xs
xsm
sm
md
lg

เฉลิมสำรากใส่เจ๊หน่อย เฮงซวยปล่อยข่าวสกัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ วานนี้ (2 ก.พ.) ถึงความคืบหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจและถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยทั้งนี้การอภิปรายครั้งที่ผ่านมาของตนพุ่งเป้าไปที่การยุบพรรคประชาธิปัตย์และวันนี้มีดก็ยังปักอกอยู่ ดังนั้นการอภิปรายครั้งนี้จะเป็นก๊อกสอง
ผมยอมรับว่ามีความหนักใจเรื่องการคัดเลือกผู้อภิปราย เพราะเบื้องต้น มีผู้เสนอตัวกว่า 30 คน ต้องคัดให้เหลือน้อยที่สุด และอีกเรื่องที่ทำให้ผมหงุดหงิดรำคาญก็คือพวกบ้านเลขที่ 111 บางคนที่มันเฮงซวย ชอบทำให้พรรคปั่นป่วน ไม่มีบทบาท เอาแต่ออกข่าวซุบซิบ ถ้าไม่มีบารมีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่รู้ว่าแม้แต่ภารโรงกระทรวงจะได้เป็นหรือไม่ กรณีที่มีรายงานว่า พรรคจะให้ผมเป็นหัวหน้าพรรคนั้นเชื่อว่าเป็นการออกข่าวทำลายผม ยืนยันว่าไม่พร้อม ศักยภาพไม่พอ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณสร้างมาตรฐานไว้สูง ใครขึ้นมาก็เหมือนฆ่าตัวตาย เอาใครมาก็สู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ การเลือกตั้งครั้งหน้าต้องชูพ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้น
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้พรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยเร็วเพื่อที่จะไปทำข้อต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์จะยอมทุกอย่างให้พรรคร่วมรัฐบาลยกมือสนับสนุนรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย จากนั้นเมื่อการอภิปรายเสร็จสิ้นลงก็จะปรับครม.ครั้งใหญ่โดยพรรคประชาธิปัตย์จะยึดกระทรวงหลักเช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม มาดูแลเอง แม้พรรคร่วมรัฐบาลจะโวยวายอย่างไรก็ไม่สน ถ้าทนไม่ไหวก็บีบให้ออกเพื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย อยู่ไปจนถึงช่วงสิ้นปี หลังเดือนตุลาคมที่จะเป็นฤดูกาลโยกย้ายอีกครั้ง ซึ่งจะต้องตั้ง ผบ.ทบ.คนใหม่เป็นคนที่ไว้ใจ รวมทั้งเร่งนำงบประมาณมาใช้ รัฐบาลนี้ไม่สามารถ อยู่จนครบวาระแน่นอน เพราะมันไปไม่ไหวจากปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาพรรคร่วมรัฐบาล วันนี้ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้แต่ที่อยู่ก็เพื่อผลประโยชน์ทั้งนั้น
ต่อมาเวลา 18.00 น. วันเดียวกัน ร.ต.อ.เฉลิม ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า ตนได้บาอออกจากทุกตำแหน่งภายในพรรคเพื่อไทย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและกันข้อครหาต่างๆ ภายหลังจากที่มีการปล่อยข่าว ในทางเสื่อมเสียเกี่ยวกับตน โดยได้เสนอให้ที่ประชุมโหวตเลือกกันใหม่แบบยกมือด้วย ซึ่งที่ประชุมได้เสนอให้ตนกลับมารับตำแหน่งทุกตำแหน่งเหมือนเดิมและไม่มีการเสนอชื่อคู่แข่ง เพราะมองว่าตนสามารถช่วยทำงานให้กับพรรคในสภาฯ ได้เป็นอย่างดี
