“เป็ดเหลิม” เม้งแตก!! ฉะ “เจ๊หน่อย-อนุดิษฐ์” กลางวง ส.ส.เพื่อไทย ถึงขั้นเรียกจิกหัว “อีหน่อย” ด้าน “อนุดิษฐ์” ถูกด่ากราดต่อหน้าสื่อ แถมด่าวรนุส จน“ศิธา” ต้องเข้ามาเป็นกรรมการห้ามมวยก่อนบานปลาย แต่ทั้งคู่ก็โดนด่าไปหลายดอก
วานนี้ (2 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่า ตนได้ขอลาออกจากตำแหน่งทุกตำแหน่งภายในพรรคเพื่อไทยเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และกันข้อครหาต่างๆ ภายหลังจากที่มีการปล่อยข่าวในทางเสื่อมเสียเกี่ยวกับตน โดยได้เสนอให้ที่ประชุมโหวตเลือกกันใหม่แบบยกมือด้วย ซึ่งที่ประชุมได้เสนอให้ตนกลับมารับตำแหน่งทุกตำแหน่งเหมือนเดิมและไม่มีการเสนอชื่อคู่แข่ง เพราะมองว่าตนสามารถช่วยทำงานให้กับพรรคในสภาผู้แทนราษฎรได้เป็นอย่างดี วันนี้ถือว่าเปิดหน้าชก ตนยังพูดต่อที่ประชุมพรรคด้วยว่าวันนี้ที่พรรคเพื่อไทยต้องยุ่งวุ่นวายก็เพราะคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คนเดียว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็นั่งฟังอยู่ในที่ประชุมด้วยและก็ไม่เห็นพูดอะไร นอกจากนี้ ตนยังพูดกลางที่ประชุมอีกว่า เขตเลือกตั้งของ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และนายอนุสรณ์ ปั้นทอง ส.ส.กทม.นั้นตนจะไม่ไปปราศรัยหาเสียงให้ด้วย เพราะถ้าหากตนไปปราศรัยให้แล้วแพ้เดี๋ยวจะมาหาว่าเป็นเพราะตนอีก ยืนยันว่าตนไม่เคยคิดตั้งกลุ่มหรือจะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยุติบทบาทกับพรรคเพื่อไทยเมื่อไหร่ก็เลิกเล่น ไม่มีไปตั้งกลุ่มการเมืองอะไรที่ไหนอีก
“ผมยอมมานานเพราะเกรงใจท่านทักษิณและคุณหญิงอ้อ เกรงใจพรรค แต่พอยอมมากเข้าก็จะกลายเป็นว่าถูกกำไต๋ไว้ ผมเลยต้องพูดว่าวันนี้จะมาทะเลาะกันเองไปทำไม สู้กับประชาธิปัตย์มันง่ายนักหรือ สุดารัตน์เคยอภิปรายอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้างในชีวิตการเมือง พวกนี้มันเป็นแมว ท่านทักษิณเลี้ยงดีหน่อยลายเลยใหญ่แล้วคิดว่าตัวเองเป็นเสือ ลูกผม 3 คนก็เรียนจบปริญญาโทเท่าสุดารัตน์ นอกจากนี้ ผมยังเสนอที่ประชุมแบ่ง กทม.ออกเป็น 3 โซน คือ เหนือ ใต้ และฝั่งธน แบ่ง ส.ส.โซนละ 12 คน เพราะประธานคนเดียวดูไม่ไหว โดยประธานทั้ง 3 โซนต้องขึ้นตรงกับพรรค ไม่มีกลุ่ม เรื่องนี้ต้องทำให้เร็วที่สุด ทางที่ดีต้องก่อนเลือกตั้ง ถ้าไม่มีคนดูฝั่งธน ผมดูให้ก็ได้” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากนั้นเวลา 18.45 น.ซึ่งเป็นช่วงที่ ร.