อยู่ๆ ทำไมนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเพิกถอนสิทธิทางการเมือง 5 ปีต้องออกมาเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกับพรรคภูมิใจไทย และพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ใน 2 มาตรา โดยไม่สนใจพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาล
โดยที่ 2 มาตราของรัฐธรรมนูญที่พรรคร่วมรัฐบาลคิดจะแก้ไขนั้น ถ้าหากจะเป็นผลประโยชน์จริงๆ สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลก็คือ การกำหนดเขตเลือกตั้งเสียใหม่ให้เป็นเบอร์เดียวเขตเดียว นัยว่าจะง่ายต่อการเอาชนะการเลือกตั้ง เพราะเมื่อเขตเลือกตั้งเล็กลงก็ง่ายต่อการที่จะเอาชนะการเลือกตั้ง เป็นต้นว่า ถ้าจะทุ่มเงินซื้อก็จะไม่มากเหมือนเขตใหญ่ เขตกว้าง ถ้าจะหาเสียงด้วยวิธีการซื่อสัตย์ สุจริตก็จะไม่เหนื่อยมากเหมือนเขตใหญ่ เขตกว้าง
การที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดวิธีการเลือกตั้งไว้อย่างนี้ คือ ให้เขตเลือกตั้งใหญ่สุดเลือกผู้แทนราษฎรได้ 3 คน ยกเว้นจังหวัดที่พลเมืองน้อยอาจจะเขตละ 1 คน หรือ 2 คน ก็เพื่อป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียงเป็นสำคัญ
เขตเล็กเขตใหญ่สำหรับนักธุรกิจการเมืองแล้วมันซื้อได้ทั้งนั้นแหละครับ แต่มันก็ไม่อยากเหนื่อยมาก ไม่อยากจะเสียสตางค์มาก
และเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่เล่นด้วย พรรคร่วมรัฐบาลก็ออกอาการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ให้สัมภาษณ์โจมตีพรรคประชาธิปัตย์บ้าง เขียนจดหมายเปิดผนึกด่า และขู่บ้าง บอกว่าถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องนับถอยหลังบ้าง จะต้องยุบสภาแล้วบ้าง
พร้อมกันนั้นก็มีเสียงประสานมาจากฝ่ายทักษิณที่รอจังหวะรอโอกาสอยู่ในขณะนี้ว่าให้ระมัดระวังการปฏิวัติรัฐประหาร
ขณะเดียวกันพวกเขาก็เคลื่อนไหวที่จะชุมนุมเพื่อโค่นอำมาตย์ โดยกำหนดจะเริ่มวันที่ 11, 12, 13 กุมภาพันธ์ ซึ่งจะพอเหมาะพอเจาะกับวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของทักษิณพอดิบพอดี
มีเสียงขู่ว่าจะมีการลอบสังหารตุลาการที่พิจารณาคดีนี้ มีการเคลื่อนไหวของทักษิณและบรรดาลิ่วล้อออกมาประสานเสียงเกี่ยวกับคดียึดทรัพย์ เป็นต้นว่า คตส.หวังว่าจะได้สินบน 25 เปอร์เซ็นต์จากเงินที่จะถูกยึด 7.6 หมื่นล้านบาท หรือมีคนจะได้ 25 เปอร์เซ็นต์จาก 7.6 หมื่นล้านบาท เป็นเงินประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท
ผู้ที่ออกมาพูดเรื่องเหลวไหลเหล่านี้มีทั้งตัวทักษิณเอง ทนายความของทักษิณ วิชิต ปลั่งศรีสกุล และบรรดาลูกหาบคนอื่นๆ
ทั้งที่ความเป็นจริงปรากฏชัดเจนแล้วว่าคดีนี้จะไม่มีใครได้สินบนแม้สักสลึงเดียว เพราะคดีนี้ไม่มีใครชี้เบาะแส หากแต่เป็นการหาข้อมูลของ คตส.ล้วนๆ ระเบียบการจ่ายสินบนกำหนดเอาไว้ชัดว่า คตส.ไม่มีสิทธิได้สินบนการชี้เบาะแส
การที่ยังพูดเรื่องสินบนอยู่จึงเป็นการจงใจพูดความเท็จให้เกิดความสับสน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทักษิณและบรรดาลูกหาบของเขาถนัดนัก