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าวันนี้ถือว่าเปิดหน้าชก ตนยังพูดต่อที่ประชุมพรรคด้วยว่าวันนี้ที่พรรคเพื่อไทยต้องยุ่งวุ่นวายก็เพราะคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คนเดียว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็นั่งฟังอยู่ในที่ประชุมด้วยและก็ไม่เห็นพูดอะไร นอกจากนี้ตนยังพูดกลางที่ประชุมอีกว่า เขตเลือกตั้งของ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายอนุสรณ์ ปั้นทอง ส.ส.กทม.นั้นตนจะไม่ไปปราศรัยหาเสียงให้ด้วย เพราะถ้าหากตนไปปราศรัยให้แล้วแพ้เดี๋ยวจะมาหาว่าเป็นเพราะตนอีก ยืนยันว่า ไม่เคยคิดตั้งกลุ่มหรือจะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยุติบทบาทกับพรรคเพื่อไทยเมื่อไหร่ก็เลิกเล่น ไม่มีไปตั้งกลุ่มการเมืองอะไรที่ไหนอีก
ผมยอมมานานเพราะเกรงใจท่านทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) และคุณหญิงอ้อ (คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร) เกรงใจพรรค แต่พอยอมมากเข้าก็จะกลายเป็นว่าถูกกำไต๋ไว้ ผมเลยต้องพูดว่าวันนี้จะมาทะเลาะกันเองไปทำไม สู้กับประชาธิปัตย์มันง่ายนักหรือ สุดารัตน์เคยอภิปรายอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้างในชีวิตการเมือง พวกนี้มันเป็นแมว ท่านทักษิณเลี้ยงดีหน่อยลายเลยใหญ่แล้วคิดว่าตัวเองเป็นเสือ ลูกผม 3 คนก็เรียนจบปริญญาโทเท่าสุดารัตน์ นอกจากนี้ผมยังเสนอที่ประชุมแบ่งกทม.ออกเป็น 3 โซน คือ เหนือ ใต้ และฝั่งธน แบ่งส.ส.โซนละ 12 คน เพราะประธานคนเดียวดูไม่ไหว โดยประธานทั้ง 3 โซนต้องขึ้นตรงกับพรรค ไม่มีกลุ่ม เรื่องนี้ต้องทำให้เร็วที่สุด ทางที่ดีต้องก่อนเลือกตั้ง ถ้าไม่มีคนดูฝั่งธน ผมดูให้ก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ ร.ต.อ.เฉลิม กำลังให้สัมภาษณ์โจมตี คุณหญิงสุดารัตน์อย่างดุเดือดว่า ชอบต่อสายถึงคอลัมนิสต์เพื่อให้โจมตีตนอยู่นั้น ปรากฎว่า น.อ.อนุดิษฐ์พร้อมด้วย น.ต.ศิธา ทิวารี คนสนิทคุณหญิงสุดารัตน์ ได้เดินลงจากลิฟท์มาเจอกับร.ต.อ.เฉลิมพอดี ร.ต.อ.เฉลิมจึงเรียกทั้ง 2 คนเข้ามาต่อว่าทันที
อนุดิษฐ์ มึงกับอนุสรณ์และศักดา (คงเพชร) มึงเป็นศัตรูกูเพราะให้สัมภาษณ์ด่ากูไว้ กูตัดหนังสือพิมพ์แปะไว้หมด มึงใกล้ชิดกับอีหน่อยมากเกินไป พยายามสกัดไม่ให้ลูกกูลงเลือกตั้ง พยายามเปลี่ยนลำดับปาร์ตี้ลิสต์ไม่ให้กูลงเบอร์ 2 ไม่ให้ไอ้ตู่ (นายจตุพร พรหมพันธ์) ลงเบอร์ 4 และเชียร์ไอ้มิ่ง (นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์) แต่สมัคร (นายสมัคร สุนทรเวช) เขาไม่เอาด้วย ความจริงอีหน่อยมันควรสู้อย่างจาตุรนต์ (ฉายแสง) ไม่ใช่มาเล่นอย่างนี้ อนุดิษฐ์พ่อมึงกับกูก็สนิทกัน มึงเป็นนายทหารไม่ควรทำอย่างนี้ มึงเลือกข้างผิดแล้ว ต้องมาอยู่กับกู มึงยังมีอนาคตไกล
