วอร์รูมปชป.ห่วงการเคลื่อนไหวทางการเมืองหวังดิสเครดิส 3สถาบันหลัก "ทหาร-ศาล-องคมนตรี" ด้านเสธ.แดงยังปากหมาต่อ ปูด “แผนลอบฆ่า”องค์คณะผู้พิพากษาศาล ปปช.-คตส.คดียึดทรัพย์ ส่วนเวทีแดงล้อมทบ. “บ่มีไก๊”
ช่วงบ่ายวานนี้(29 ม.ค.)สายฝนเป็นใจ กระหน่ำไล่ม๊อบคนเสื้อแดงลงมาอย่างหนัก ทำให้ผู้ชุมนุม บริเวณถนนราชดำเนินนอก ด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.)แตกกระเจิง และบางส่วนก็ตัดสินใจเดินทางกลับ แม้แกนนำจะใช้รถบรรทุก 6 ล้อติดเครื่องเสียงคอยปลุกระดมอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่านจินดา ผบ.ทบ.และพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา รองผบ.ทบ.ก็ไม่อยู่ภายใน บก.ทบ.เพราะเดินทางไปราชการในพื้นที่ จ.ยะลา ในวันเดียวกัน แม้กลุ่มคนเสื้อแดง ย้ำว่าเดินทางมาสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นทหารที่เข้ามายุ่งเกี่ยวการเมือง และถามว่าจะปฏิวัติหรือไม่ ขณะที่สถานการณ์ทั่วไปมีความสงบเรียบร้อยไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด โดยกำลังทหารและตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามสถานการณ์ ก็ประสานเสียงเดียกวันว่า ไม่น่าจะมีปัญหาและติดตามสถานการณ์ยิงใกล้ชิด
สำหรับเนื้อหาการปราศรัยก็ยังคงปราศรัยโจมตีพล.อ.เปรม และพล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่จะมีการปฎิวัติที่จะเกิดขึ้น ตามที่มีกระแสข่าวออกมาในขณะนี้
**เสธ.แดงยังปากหมาต่อ
ก่อนหน้านั้น พล.ต.ขัตติยะ หรือเสธ.แดงที่เดินทางมาพร้อมนักรบพระเจ้าตาก ด้านหลังเวทีเคลื่อนที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงได้ไชโยโห่ร้องและเข้ามาขอลายเซ็นและถ่ายรูป
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า วันนี้มาดูการชุมนุมแต่ไม่ปราศรัย ตนเองมองสถานการณ์การเมืองและอยากเตือนไปยังองค์คณะผู้พิพากษาศาล ปปช.และคตส.ในการพิจารณาคดียึดทรัพย์ว่ามีแผนลอบฆ่าทั้ง 3 คณะ ซึ่งขบวนการเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับคดียึดทรัพย์ ขอให้ระวังและทุกครั้งที่ตนเองเตือนก็มักจะเป็นจริง สำหรับปัญหากับ ผบ.ทบ.นั้นตนเองทะเลาะกันเรื่องชาติและเรื่องส่วนตัว ไม่ได้ทะเลาะกับกองทัพ เพราะผบ.ทบ.มีพฤติกรรมตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ส่วนที่ทหาร 17 กองพันต่อต้านตนเองนั้น ขอท้าให้นำประสบการณ์ทางทหารมาเทียบกัน ตนเองเป็นระดับครูมีประสบการณ์การรบมากมาย
ทั้งนี้บนเวที นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายวีระ มุสิกพงษ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ทยอยขึ้นปราศรัย โดยนายจตุพรกล่าวว่า ขอประกาศให้คนเสื้อแดงรู้ว่าหากมีการปฏิวัติ ให้เสื้อแดงนำรถสิบล้อมาปิดค่ายทหารทุกค่ายและออกมาที่ศาลากลาง โดยวันอาทิตย์ที่ 31 มกราคมนี้จะเรียกแกนนำทั่วประเทศประชุมที่อิมพีเรียลลาดพร้าวในช่วงเช้า
“ในสัปดาห์นั้นกลุ่มนปช.จะเดินทางไปยังกองทัพอากาศ และกระทรวงกลาโหม และสำนักงานกกต. สำหรับการชุมนุมใหญ่นั้น ทางกลุ่มแกนนำจะมีการหารือกันวันที่ 26 ก.พ. ”
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จากนี้ไปเสื้อแดงจะดาวกระจายไปอ่านแถลงการณ์หน้าค่ายทหารเพื่อต่อต้านการปฏิวัติ ซึ่งอาจเริ่มจาก กทม.ก่อนไปทั่วประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เวลา 17.20 น. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เดินทางมาสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ปฏิเสธขึ้นเวทีปราศรัย จนกระทั่งเวลา 18.00 น. แกนนำจึงได้ประกาศยุติการชุมนุม และสลายการชุมนุมทันที
