ASTVผู้จัดการรายวัน - ก.พลังงานคาดปีนี้ไทยอาจต้องนำเข้าแอลพีจีสูงถึง 1.7 ล้านตันหากโรงแยกก๊าซฯหน่วย 6 ไม่สามารถผลิตได้เนื่องจากคดีมาบตาพุด หวั่นมี.ค.นี้กองทุนน้ำมันมีฐานะติดลบ 700-800 ล้านบาท
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการใช้คลังลอยน้ำ (Floating Storage Unit)เป็นครั้งแรกวานนี้ (1 ก.พ.)ว่า ในปีนี้ไทยอาจต้องนำเข้าแอลพีจีถึง 1.7 ล้านตันหรือประมาณเดือนละ 1-1.5 แสนตัน หากโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ไม่สามารถเดินเครื่องได้ เพราะติดปัญหาคดีมาบตาพุด ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีภาระในการจ่ายชดเชยการนำเข้าสูงถึง และจะเริ่มมีฐานะติดลบในเดือนมี.คงนี้ประมาณ 700-800 ล้านบาท ทำให้ต้องพิจารณาว่าจะสามารถตรึงราคาแอลพีจีไม่ให้ปรับขึ้นก่อนส.ค.อย่างไร
ปัจจุบันเงินกองทุนน้ำมันฯ มีอยู่ประมาณ 21,000 ล้านบาท และเดือน ม.ค. 53 มีเงินไหลเข้าประมาณ 400 ล้านบาท แต่ภาระอุดหนุนก๊าซแองพีจีในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้นเป็นประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทต่อเดือน และหากนำเข้ามากกว่า 1.1-1.5 แสนตันต่อเดือน อาจจะมีปัญหาเงินติดลบ ซึ่งปัจจุบันราคาแอลพีจีในตลาดโลกอยู่ที่ 735 เหรียญสหรัฐ/ตัน
อย่างไรก็ตาม พลังงานจะดูแลไม่ให้เกิดปัญหาแอลพีจีขาดแคลน โดยขอความร่วมมือปตท.เลื่อนการปิดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซฯหน่วยอื่น และขอความร่วมมือโรงกลั่นของปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่นให้ใช้น้ำมันเตาแทนแอลพีจี รวมถึงการเข้มงวดการลักลอบส่งออกแอลพีจีตามตะเข็บแนวชายแดน
เดิมกระทรวงพลังงานคาดว่าไม่ต้องมีการนำเข้าแอลพีจีในปีนี้ เพราะโรงแยกก๊าซที่ 6 จะเปิดดำเนินการได้ แต่หลังจากถูกระงับกิจการชั่วคราวจากคดีมาบตาพุด จึงต้องมีการนำเข้า แต่เนื่องจากคลังรับก๊าซแอลพีจีของประเทศไทยมีไม่เพียงพอ ล่าสุดทาง ปตท.จึงต้องใช้แนวทางการจัดตั้งคลังลอยน้ำ (Floating Storage Unit) ลงเรือลำเลียง ณ ท่าเทียบเรือ ปตท. คลังก๊าซเขาบ่อยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นการนำเข้าแอลพีจี โดยใช้เรือนำเข้าเป็นคลังลอยน้ำ พร้อมทั้งดำเนินการผสมโพรเพนกับบิวเทน และจ่ายแอลพีจีลงเรือลำเลียงในรูปแบบการขนถ่ายระหว่างเรือ (Ship to Ship) และมีการเปิดพิธีการใช้คลังลอยน้ำเป็นครั้งแรกของประเทศวันนี้ (1 ก.พ.) โดยมี รมว.พลังงาน เป็นประธาน
นายปรัชญา ภิญญาวัธน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการนำเข้าแอลพีจีเป็นครั้งแรกเมื่อเมษายน 2551 และนำเข้าในปริมาณที่สูงขึ้นเรื่อยๆ รวมปริมาณการนำเข้าจนถึงปัจจุบัน (มกราคม 2553) 1.3 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท และกองทุนฯ ยังติดหนี้นำเข้าปตท.ประมาณ 8,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เพื่อลดภาระกองทุนฯ การนำเข้าแอลพีจีมาจำหน่ายก็ควรจะให้ผู้ค้ามาตรา 7 รายอื่นๆ เป็นผู้นำเข้า และจ่ายเงินนำเข้า เพื่อลดภาระของวงเงินนำเข้าของกองทุนฯ ดังกล่าว
“แม้ว่าในปัจจุบันโรงแยกก๊าซฯ 6 จะมีความพร้อมในการผลิตแอลพีจี แต่ยังต้องรอความชัดเจนในกฎเกณฑ์การดำเนินงานตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 หากเร่งรัดให้ได้ข้อสรุปในประเด็นดังกล่าวโดยเร็ว ด้วยกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านตันต่อปีของโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 ก็จะสามารถช่วยลดปริมาณการนำเข้า และลดภาระเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันได้ และจากที่โรงแยกก๊าซไม่ได้สร้างปัญหามลพิษรุนแรง เป็นเพียงการแยกก๊าซฯ เท่านั้น จึงคาดว่าจะอยู่ในข่ายของคำสั่งศาลปกครองกลางที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้เปิดเดินเครื่องได้” นายปรัชญา กล่าว