ต.อ.เฉลิม กำลังพูดกับผู้สื่อข่าวโจมตีคุณหญิงสุดารัตน์อย่างดุเดือดว่าชอบต่อสายถึงคอลัมนิสต์เพื่อให้โจมตีตนอยู่นั้น ปรากฏว่า น.อ.อนุดิษฐ์ พร้อมด้วย น.ต.ศิธา ทิวารี คนสนิทคุณหญิงสุดารัตน์ ได้เดินลงจากลิฟต์มาเจอกับ ร.ต.อ.เฉลิมพอดี ร.ต.อ.เฉลิมจึงเรียกทั้ง 2 คนเข้ามาต่อว่าทันทีว่า “อนุดิษฐ์ มึงกับอนุสรณ์ และศักดา (คงเพชร) มึงเป็นศัตรูกูเพราะให้สัมภาษณ์ด่ากูไว้ กูตัดหนังสือพิมพ์แปะไว้หมด มึงใกล้ชิดกับอีหน่อยมากเกินไป พยายามสกัดไม่ให้ลูกกูลงเลือกตั้ง พยายามเปลี่ยนลำดับปาร์ตี้ลิสต์ไม่ให้กูลงเบอร์ 2 ไม่ให้ไอ้ตู่ลงเบอร์ 4 และเชียร์ไอ้มิ่ง (มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์) แต่สมัครเขาไม่เอาด้วย ความจริงอีหน่อยมันควรสู้อย่างจาตุรนต์ (ฉายแสง) ไม่ใช่มาเล่นอย่างนี้ อนุดิษฐ์พ่อมึงกับกูก็สนิทกัน มึงเป็นนายทหารไม่ควรทำอย่างนี้ มึงเลือกข้างผิดแล้ว ต้องมาอยู่กับกู มึงยังมีอนาคตไกล”
ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ยืนรับฟังด้วยอาการเกร็ง หน้าแดงก่ำ พูดได้แต่เพียงว่า “ครับๆ” พร้อมกับชี้แจงว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์โจมตี ร.ต.อ.เฉลิม และไม่เคยคิดร้ายกับ ร.ต.อ.เฉลิม ถ้าเคยให้สัมภาษณ์ไปเช่นนั้นจริงๆ ก็ยินดีจะกราบเท้า ทำให้ น.ต.ศิธา ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รีบพยายามทำให้บรรยากาศผ่อนคลายโดยแก้ต่างแทนว่า “ในที่ประชุมพรรค อนุดิษฐ์มันก็ยังสนับสนุนให้พี่กล่าวเปิดและปิดการอภิปรายเลย แล้วมันจะด่าพี่ได้อย่างไร” พร้อมกับเข้าไปกอด ร.ต.อ.เฉลิมเพื่อให้ลดความเครียดลง จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า “ปุ่น มึงยังดีที่ไม่ด่ากู เพราะมึงมองการณ์ไกล รู้ว่ากูจะเป็นใหญ่ ทั้งที่มึงก็เป็นเด็กอีหน่อยเหมือนกัน”
“ถ้าอนุดิษฐ์บอกว่าไม่ได้ให้สัมภาษณ์ก็จบ แต่กูตัดหนังสือพิมพ์เก็บไว้หมดที่ให้สัมภาษณ์ ไอ้เหี้ย มึงเป็นนายทหารสัญญาบัตร กูก็นายตำรวจสัญญาบัตร ต่างคนก็ต่างมีศักดิ์ศรี มึงเป็นนักบินสูงสุด อย่าไปหลงฟังอีหน่อยมัน อย่ามาพูดโกหก กูรู้ว่าอีหน่อยไปให้เสี่ยลาว (พรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ส.ส.ศรีสะเกษ) มาตั้งกลุ่มชนกับกู คิดว่ากูไม่รู้เหรอ กูก็ฉลาดเหมือนกัน เพราะประชา (ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ) ก็โทร.บอกกูเหมือนกัน” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวก่อนที่จะเดินไปตบไหล่ น.อ.อนุดิษฐ์