**การเมืองวุ่นกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวกรณีที่ทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาระบุว่าบ้านเมืองเราหากยังมีปัญหาความไม่มั่นคง เศรษฐกิจก็จะฟื้นยากว่า ถ้ามองในแง่ของความมั่นคง หากมองโดยรวมก็ถือว่ายังดีอยู่ เพราะปัญหาชายแดนก็ไม่มี ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็คลี่คลายลงไปมาก ทุกอย่างดูดีไม่มีอะไรที่จะส่อให้เห็นว่าประเทศไทยไม่มั่นคง แต่ความไม่มั่นคงที่ว่านี้คงหมายถึงการที่มีเรื่องวุ่นวายทางการเมือง ทำให้บรรดานักธุรกิจและนักลงทุนทั้งหลาย หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวก็พลอยได้รับผลกระทบจากกระแสข่าวที่ค่อนข้างจะหวือหวา จึงทำให้นักลงทุนหรือนักท่องเที่ยวคิดมาก
นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลถือว่าความวุ่นวายทางการเมืองเป็นเรื่องธรรมดา ในสังคมประชาธิปไตยที่มีข้อขัดแย้งหรือความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่เราก็ต้อง พยายามจำกัดความขัดแย้ง ความเห็นที่ไม่ตรงกันให้อยู่ในวงที่สมควรจะอยู่ และไม่ขยายลุกลามจนเป็นความบาดหมาง อาฆาตแค้นทำลายร้างซึ่งต้องทำใจกันให้ได้
“ผมพยายามใช้วิธีการต่าง ๆ ในการค่อย ๆ สื่อสารและขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย และผมจะบอกเสมอว่าขอให้ระลึกว่าประชาชนส่วนใหญ่เป็นเจ้าของประเทศ ไม่ใช่คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง จะมีกี่พัน กี่หมื่นก็ไม่ใช่เจ้าของประเทศทั้งหมด ต้องคำนึงถึงหัวอกคนทั้ง 65 ล้านคนที่นั่งมองดูอยู่เฉย ๆ ด้วยความอดทน อดกลั้นด้วย และคิดว่าหลายเสียงที่ผมพูดไปก็ได้รับการตอบสนองเช่นกรณีที่ขอร้องไม่ให้ไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิหรือรพ.ศิริราช เพราะไม่บังควร ซึ่งเขาก็ตอบรับตรงนี้เพราะเห็นว่ากระแสสังคมไม่ยินดีด้วย ซึ่งก็ต้องขอบคุณ”
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลจะไม่หันกลับไปมองดูในอดีตหรือว่าได้แก้ปัญหาในเรื่องความขัดแย้งอย่างไรบ้าง เพราะพูดกันมากว่ารัฐบาลยังไม่ได้แก้อะไรเลย นายสุเทพ กล่าวว่า การแก้ปัญหาความขัดแย้งก็ต้องช่วยกันทุกฝ่าย
“อย่างท่านจะชกผมอยู่เรื่อย ผมก็พยายามอย่างดีที่สุดคือไม่ชกตอบ แต่ถ้าถามว่ายังไม่เลิกกันอีก ก็ท่านยังไม่หยุด ผมก็ต้องวิ่งไปเรื่อยๆ ก่อน ผมก็หลบๆ หลีกๆ ไปเรื่อย ซึ่งจะเห็นว่าผมไม่เข้าไปปะทะด้วย ซึ่งการไม่เข้าไปปะทะก็เป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ไข จะไปเชียงใหม่ เขาขู่ผมก็ไม่ไป เพราะไม่อยาก ให้เกิดเหตุยุ่งยาก ก็เลือกไปปะทะเฉพาะในจุดที่คิดว่าพอไปทำได้ ไม่เสีย”
**ไม่ได้มองผู้ชุมนุมเป็นคู่อาฆาต
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้กังวลกันมากว่าช่วงเดือนนี้จะมีปัญหาหลายอย่างประเดประดังเข้ามา จะให้ความมั่นใจอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าเรามัววิตกกังวลก็คงจะดำรงชีวิตอยู่ไม่ได้ การเมืองก็มีธรรมชาติ เมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้กันไป อย่างวันนี้ที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศว่าจะมาที่กองบัญชาการกองทัพบก ตนก็ต้องแก้ปัญหา มีการซักซ้อมและวางแผนและติดตามตามที่เราได้ตั้งใจไว้ คนที่เจรจาได้ก็ไปเจรจา ส่วนคนที่ตั้งรับก็ต้องซักซ้อมกันซึ่งตนได้สั่งการไปแล้วว่าห้ามพกอาวุธเด็ดขาด เพื่อไม่ให้มาปะทะกับประชาชน เพราะไม่ต้องการให้เกิดสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ และได้สั่งให้บันทึกเทปโทรทัศน์ทุกระยะ หากมีใครบิดเบือน กล่าวหา อ้างว่า เจ้าหน้าที่ทำร้ายก็จะได้นำไปพิสูจน์กัน รวมถึงกำชับให้เจ้าหน้าที่อดทน อดกลั้น มีอะไรก็ให้รายงานมาทันที