การเคลื่อนไหวทั้งหลายทั้งปวงจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ นอกเสียจากผู้ที่รับงานจากทักษิณเท่านั้น ที่ตระหนักดีว่า พวกเขากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วพวกเขาก็จะปฏิเสธ เพราะพวกเขาถูกสอนให้เชื่อว่าการออกมาเคลื่อนไหวตั้งแต่หลัง 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา (เว้นช่วงในสมัยที่สมัคร สมชาย มาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นมือเป็นตีนให้ทักษิณ) เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่เพื่อทักษิณ
แม้ตัวทักษิณเองก็จะได้รับข้อมูลเช่นเดียวกันว่า สู้เพื่อประชาธิปไตย สู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่สู้เพื่อตัวเองและครอบครัว
มาถึงวันนี้ทักษิณไปไกลกว่าใครเพื่อนในบรรดาลูกสมุนของเขา โดยเขาออกมาประกาศจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยยึดวิธีการอหิงสาเอามหาตมะ คานธี นักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกเป็นแบบอย่าง
ช่างน่ายกย่องชมเชย น่าเลื่อมใสเอาเสียจริงๆ
แต่เอ ใครที่บอกว่า จะเป็นการต่อสู้ชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ใครที่ยุชาวบ้านว่า อย่ากลับบ้านมือเปล่า ใครที่มันบอกว่า อย่าให้ผมแพ้นะครับพี่น้อง ใครที่มันยุชาวบ้านออกมาป่วนบ้านป่วนเมืองเมื่อเดือนเมษายนที่แล้ว แต่ลูกเมียญาติพี่น้องมันทยอยออกนอกประเทศไปก่อน
วิธีอหิงสาของทักษิณน่าจะแตกต่างไปจากวิธีการของ มหาตมะ คานธี อย่างสิ้นเชิง เพราะวิธีของทักษิณมันปล่อยให้ลูกสมุนไปปิดล้อมบ้านชาวบ้าน ตัดน้ำ ตัดไฟ ยิงหนังสติ๊ก ขว้างก้อนหิน หรือแม้กระทั่งไล่ฟัน ไล่ฆ่าชาวบ้านจนตายที่เชียงใหม่
อหิงสาของทักษิณไม่เพียงแต่แตกต่างกับอหิงสาของ มหาตมะ คานธี อย่างสิ้นเชิงเท่านั้น ยังแตกต่างไปจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิต หรือฉบับของมติชนอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย
หรือที่ทักษิณและบรรดาสมุนรับใช้ของทักษิณออกมาพูดเรื่อง 2 มาตรฐานนั่นก็เช่นเดียวกัน เพราะทักษิณมันมาตรฐานเดียว คือ มาตรฐานทักษิณเอาหุ้นไปซุกไว้กับคนเลี้ยง แม่บ้าน รปภ. ก็เป็นความบกพร่องโดยสุจริต ตั้งพี่ให้เป็น ผบ.ทบ.ข้ามหัวคนอื่นก็บอกว่า จะให้เป็นจ่าแก่ๆ เท่านั้นหรือย้ายพี่เมียข้ามหัวคนอื่นเป็นสิบ ก็บอกว่า ยุติธรรมแล้ว น้องเขยเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม 5-6 ปีแล้ว ก็ย้ายไปอยู่กระทรวงแรงงานสักพักแล้วก็ย้ายกลับมาเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมตามเดิม
นี่ก็ยุติธรรมดีสำหรับมาตรฐานของทักษิณ คนอื่นมันแย่ มันเลวไปหมดเพราะมัน 2 มาตรฐาน
ต้องยอมรับว่า ทักษิณเก่งที่สามารถทำให้คนอย่าง พงษ์เทพ เทพกาญจนา จาตุรนต์ ฉายแสง มองไม่เห็นความชั่วช้าเลวทรามเหล่านี้ของเขา มองเห็นแต่ความดีงามเป็นเลิศในพิภพจบแดน
เอาเงินภาษีประชาชนคนไทยไปให้พม่ากู้แล้วมาซื้อของชินวัตร ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ออกหวย 2 ตัว 3 ตัว โดยที่ไม่เอารายได้เข้าคลัง (ซึ่งเท่ากับตั้งตัวเป็นเจ้ามือหวยเอง โดยให้กองสลากทำงานให้) ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา วิญญูชนอย่าง พงษ์เทพ จาตุรนต์ รับได้
หรือการเดินแนวทางอหิงสาตามรอยมหาตมะ คานธีที่ทักษิณประกาศออกมา ชวนให้คลื่นเหียนอาเจียน บรรดาลูกกะแป้ของทักษิณกลับไชโยโห่ร้องปลาบปลื้มประโลมใจที่นายผู้ยิ่งกว่าบิดาบังเกิดเกล้ามีปณิธานอันแก่กล้า
ช่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรอะไรเช่นนี้
