ไม่ต้องตกอกตกใจหรืออะไรกับ 3 ย. “ยุบ ยึด ยืด” ของผมให้มากนะครับ อ่านให้จบเสียก่อนแล้วท่านอาจจะไม่เห็นด้วยกับผมเลยก็ได้ แต่ผมเชื่อของผมว่านี่คือบทความที่สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองที่ใกล้จะหลั่งเลือด...และคุณสำราญ รอดเพชร น่าจะหาเนื้อที่ลงบทความชิ้นนี้ของผม มากกว่าที่จะเอาไปอ่านคนเดียว..
ท่านผู้อ่านครับ ถ้าโชคร้ายสุดที่พระสยามเทวาธิราชไม่สามารถจะดูแลปกปักรักษาได้ทัน.. เดือนนี้อาจมีการเชือดไก่เชือดเป็ดทั้งก่อนและหลังตรุษจีน...
เหตุปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะกำหนดว่า บ้านนี้เมืองนี้จะเอากันแค่หลั่งน้ำตาหรือหลั่งเลือด หรือหลั่งเลือดพร้อมน้ำตา อยู่ที่คนชื่อ “ทักษิณ”
ลองว่าพรุ่งนี้ประกาศโยนผ้า ชูสองมือท้าทายกลับแผ่นดินแม่ เดินเข้าคุก กระตุกขนหน้าแข้งสักครึ่งเส้นจ่ายโบนัสให้แกนนำคนเสื้อแดงเป็นค่าแรงงวดสุดท้าย แล้วขอร้องให้คนเสื้อแดงกลับบ้าน บ้านเมืองก็ค่อยๆ หวนคืนสู่ภาวะปกติสุข “ทักษิณ” จะได้รับความเห็นใจ หนีเป็นเบา ร้ายอาจกลายเป็นดี เป็นวีรบุรุษตัวจริงเสียงจริงของคนเสื้อแดง ถ้ามีการเลือกตั้งเร็วๆ นี้พรรคเพื่อไทยอาจชนะถล่มทลายอีกวาระ...
แต่สายัณห์สัญญาณที่ผ่านมาจากดูไบ พนมเปญ และเกาะกงยังคงเลือกหนทางที่จะต่อสู้แบบ “เดือดทั่วดินแดง แดงทั้งแผ่นดิน”
สถานการณ์จึงเดินหน้าไปสู่วลีที่ว่า...อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด, ธรรมะจัดสรรเอาไว้แล้ว....
แล้ว 3 ย.ลับลวงพรางของผมคืออะไร อย่างไรคือ ยุบ ยึด ยืด...คนเขียนเลอะเทอะรึเปล่า!?
ผมใคร่ขอแลกเปลี่ยนผ่านคอลัมน์นี้ ดังนี้ครับ
ยุบ-หมายถึงการยุบสภา และรวมทั้งกรณียุบพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่?
1) กรณีการยุบสภา อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าดูไบต่อสายเชื่อมสนิทกับพรรคร่วมรัฐบาลได้ การใช้เวทีสภากดดันพรรคประชาธิปัตย์ทำได้ง่ายมาก คว่ำกฎหมายการเงินสักฉบับสองฉบับ นายกฯ อภิสิทธิ์ก็ต้องยุบสภาตามกฎกติกามารยาท
2) ยุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาทหรือไม่? คำตอบอยู่ที่ประธาน กกต.และ กกต.ซึ่งกรณีนี้คนเสื้อแดงจะต้องเปิดฉากรุกฆาตเอาเป็นเอาตายแน่นอน และหนนี้ท่านประธาน กกต.จะลาป่วยหลบลี้หนีหน้าอีกไม่ได้
ยึด-หมายถึงการยึดทรัพย์และยึดอำนาจ
1) กรณีการยึดทรัพย์จากคดีร่ำรวยผิดปกติ 76,000 ล้านบาทของคุณทักษิณ ชินวัตร คดีจะตัดสินในวันที่ 26 ก.พ. 2553 เป็นคดีนี้ทำให้สถานการณ์เดือนก.พ.ร้อนแรงในระดับปรอทแตก ไม่มีใครทราบผลคดีล่วงหน้าได้ เพราะอยู่ในดุลพินิจของศาล เพียงแต่ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะแอบคาดหมายกันว่า ...ทักษิณท่าจะลำบาก...