ขณะที่น.อ.อนุดิษฐ์ยืนรับฟังด้วยอาการเกร็ง หน้าแดงกล่ำ พูดได้แต่เพียงว่า ครับๆ พร้อมกับชี้แจงว่า ไม่เคยให้สัมภาษณ์โจมตี ร.ต.อ.เฉลิมและไม่เคยคิดร้ายกับ ร.ต.อ.เฉลิม ถ้าเคยให้สัมภาษณ์ไปเช่นนั้นจริงๆ ก็ยินดีจะกราบเท้า ทำให้น.ต.ศิธา ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รีบพยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลายโดยแก้ต่างแทนว่า ในที่ประชุมพรรคอนุดิษฐ์มันก็ยังสนับสนุนให้พี่กล่าวเปิดและปิดการอภิปรายเลย แล้วมันจะด่าพี่ได้อย่างไร พร้อมกับเข้าไปกอด ร.ต.อ.เฉลิมเพื่อให้ลดความเครียดลง จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า ปุ่น (น.ต.ศิธา) มึงยังดีที่ไม่ด่ากู เพราะมึงมองการณ์ไกล รู้ว่ากูจะเป็นใหญ่ ทั้งที่มึงก็เป็นเด็กอีหน่อยเหมือนกัน
ถ้าอนุดิษฐ์บอกว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ก็จบ แต่กูตัดหนังสือพิมพ์เก็บไว้หมด ที่ให้สัมภาษณ์ ไอ้เหี้ย มึงเป็นนายทหารสัญญาบัตร กูก็นายตำรวจสัญญาบัตร ต่างคนก็ต่างมีศักดิ์ศรี มึงเป็นนักบินสูงสุด อย่าไปหลงฟังอีหน่อยมัน อย่ามาพูดโกหก กูรู้ว่าอีหน่อยไปให้เสี่ยลาว (พรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ส.ส.ศรีสะเกษ) มาตั้งกลุ่มชนกับกู คิดว่ากูไม่รู้เหรอ กูก็ฉลาดเหมือนกัน เพราะประชา(ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ) ก็โทรบอกกูเหมือนกัน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวก่อนที่จะเดินไปตบไหล่น.อ.อนุดิษฐ์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรายงานผลการทำงานของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงว่า ได้อ่านครบหมดแล้ว ขณะนี้กำลังนัดมาในแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มเศรษฐกิจกลุ่มหนึ่ง กลุ่มสังคมกลุ่มหนึ่ง กำลังดูเวลาตามความสะดวกที่จะมา
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะเรียกมาดูเป็นรายกลุ่มจะถือโอกาส ฟื้นคณะรัฐมนตรีสังคม (ครม.สังคม) หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าจะยังไม่ฟื้นครม.สังคม เพราะได้หารือกับทางคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ ก็เห็นว่าอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องมี ครม.สังคม ตามปกติของการมี ครม.
ส่วนนายกรัฐมนตรีจะดูเจาะจงแต่ละกระทรวงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เจาะจงแต่ละกระทรวงแต่งานทุกด้านยังมีเรื่องใหญ่ๆ ที่ต้องทำ โดยเฉพาะเรื่องในเชิงโครงสร้างซึ่งในปีแรกเรามีสถานการณ์เฉพาะหน้าในการฟื้นฟูเศรษฐกิจอยู่ ต่อจากนี้ไปงานในเชิงโครงสร้างจะต้องทำหนักขึ้น เพราะต้องใช้เวลานาน ต้องกำหนดทิศทางร่วมกันมิฉะนั้นแล้วจะเสียโอกาสไป เนื่องจากงานเหล่านี้จะไม่เห็นผลในระยะเวลาสั้นๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่าเท่าที่นายกรัฐมนตรีดูแล้วคิดว่าทุกคนสอบผ่านหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เอามาเพื่อจะมาดูว่าสอบผ่านหรือไม่ผ่าน แต่เอามาดูเพื่อดูว่าจะให้การทำงานดีขึ้นในปีนี้ได้อย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น