จากนี้ไปจนถึง 26 กุมภาพันธ์ ยังจะมีการเคลื่อนไหวที่สอดประสานกันอีก เป็นการเขย่าเสถียรภาพของรัฐบาล เป็นการรับใช้ทักษิณอย่างตั้งอกตั้งใจ หรือบางทีก็อาจบังเอิญ
โดยที่ 2 มาตราของรัฐธรรมนูญที่พรรคร่วมรัฐบาลคิดจะแก้ไขนั้น ถ้าหากจะเป็นผลประโยชน์จริงๆ สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลก็คือ การกำหนดเขตเลือกตั้งเสียใหม่ให้เป็นเบอร์เดียวเขตเดียว นัยว่าจะง่ายต่อการเอาชนะการเลือกตั้ง เพราะเมื่อเขตเลือกตั้งเล็กลงก็ง่ายต่อการที่จะเอาชนะการเลือกตั้ง เป็นต้นว่า ถ้าจะทุ่มเงินซื้อก็จะไม่มากเหมือนเขตใหญ่ เขตกว้าง ถ้าจะหาเสียงด้วยวิธีการซื่อสัตย์ สุจริตก็จะไม่เหนื่อยมากเหมือนเขตใหญ่ เขตกว้าง
การที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดวิธีการเลือกตั้งไว้อย่างนี้ คือ ให้เขตเลือกตั้งใหญ่สุดเลือกผู้แทนราษฎรได้ 3 คน ยกเว้นจังหวัดที่พลเมืองน้อยอาจจะเขตละ 1 คน หรือ 2 คน ก็เพื่อป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียงเป็นสำคัญ
เขตเล็กเขตใหญ่สำหรับนักธุรกิจการเมืองแล้วมันซื้อได้ทั้งนั้นแหละครับ แต่มันก็ไม่อยากเหนื่อยมาก ไม่อยากจะเสียสตางค์มาก
และเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่เล่นด้วย พรรคร่วมรัฐบาลก็ออกอาการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ให้สัมภาษณ์โจมตีพรรคประชาธิปัตย์บ้าง เขียนจดหมายเปิดผนึกด่า และขู่บ้าง บอกว่าถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องนับถอยหลังบ้าง จะต้องยุบสภาแล้วบ้าง
พร้อมกันนั้นก็มีเสียงประสานมาจากฝ่ายทักษิณที่รอจังหวะรอโอกาสอยู่ในขณะนี้ว่าให้ระมัดระวังการปฏิวัติรัฐประหาร
ขณะเดียวกันพวกเขาก็เคลื่อนไหวที่จะชุมนุมเพื่อโค่นอำมาตย์ โดยกำหนดจะเริ่มวันที่ 11, 12, 13 กุมภาพันธ์ ซึ่งจะพอเหมาะพอเจาะกับวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของทักษิณพอดิบพอดี
มีเสียงขู่ว่าจะมีการลอบสังหารตุลาการที่พิจารณาคดีนี้ มีการเคลื่อนไหวของทักษิณและบรรดาลิ่วล้อออกมาประสานเสียงเกี่ยวกับคดียึดทรัพย์ เป็นต้นว่า คตส.หวังว่าจะได้สินบน 25 เปอร์เซ็นต์จากเงินที่จะถูกยึด 7.6 หมื่นล้านบาท หรือมีคนจะได้ 25 เปอร์เซ็นต์จาก 7.6 หมื่นล้านบาท เป็นเงินประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท
ผู้ที่ออกมาพูดเรื่องเหลวไหลเหล่านี้มีทั้งตัวทักษิณเอง ทนายความของทักษิณ วิชิต ปลั่งศรีสกุล และบรรดาลูกหาบคนอื่นๆ
ทั้งที่ความเป็นจริงปรากฏชัดเจนแล้วว่าคดีนี้จะไม่มีใครได้สินบนแม้สักสลึงเดียว เพราะคดีนี้ไม่มีใครชี้เบาะแส หากแต่เป็นการหาข้อมูลของ คตส.ล้วนๆ ระเบียบการจ่ายสินบนกำหนดเอาไว้ชัดว่า คตส.ไม่มีสิทธิได้สินบนการชี้เบาะแส
การที่ยังพูดเรื่องสินบนอยู่จึงเป็นการจงใจพูดความเท็จให้เกิดความสับสน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทักษิณและบรรดาลูกหาบของเขาถนัดนัก
การเคลื่อนไหวทั้งหลายทั้งปวงจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ นอกเสียจากผู้ที่รับงานจากทักษิณเท่านั้น ที่ตระหนักดีว่า พวกเขากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วพวกเขาก็จะปฏิเสธ เพราะพวกเขาถูกสอนให้เชื่อว่าการออกมาเคลื่อนไหวตั้งแต่หลัง 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา (เว้นช่วงในสมัยที่สมัคร สมชาย มาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นมือเป็นตีนให้ทักษิณ) เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่เพื่อทักษิณ