ส่วนที่ทางการเตรียมการรัดกุมเพราะมีรายงานจะเกิดเหตุรุนแรงหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงต้องให้เข้มงวดและรัดกุมมากขึ้นอีกเรื่อยๆ เพราะตามที่มีผู้วิเคราะห์ ตามรายงานข่าว ผู้ที่บงการหรือสั่งการก็หวังผลตั้งแต่ให้เกิดเหตุรุนแรงเพื่อที่จะให้ขยายตัว เอาไปอ้างได้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้กระทำการรุนแรงเข่นฆ่าประชาชน ปราบปรามประชาชนอย่างโหดเหี้ยม เพื่อที่จะเอาสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไปปลุกระดมประชาชนให้ลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาล ซึ่งเป้าหมายเขาก็ชัดเจนคือเพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถรักษาบ้านเมืองได้ และ ควบคุมสถานการณ์ได้ บีบบังคับให้รัฐบาลต้องหาทางออกเช่นการยุบสภา ถ้าไม่ได้อย่างนี้เขาก็หาทางที่จะล้มล้างรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องเตรียมการรับมือให้ได้ ต้องแก้สถานการณ์ให้ได้ ผ่อนจากร้ายให้กลายเป็นเบาบางลง
“ผมขอยืนยันว่าไม่เคยมีใจที่จะคิดร้ายกับใคร เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้วย ก็มีแนวทางชัดเจนว่าไม่ได้มองผู้ชุมนุมเป็นคู่อาฆาตแค้นใดๆ ดังนั้นถ้าทำใจได้ อย่างนี้ก็จะมีความอดทน อดกลั้นและระมัดระวัง”
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมาดูเหมือนรัฐบาลก็ยังไม่ได้ผ่อนปรนอะไรเท่าไหร่ สถานการณ์ก็ยังตึงเครียดตลอดเวลา นายสุเทพ กล่าวว่า ที่จริงก็ผ่อนปรนมาก แต่ไม่ถึงขั้นที่ฝ่ายเขาเรียกร้อง หรือต้องการ เพราะการเรียกร้องนั้นเป็นสิ่งที่ฝืนกฎหมาย ฝืนใจของคนส่วนใหญ่ บ้านเมืองต้องมีกฎเกณฑ์ กติกาของสังคมและบ้านเมือง ถ้าทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายก็ไม่มีปัญหา ที่เขาบอกว่ารัฐบาล 2 มาตรฐาน ตนก็ยืนยันมาตลอดว่าไม่เคยทำอะไร 2 มาตรฐาน คดีความของพันธมิตรฯก็เร่งรัดตลอด เมื่อกุมภาพันธ์หรือมีนาคมนี้สำนวนต้องเสร็จและส่งฟ้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่าประเมินหรือไม่ว่าการชุมนุมวันนี้จะยืดเยื้อหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนภาวนาขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาได้ประกาศเอาไว้ว่าจะมาตอน 12.00 น. และจะเลิกตอน 17.00 น.ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ก็ถือเป็นการชุมนุม ที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย ตนและประชาชนก็จะได้สบายใจ
**ปชป.ห่วงการเมืองดิสเครดิส3สถาบันหลัก
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า คณะกรรมการปฏิบัติการเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง(วอร์รูม) ได้ประเมินสถานการณ์ ทางการเมืองในขณะนี้โดยได้แสดงความห่วงใยในความเคลื่อนไหวเพื่อทำลาย ความน่าเชื่อถือ 3 สถาบันของประเทศ คือ
1. สถาบันทหาร ที่มีการปล่อยข่าวลือว่าจะมีการปฏิวัติ ลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน และสร้างความหวั่นวิตกให้กับคนไทย ซึ่งเป้าหมายเพื่อปลุกมวลชน และมีกลุ่มคนซึ่งเป็นกลุ่มทุนที่ได้ประโยชน์จากการปล่อยข่าว หวังทุบหุ้นและได้ประโยชน์ในภายหลัง ทั้งนี้การเคลี่อนไหวของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิของทัพบก เพื่อให้เกิดการตอบโต้กันตลอดเดือนก.พ. เพื่อให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย
