ศูนย์ข่าวภูเก็ต - คณะอนุกรรมาธิการศึกษาฯตรวจสอบ กรณีทุจริตลงพื้นที่ภูเก็ต 4 วัน เก็บข้อมูลร้องเรียนเรื่องสร้างถนนเข้าในพรุจิกและการออกเอกสารสิทธิที่ดินไม่ชอบบนเกาะราชาใหญ่ เร่งติดตามคดีแจ้งดำเนินดคีกับนายกอบต.ไม้ขาว ที่ตัดถนนเอื้อนายทุน หลังเจ้าหน้าที่ปล่อยเกียร์ว่างจนเรื่องไม่คืบ ขณะที่ผู้ว่าฯปัดจังหวัดไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะไม่มีอำนาจสั่งการ
พล.ต.ต.เกริก กัลยาณมิตร ประธานคณะอนุกรรมาธิการการศึกษา ตรวจสอบกรณีทุจริต ในคณะกรรมาธิการการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภาเปิดเผยว่า คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ลงพื้นที่จ.ภูเก็ตตั้งแต่วันที่ 1- 4 กุมภาพันธ์ เพื่อเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับทราบข้อมูลและลงพื้นที่ดูสภาพจริงๆของการร้องเรียน2 เรื่อง คือ เรื่องที่ดินเกาะราชาใหญ่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และการร้องเรียนการตัดถนนเข้าไปในพื้นที่พรุจิก ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ เนื่องจากคณะกรรมาธิการฯได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ภูเก็ตถึงความไม่ชอบ 2 เรื่อง คือ กรณีที่อบต.ไม้ขาวตัดถนนเข้าไปในพื้นที่พรุจิก ซึ่งเป็นพรุที่ได้มีการขึ้นทะเบียนของสหประชาชาติไปแล้วให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำไม่สามารถที่จะดำเนินการใดๆได้ แต่อบต.ไม้ขาวได้ตัดถนนเข้าไป โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลในพื้นที่ภูเก็ตไม่สามารถดำเนินการอะไรได้
แม้ว่า สตง.ได้ลงมาตรวจสอบและชี้มูลความผิดแล้ว โดยให้อบต.ไม้ขาวคืนเงินเข้ารัฐ 3.6 ล้านบาท พร้อมทั้งได้มีการสั่งการให้ อบต.ไม้ขาวแจ้งความดำเนินคดีกับนายกอบต.ไม้ขาว ซึ่งได้มีการแจ้งความดำเนินคดี และขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนข้อมูลเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งไม่ฟ้อง แต่เมื่อเรื่องไปถึงอัยการ อัยการได้สั่งให้มีการสอบเพิ่มเติม และเวลาก็ผ่านมาปีกว่าแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่สามารถที่จะสอบสวนเพิ่มเติมได้เสร็จสิ้น
“เท่าที่ผมและคณะอนุกรรมาธิการฯได้ลงไปดูพื้นที่ถนนที่ตัดเข้าไปในพรุจิก เห็นได้ชัดเจนว่าตัดถนนเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ใด หากจะตัดถนนเพื่อประโยชน์ของประชาชนตามที่กล่าวอ้างถือว่าเป็นไปไม่ได้เพราะตลอดระยะทางถนน 1,500 เมตร ที่ใช้งบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน28 ล้านบาท มีบ้านประชาชนอยู่ 2 หลังเท่านั้น แต่จุดที่เป็นปลายถนนกลับเป็นโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่เอางบประมาณมาดำเนินการโดยที่ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์เลย”
ส่วนกรณีที่ดินเกาะราชาใหญ่ พล.ต.ต.เกริก กล่าวว่า ได้ลงไปดูพื้นที่จากอ่าวสยามไปยังอ่าวพลับพลา ปรากฏว่ามีการเปิดหน้าดินขึ้นไปบนภูเขาเพื่อแบ่งแยกที่ดิน ซึ่งตนเป็นห่วงมาก หากในช่วงหน้าฝนมีฝนตกหนักหน้าดินอาจจะมีการสไลด์ลงมาได้แล้วลงไปทับปะการังที่หาดจะสร้างความเสียหายมาก และจากการตรวจสอบข้อมูลการออกเอกสารสิทธิที่ดินบนเกาะราชานั้น มีเพียง 2 แปลงเท่านั้น ที่ออกโดยถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนที่จะมีการประกาศกฎกระทรวง 43 เมื่อปี 2537 หลังจากนั้นก็ห้ามไม่ให้มีการออกเอกสารสิทธิที่ดินพื้นที่เกาะอีก สำหรับโรงแรมที่มีปัญหากับชาวบ้านตอนนี้ยังไม่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
“ปัญหาการร้องเรียนทั้ง 2 เรื่องนี้ จากการที่ได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้ว่าฯก็ได้บอกชัดเจนว่าจังหวัดไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการ ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นจุดบกพร่อง ทำให้ขาดหน่วยงานที่จะดูแลและรับผิดชอบ ทำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบปล่อยเกียร์ว่างไม่ดำเนินการอะไรเลย”
พล.ต.ต.เกริก กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามหลังจากลงพื้นที่ในครั้งนี้ คณะอนุกรรมาธิการฯจะมีการเร่งรัดการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาเป็นปีกว่าแล้วยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ทั้งที่สตง.ชี้มูลความผิดออกมาแล้ว รวมทั้งรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ไปยังเจ้ากระทรวงและตั้งกะทู้ถามนายกรัฐมนตรีในการที่แก้ไขกฎหมายต่างๆที่เป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่
ด้านนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของการตัดถนนเข้าในพรุจิกนั้น ให้คณะอนุกรรมาธิการฯgร่งรัดเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องของการดำเนินคดีได้เลย เพราะในส่วนของตนไม่มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งการกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ดูแลเรื่องของพรุ
ในส่วนของฝ่ายที่ดูแลท้องถิ่นได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการรับแจ้งความ และส่งเรื่องไปยังอัยการแล้วด้วย และอัยการก็ได้สั่งให้มีการสอบเพิ่มเติม ซึ่งคิดว่าน่าที่จะสอบได้ในเร็วๆนี้ เพราะได้มีการแต่งตั้งนายอำเภอคนใหม่ของอำเภอถลางแล้ว
ส่วนการออกเอกสารสิทธิที่ดินที่เกาะราชาใหญ่ ที่ชาวบ้านร้องเรียน ตนไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะการเพิกถอนเอกสารสิทธิเป็นอำนาจหน้าที่ของทางกรมที่ดิน