แม้ตัวทักษิณเองก็จะได้รับข้อมูลเช่นเดียวกันว่า สู้เพื่อประชาธิปไตย สู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่ใช่สู้เพื่อตัวเองและครอบครัว
มาถึงวันนี้ทักษิณไปไกลกว่าใครเพื่อนในบรรดาลูกสมุนของเขา โดยเขาออกมาประกาศจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยยึดวิธีการอหิงสาเอามหาตมะ คานธี นักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกเป็นแบบอย่าง
ช่างน่ายกย่องชมเชย น่าเลื่อมใสเอาเสียจริงๆ
แต่เอ ใครที่บอกว่า จะเป็นการต่อสู้ชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ใครที่ยุชาวบ้านว่า อย่ากลับบ้านมือเปล่า ใครที่มันบอกว่า อย่าให้ผมแพ้นะครับพี่น้อง ใครที่มันยุชาวบ้านออกมาป่วนบ้านป่วนเมืองเมื่อเดือนเมษายนที่แล้ว แต่ลูกเมียญาติพี่น้องมันทยอยออกนอกประเทศไปก่อน
วิธีอหิงสาของทักษิณน่าจะแตกต่างไปจากวิธีการของ มหาตมะ คานธี อย่างสิ้นเชิง เพราะวิธีของทักษิณมันปล่อยให้ลูกสมุนไปปิดล้อมบ้านชาวบ้าน ตัดน้ำ ตัดไฟ ยิงหนังสติ๊ก ขว้างก้อนหิน หรือแม้กระทั่งไล่ฟัน ไล่ฆ่าชาวบ้านจนตายที่เชียงใหม่
อหิงสาของทักษิณไม่เพียงแต่แตกต่างกับอหิงสาของ มหาตมะ คานธี อย่างสิ้นเชิงเท่านั้น ยังแตกต่างไปจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิต หรือฉบับของมติชนอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย
หรือที่ทักษิณและบรรดาสมุนรับใช้ของทักษิณออกมาพูดเรื่อง 2 มาตรฐานนั่นก็เช่นเดียวกัน เพราะทักษิณมันมาตรฐานเดียว คือ มาตรฐานทักษิณเอาหุ้นไปซุกไว้กับคนเลี้ยง แม่บ้าน รปภ. ก็เป็นความบกพร่องโดยสุจริต ตั้งพี่ให้เป็น ผบ.ทบ.ข้ามหัวคนอื่นก็บอกว่า จะให้เป็นจ่าแก่ๆ เท่านั้นหรือย้ายพี่เมียข้ามหัวคนอื่นเป็นสิบ ก็บอกว่า ยุติธรรมแล้ว น้องเขยเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม 5-6 ปีแล้ว ก็ย้ายไปอยู่กระทรวงแรงงานสักพักแล้วก็ย้ายกลับมาเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมตามเดิม
นี่ก็ยุติธรรมดีสำหรับมาตรฐานของทักษิณ คนอื่นมันแย่ มันเลวไปหมดเพราะมัน 2 มาตรฐาน
ต้องยอมรับว่า ทักษิณเก่งที่สามารถทำให้คนอย่าง พงษ์เทพ เทพกาญจนา จาตุรนต์ ฉายแสง มองไม่เห็นความชั่วช้าเลวทรามเหล่านี้ของเขา มองเห็นแต่ความดีงามเป็นเลิศในพิภพจบแดน
เอาเงินภาษีประชาชนคนไทยไปให้พม่ากู้แล้วมาซื้อของชินวัตร ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ออกหวย 2 ตัว 3 ตัว โดยที่ไม่เอารายได้เข้าคลัง (ซึ่งเท่ากับตั้งตัวเป็นเจ้ามือหวยเอง โดยให้กองสลากทำงานให้) ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา วิญญูชนอย่าง พงษ์เทพ จาตุรนต์ รับได้
หรือการเดินแนวทางอหิงสาตามรอยมหาตมะ คานธีที่ทักษิณประกาศออกมา ชวนให้คลื่นเหียนอาเจียน บรรดาลูกกะแป้ของทักษิณกลับไชโยโห่ร้องปลาบปลื้มประโลมใจที่นายผู้ยิ่งกว่าบิดาบังเกิดเกล้ามีปณิธานอันแก่กล้า
ช่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรอะไรเช่นนี้
จากนี้ไปจนถึง 26 กุมภาพันธ์ ยังจะมีการเคลื่อนไหวที่สอดประสานกันอีก เป็นการเขย่าเสถียรภาพของรัฐบาล เป็นการรับใช้ทักษิณอย่างตั้งอกตั้งใจ หรือบางทีก็อาจบังเอิญ