนอมและโรงไฟฟ้าระยอง แม้ว่าจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำเทิน 2 ที่จะเข้ามาในไตรมาสแรกปีนี้ก็ตาม แต่ก็ไม่มากนัก ซึ่งรายได้หลักมาจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี โรงไฟฟ้าแก่งคอย2 และโรงไฟฟ้าเควซอน
ทั้งนี้ บริษัทฯจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ในปีนี้ประมาณ300-400 ล้านบาท และปีถัดไปจะเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านบาทตามสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการที่ 25% ซึ่งโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ได้เลื่อนแผนการผลิตเชิงพาณิชย์จากธ.ค. 52 มาเป็นเดือนมี.ค. 53 แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ในไตรมาสแรกปีนี้มากนัก เนื่องจากบริษัทได้รับค่าปรับจากผู้รับเหมาเข้ามาชดเชย
สำหรับผลประกอบการปี 2552 บริษัทฯมีกำไรสุทธิออกมาดีกว่าที่เคยประมาณการไว้ประมาณ 5,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากการที่บริษัทสามารถลดต้นทุนการบริหารและค่าใช้จ่ายได้มากกว่าแผน แต่เนื่องจากการรับรู้รายได้ของบริษัทฯจะทยอยลดลง ทำให้ช่วง 5ปีนี้ บริษัทฯมีกำไรสุทธิประมาณ 5,000 ล้านบาท
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) ได้วางยุทธศาสตร์พลังงานทดแทน 15 ปี(2551-2565) ซึ่งในแผนดังกล่าวได้กำหนดการพัฒนาไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็กและขนาดเล็กมากทั้งในระดับหมู่บ้านและชุมชนจำนวน 324 เมกะวัตต์ภายในปี 2556 โดยพพ.ได้ร่วมมือกับเอ็กโก กรุ๊ป พัฒนาโครงการ”หนึ่งป่าต้นน้ำ หนึ่งต้นกำเนิดพลังงาน” ด้วยการร่วมกันพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็กมากระดับชุมชนจำนวน 6 แห่งระยะเวลา 3 ปีนับตั้งแต่ก.พ.53-ม.ค.56
นายวินิจ แตงน้อย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (เอ็กโก) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯวางงบลงทุนไว้ 14,000 ล้านบาท เพื่อร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีการเจรจาร่วมทุนในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติขนาดกำลังการผลิต 500-1,000 เมกะวัตต์ที่อินโดนีเซีย 1 แห่งและฟิลิปปินส์ อีก 2แห่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งเอ็กโกจะเข้าไปถือหุ้นในโครงการประมาณ25-30%
ส่วนในประเทศจะลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 50 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ใน จ.นครราชสีมา และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ขนาด 50 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจ.ลพบุรี
สำหรับแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 7,000 ล้านบาท และที่เหลือจากการสินเชื่อสถาบันการเงิน
" บริษัทฯจะเน้นขยายการลงทุนในต่างประเทศ หลังจากที่ในประเทศไม่มีการขยายโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ แต่บริษัทฯยังเน้นขยายพลังงานทดแทนตามแผนของกระทรวงพลังงงาน"นายวินิจ กล่าว
ด้านผลการดำเนินงานในปีนี้ทั้งรายได้และกำไรสุทธิจะปรับลดลงจากปีก่อนประมาณ 10% เนื่องจากรายได้จากการขายไฟฟ้าแทบทุกโครงการลดลงเพราะใกล้หมดอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าทั้งโรงไฟฟ้าขนอมและโรงไฟฟ้าระยอง แม้ว่าจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำเทิน 2 ที่จะเข้ามาในไตรมาสแรกปีนี้ก็ตาม แต่ก็ไม่มากนัก ซึ่งรายได้หลักมาจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี โรงไฟฟ้าแก่งคอย2 และโรงไฟฟ้าเควซอน
ทั้งนี้ บริษัทฯจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ในปีนี้ประมาณ300-400 ล้านบาท และปีถัดไปจะเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านบาทตามสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการที่ 25% ซึ่งโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ได้เลื่อนแผนการผลิตเชิงพาณิชย์จากธ.ค. 52 มาเป็นเดือนมี.ค. 53 แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ในไตรมาสแรกปีนี้มากนัก เนื่องจากบริษัทได้รับค่าปรับจากผู้รับเหมาเข้ามาชดเชย
สำหรับผลประกอบการปี 2552 บริษัทฯมีกำไรสุทธิออกมาดีกว่าที่เคยประมาณการไว้ประมาณ 5,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากการที่บริษัทสามารถลดต้นทุนการบริหารและค่าใช้จ่ายได้มากกว่าแผน แต่เนื่องจากการรับรู้รายได้ของบริษัทฯจะทยอยลดลง ทำให้ช่วง 5ปีนี้ บริษัทฯมีกำไรสุทธิประมาณ 5,000 ล้านบาท
น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานโดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) ได้วางยุทธศาสตร์พลังงานทดแทน 15 ปี(2551-2565) ซึ่งในแผนดังกล่าวได้กำหนดการพัฒนาไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็กและขนาดเล็กมากทั้งในระดับหมู่บ้านและชุมชนจำนวน 324 เมกะวัตต์ภายในปี 2556 โดยพพ.ได้ร่วมมือกับเอ็กโก กรุ๊ป พัฒนาโครงการ”หนึ่งป่าต้นน้ำ หนึ่งต้นกำเนิดพลังงาน” ด้วยการร่วมกันพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำขนาดเล็กมากระดับชุมชนจำนวน 6 แห่งระยะเวลา 3 ปีนับตั้งแต่ก.พ.53-ม.ค.56