ทั้งนี้หากทักษิณรู้ล่วงหน้าว่าตัวเองจะต้องแพ้พ่ายในคดีนี้ก็คงจะโหมกระหน่ำสถานการณ์ให้เดินไปถึงจุกแตกหัก
2) กรณีการยึดอำนาจ แม้ว่าสังคมไทยโดยองค์รวม หรือแม้แต่กองทัพก็ประสานเสียงกันว่าจะไม่มีการปฏิวัติยึดอำนาจ แต่สิ่งนี้ถึงที่สุดแล้วก็ไม่ใช่หลักประกันว่าจะไม่มี เพราะในประวัติศาสตร์แม้บิ๊กๆ ในกองทัพไทยจะออกมายืนยันนั่งยันว่าไม่มีการยึดอำนาจ แต่สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจนได้ ด้วยเหตุผลง่ายๆ เช่น เรื่องการปลดย้าย, การเดินเกมให้กลุ่มพวกของตัวเองมีอำนาจ หรือไม่ก็เพราะบ้านเมืองจลาจลนองเลือด
สถานการณ์เดือนก.พ.มีโอกาสที่จะเกิดความปั่นป่วนจลาจลนองเลือดสูง ดังนั้นการยึดอำนาจเพื่อจัดระเบียบประเทศใหม่ ล้างไพ่กันใหม่ เริ่มต้นกันใหม่ด้วยอำนาจพิเศษหรือที่เรียกขานกันว่า “รัฐบาลเฉพาะกาล” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ยืด-หมายถึงการยืดเวลาไปเรื่อยๆ ของรัฐบาล หรือหากเกิดการยึดอำนาจหนนี้น่าจะมีการยืดเวลาครองอำนาจ
1) การยืดเวลาของรัฐอภิสิทธิ์ มีความเป็นไปได้หากรัฐบาล กองทัพสามารถรับมือควบคุมสถานการณ์เดือนก.พ.-มี.ค.ได้ แล้วหลังจากนั้นกองทัพก็ทำหน้าที่พิทักษ์คุ้มครองรัฐบาลให้บริหารประเทศต่อไปอีก 1 ปีงบประมาณหรือไม่ก็อยู่จนใกล้ครบเทอมหากโชคดี
แม้หลายฝ่ายอาจจะอยากเห็นบ้านเมืองเดินไปในแนวนี้ แต่ในทางความเป็นจริงไม่ง่าย เพราะโดยตัวรัฐบาลอภิสิทธิ์แม้ตัวนายกฯ จะดูดีมีต้นทุนสูง แต่ในภาพรวมยังเป็นปัญหาเรื่องการทุจริตโกงกิน อ่อนด้อยในการบริหารงานด้านความมั่นคง
2) หากมีการยึดอำนาจมีแนวโน้มว่ารัฐบาลพิเศษหลังการ “ยึด” น่าจะอยู่ยาวอย่างน้อย 2 -3 ปี เพื่อจัดการปัญหาต่างๆ ให้เข้าที่เข้าทาง....
ประการสุดท้าย แล้วเราจะคาดหมายหรือให้น้ำหนักสถานการณ์ไปทางไหนหรือด้านใดมากที่สุด
ผมให้น้ำหนักจากมากไปหาน้อยดังนี้ ยืดเวลา (รัฐบาล), ยุบสภา, ยึดอำนาจ (แล้วยืด)
แต่ดีไม่ดีอย่ากะพริบตานะครับ อาจจะ “ยุบแล้วยึด” ก็ได้
ผมแว่วๆ มาว่า มีแนวความคิดทำนองว่า การยุบสภาของนายกฯ อภิสิทธิ์อาจจะเป็นทางเลือกด้วยความจำเป็น เพราะการยุบสภาจะหยุดการจลาจลนองเลือดได้ ม็อบจะสลาย เสื้อแดงหมดเงื่อนไขเคลื่อนไหว แต่หลังการยุบสภาธรรมะอาจจัดสรรให้มีอำนาจและวิธีการพิเศษปฏิบัติการยึด (อำนาจ) ต่อเพื่อสะสางปัญหาบ้านเมือง ด้วยเวลาอย่างน้อย 2 ปี..
ยุบ ยึด ยืด-จึงเอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
โปรดอ่านอีกครั้งด้วยความพินิจพิจารณา อย่าเพิ่งเชื่อ แต่อย่าเพิ่งมองข้ามและช่วยกันภาวนาให้บ้านเมืองของเราหาทางออกที่ดีที่สุดเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมสูงสุด
“นักสังเกตการณ์ 63”
……………………………………………………………………………………
หมายเหตุ - ขอขอบคุณ “นักสังเกตการณ์ 63” ซึ่งเป็นอดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการท่านหนึ่งที่ได้ส่งบทความกึ่งวิเคราะห์ชิ้นนี้มาให้ผมพิจารณาลงตีพิมพ์ ผมถือว่าเป็นบทวิเคราะห์ที่น่าจะใกล้เคียงกับสถานการณ์ด้านลึกมากทีเดียว - สำราญ รอดเพชร
samr_rod@hotmail.com
ท่านผู้อ่านครับ ถ้าโชคร้ายสุดที่พระสยามเทวาธิราชไม่สามารถจะดูแลปกปักรักษาได้ทัน.. เดือนนี้อาจมีการเชือดไก่เชือดเป็ดทั้งก่อนและหลังตรุษจีน...
เหตุปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะกำหนดว่า บ้านนี้เมืองนี้จะเอากันแค่หลั่งน้ำตาหรือหลั่งเลือด หรือหลั่งเลือดพร้อมน้ำตา อยู่ที่คนชื่อ “ทักษิณ”
ลองว่าพรุ่งนี้ประกาศโยนผ้า ชูสองมือท้าทายกลับแผ่นดินแม่ เดินเข้าคุก กระตุกขนหน้าแข้งสักครึ่งเส้นจ่ายโบนัสให้แกนนำคนเสื้อแดงเป็นค่าแรงงวดสุดท้าย แล้วขอร้องให้คนเสื้อแดงกลับบ้าน บ้านเมืองก็ค่อยๆ หวนคืนสู่ภาวะปกติสุข “ทักษิณ” จะได้รับความเห็นใจ หนีเป็นเบา ร้ายอาจกลายเป็นดี เป็นวีรบุรุษตัวจริงเสียงจริงของคนเสื้อแดง ถ้ามีการเลือกตั้งเร็วๆ นี้พรรคเพื่อไทยอาจชนะถล่มทลายอีกวาระ...
แต่สายัณห์สัญญาณที่ผ่านมาจากดูไบ พนมเปญ และเกาะกงยังคงเลือกหนทางที่จะต่อสู้แบบ “เดือดทั่วดินแดง แดงทั้งแผ่นดิน”
สถานการณ์จึงเดินหน้าไปสู่วลีที่ว่า...อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด, ธรรมะจัดสรรเอาไว้แล้ว....
แล้ว 3 ย.ลับลวงพรางของผมคืออะไร อย่างไรคือ ยุบ ยึด ยืด...คนเขียนเลอะเทอะรึเปล่า!?
ผมใคร่ขอแลกเปลี่ยนผ่านคอลัมน์นี้ ดังนี้ครับ
ยุบ-หมายถึงการยุบสภา และรวมทั้งกรณียุบพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่?
1) กรณีการยุบสภา อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าดูไบต่อสายเชื่อมสนิทกับพรรคร่วมรัฐบาลได้ การใช้เวทีสภากดดันพรรคประชาธิปัตย์ทำได้ง่ายมาก คว่ำกฎหมายการเงินสักฉบับสองฉบับ นายกฯ อภิสิทธิ์ก็ต้องยุบสภาตามกฎกติกามารยาท
2) ยุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาทหรือไม่? คำตอบอยู่ที่ประธาน กกต.และ กกต.ซึ่งกรณีนี้คนเสื้อแดงจะต้องเปิดฉากรุกฆาตเอาเป็นเอาตายแน่นอน และหนนี้ท่านประธาน กกต.จะลาป่วยหลบลี้หนีหน้าอีกไม่ได้
ยึด-หมายถึงการยึดทรัพย์และยึดอำนาจ
1) กรณีการยึดทรัพย์จากคดีร่ำรวยผิดปกติ 76,000 ล้านบาทของคุณทักษิณ ชินวัตร คดีจะตัดสินในวันที่ 26 ก.พ. 2553 เป็นคดีนี้ทำให้สถานการณ์เดือนก.พ.ร้อนแรงในระดับปรอทแตก ไม่มีใครทราบผลคดีล่วงหน้าได้ เพราะอยู่ในดุลพินิจของศาล เพียงแต่ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะแอบคาดหมายกันว่า ...ทักษิณท่าจะลำบาก...