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการใช้คลังลอยน้ำ (Floating Storage Unit)เป็นครั้งแรกวานนี้ (1 ก.พ.)ว่า ในปีนี้ไทยอาจต้องนำเข้าแอลพีจีถึง 1.7 ล้านตันหรือประมาณเดือนละ 1-1.5 แสนตัน หากโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ไม่สามารถเดินเครื่องได้ เพราะติดปัญหาคดีมาบตาพุด ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีภาระในการจ่ายชดเชยการนำเข้าสูงถึง และจะเริ่มมีฐานะติดลบในเดือนมี.คงนี้ประมาณ 700-800 ล้านบาท ทำให้ต้องพิจารณาว่าจะสามารถตรึงราคาแอลพีจีไม่ให้ปรับขึ้นก่อนส.ค.อย่างไร
ปัจจุบันเงินกองทุนน้ำมันฯ มีอยู่ประมาณ 21,000 ล้านบาท และเดือน ม.ค. 53 มีเงินไหลเข้าประมาณ 400 ล้านบาท แต่ภาระอุดหนุนก๊าซแองพีจีในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้นเป็นประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทต่อเดือน และหากนำเข้ามากกว่า 1.1-1.5 แสนตันต่อเดือน อาจจะมีปัญหาเงินติดลบ ซึ่งปัจจุบันราคาแอลพีจีในตลาดโลกอยู่ที่ 735 เหรียญสหรัฐ/ตัน
อย่างไรก็ตาม พลังงานจะดูแลไม่ให้เกิดปัญหาแอลพีจีขาดแคลน โดยขอความร่วมมือปตท.เลื่อนการปิดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซฯหน่วยอื่น และขอความร่วมมือโรงกลั่นของปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่นให้ใช้น้ำมันเตาแทนแอลพีจี รวมถึงการเข้มงวดการลักลอบส่งออกแอลพีจีตามตะเข็บแนวชายแดน
เดิมกระทรวงพลังงานคาดว่าไม่ต้องมีการนำเข้าแอลพีจีในปีนี้ เพราะโรงแยกก๊าซที่ 6 จะเปิดดำเนินการได้ แต่หลังจากถูกระงับกิจการชั่วคราวจากคดีมาบตาพุด จึงต้องมีการนำเข้า แต่เนื่องจากคลังรับก๊าซแอลพีจีของประเทศไทยมีไม่เพียงพอ ล่าสุดทาง ปตท.จึงต้องใช้แนวทางการจัดตั้งคลังลอยน้ำ (Floating Storage Unit) ลงเรือลำเลียง ณ ท่าเทียบเรือ ปตท. คลังก๊าซเขาบ่อยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นการนำเข้าแอลพีจี โดยใช้เรือนำเข้าเป็นคลังลอยน้ำ พร้อมทั้งดำเนินการผสมโพรเพนกับบิวเทน และจ่ายแอลพีจีลงเรือลำเลียงในรูปแบบการขนถ่ายระหว่างเรือ (Ship to Ship) และมีการเปิดพิธีการใช้คลังลอยน้ำเป็นครั้งแรกของประเทศวันนี้ (1 ก.พ.) โดยมี รมว.พลังงาน เป็นประธาน
นายปรัชญา ภิญญาวัธน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการนำเข้าแอลพีจีเป็นครั้งแรกเมื่อเมษายน 2551 และนำเข้าในปริมาณที่สูงขึ้นเรื่อยๆ รวมปริมาณการนำเข้าจนถึงปัจจุบัน (มกราคม 2553) 1.3 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท และกองทุนฯ ยังติดหนี้นำเข้าปตท.ประมาณ 8,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เพื่อลดภาระกองทุนฯ การนำเข้าแอลพีจีมาจำหน่ายก็ควรจะให้ผู้ค้ามาตรา 7 รายอื่นๆ เป็นผู้นำเข้า และจ่ายเงินนำเข้า เพื่อลดภาระของวงเงินนำเข้าของกองทุนฯ ดังกล่าว
“แม้ว่าในปัจจุบันโรงแยกก๊าซฯ 6 จะมีความพร้อมในการผลิตแอลพีจี แต่ยังต้องรอความชัดเจนในกฎเกณฑ์การดำเนินงานตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 หากเร่งรัดให้ได้ข้อสรุปในประเด็นดังกล่าวโดยเร็ว ด้วยกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านตันต่อปีของโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 6 ก็จะสามารถช่วยลดปริมาณการนำเข้า และลดภาระเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันได้ และจากที่โรงแยกก๊าซไม่ได้สร้างปัญหามลพิษรุนแรง เป็นเพียงการแยกก๊าซฯ เท่านั้น จึงคาดว่าจะอยู่ในข่ายของคำสั่งศาลปกครองกลางที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้เปิดเดินเครื่องได้” นายปรัชญา กล่าว