ทั้งนี้หากทักษิณรู้ล่วงหน้าว่าตัวเองจะต้องแพ้พ่ายในคดีนี้ก็คงจะโหมกระหน่ำสถานการณ์ให้เดินไปถึงจุกแตกหัก
2) กรณีการยึดอำนาจ แม้ว่าสังคมไทยโดยองค์รวม หรือแม้แต่กองทัพก็ประสานเสียงกันว่าจะไม่มีการปฏิวัติยึดอำนาจ แต่สิ่งนี้ถึงที่สุดแล้วก็ไม่ใช่หลักประกันว่าจะไม่มี เพราะในประวัติศาสตร์แม้บิ๊กๆ ในกองทัพไทยจะออกมายืนยันนั่งยันว่าไม่มีการยึดอำนาจ แต่สุดท้ายมันก็เกิดขึ้นจนได้ ด้วยเหตุผลง่ายๆ เช่น เรื่องการปลดย้าย, การเดินเกมให้กลุ่มพวกของตัวเองมีอำนาจ หรือไม่ก็เพราะบ้านเมืองจลาจลนองเลือด
สถานการณ์เดือนก.พ.มีโอกาสที่จะเกิดความปั่นป่วนจลาจลนองเลือดสูง ดังนั้นการยึดอำนาจเพื่อจัดระเบียบประเทศใหม่ ล้างไพ่กันใหม่ เริ่มต้นกันใหม่ด้วยอำนาจพิเศษหรือที่เรียกขานกันว่า “รัฐบาลเฉพาะกาล” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ยืด-หมายถึงการยืดเวลาไปเรื่อยๆ ของรัฐบาล หรือหากเกิดการยึดอำนาจหนนี้น่าจะมีการยืดเวลาครองอำนาจ
1) การยืดเวลาของรัฐอภิสิทธิ์ มีความเป็นไปได้หากรัฐบาล กองทัพสามารถรับมือควบคุมสถานการณ์เดือนก.พ.-มี.ค.ได้ แล้วหลังจากนั้นกองทัพก็ทำหน้าที่พิทักษ์คุ้มครองรัฐบาลให้บริหารประเทศต่อไปอีก 1 ปีงบประมาณหรือไม่ก็อยู่จนใกล้ครบเทอมหากโชคดี
แม้หลายฝ่ายอาจจะอยากเห็นบ้านเมืองเดินไปในแนวนี้ แต่ในทางความเป็นจริงไม่ง่าย เพราะโดยตัวรัฐบาลอภิสิทธิ์แม้ตัวนายกฯ จะดูดีมีต้นทุนสูง แต่ในภาพรวมยังเป็นปัญหาเรื่องการทุจริตโกงกิน อ่อนด้อยในการบริหารงานด้านความมั่นคง
2) หากมีการยึดอำนาจมีแนวโน้มว่ารัฐบาลพิเศษหลังการ “ยึด” น่าจะอยู่ยาวอย่างน้อย 2 -3 ปี เพื่อจัดการปัญหาต่างๆ ให้เข้าที่เข้าทาง....
ประการสุดท้าย แล้วเราจะคาดหมายหรือให้น้ำหนักสถานการณ์ไปทางไหนหรือด้านใดมากที่สุด
ผมให้น้ำหนักจากมากไปหาน้อยดังนี้ ยืดเวลา (รัฐบาล), ยุบสภา, ยึดอำนาจ (แล้วยืด)
แต่ดีไม่ดีอย่ากะพริบตานะครับ อาจจะ “ยุบแล้วยึด” ก็ได้
ผมแว่วๆ มาว่า มีแนวความคิดทำนองว่า การยุบสภาของนายกฯ อภิสิทธิ์อาจจะเป็นทางเลือกด้วยความจำเป็น เพราะการยุบสภาจะหยุดการจลาจลนองเลือดได้ ม็อบจะสลาย เสื้อแดงหมดเงื่อนไขเคลื่อนไหว แต่หลังการยุบสภาธรรมะอาจจัดสรรให้มีอำนาจและวิธีการพิเศษปฏิบัติการยึด (อำนาจ) ต่อเพื่อสะสางปัญหาบ้านเมือง ด้วยเวลาอย่างน้อย 2 ปี..
ยุบ ยึด ยืด-จึงเอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
โปรดอ่านอีกครั้งด้วยความพินิจพิจารณา อย่าเพิ่งเชื่อ แต่อย่าเพิ่งมองข้ามและช่วยกันภาวนาให้บ้านเมืองของเราหาทางออกที่ดีที่สุดเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมสูงสุด
“นักสังเกตการณ์ 63”
……………………………………………………………………………………
หมายเหตุ - ขอขอบคุณ “นักสังเกตการณ์ 63” ซึ่งเป็นอดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการท่านหนึ่งที่ได้ส่งบทความกึ่งวิเคราะห์ชิ้นนี้มาให้ผมพิจารณาลงตีพิมพ์ ผมถือว่าเป็นบทวิเคราะห์ที่น่าจะใกล้เคียงกับสถานการณ์ด้านลึกมากทีเดียว - สำราญ รอดเพชร
samr_rod@hotmail.com