2. ทำลายความน่าเชื่อถือในสถาบันศาล ซึ่งมีข่าวว่าจะมีการเคลื่อนขบวน เพื่อปิดล้อมศาล สร้างข้อมูลเท็จว่ารัฐบาลแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่เป็นความจริง จึงขอให้ทุกฝ่ายหยุดเคลื่อนไหว และหากผลตัดสินของศาล ออกมาอย่างใดก็ต้องยอมรับ โดยหากผลออกมาให้ยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็สามารถอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน
3. สถาบันองคมนตรี ซึ่งขณะนี้มีความพยายามขยายวงไปยังองคมนตรีคนอื่น ด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง ทางวอร์รูมจึงประเมินว่า การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นหวังปลุกระดมเพื่อนำสู่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นประชาธิปไตย รวมถึงการเปลี่ยนแปลง การปกครองในปัจจุบันด้วย แต่พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล มั่นใจว่า จะทำงานร่วมกันกับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อดูแลประโยชน์ของบ้านเมือง เหมือนที่ผ่านมา
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ส่วนการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร ที่ประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทยประกาศเดินหน้าผลักดันรัฐธรรมนูญปี 2540 และจะเสนอกฎหมาย นิรโทษกรรมคดีที่ดินรัชดานั้น ถือเป็นการกระทำเพื่อคนคนเดียว และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงอยากถามว่าจะมีการเสอนกฎหมายนิรโทษกรรมคดีติดสินบนศาลในคดีเดียวกันหรือไม่ ทั้งนี้หากพรรคเพื่อไทยหวังผลให้บ้านเมืองสงบจริง ก็สามารถทำได้โดยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารับโทษก่อน และขอเรียกร้องพรรคเพื่อไทยให้เดินตาม แนวทางคณะกรรมการสมานฉันท์ โดยให้ประชาชนได้ร่วมแสดงฉันทานุมัติด้วยการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ
**ประสานเร่งคดีเสื้อแดง
นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวถึงคดีที่ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.และแนวร่วมอีกจำนวน 12 คน ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง กรณี จำเลยทั้ง 3 กับพวกที่เป็นแกนนำและแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงนำกลุ่มผู้ชุมนุมหลายพันคนก่อความวุ่นวายที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้อง แต่เนื่องจากผู้ต้องหาบางคนเป็น ส.ส. มีเอกสิทธิคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ จึงอาจต้องรอให้ปิดสมัยประชุมรัฐสภาฯ เสียก่อน ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นหากตำรวจนำตัวมาส่งมอบให้อัยการก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลได้ทันทีเนื่องจากมีคำสั่งฟ้องคดีเอาไว้แล้ว
**กล้านรงค์ ไม่หวั่นโดนลอบฆ่า
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการปปช.กล่าวถึงพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ขึ้นเวทีเสื้อแดงเตือนผู้พิพากษา คตส. และปปช.ให้ระวังตัวอาจจะถูกลอบฆ่า โดยบอกว่าตัวเองทำนายแม่น ว่า ตนเองคงไม่ต้องระมัดระวังอะไรพิเศษ เพราะไม่รู้จะระวังอย่างไร อยากฆ่าก็ฆ่าไป ไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดพล.ต.ขัตติยะ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ขอกำลังมาอารักขาใดๆ จะเดินทางไปไหนก็ไปตามปกติ ไม่ต้องระวังพิเศษ เพราะไม่ใช่หน่วยรบ ใครจะฆ่าก็ช่างมัน ใครจะพูดอะไรก็พูดไป ตนเองก็ทำหน้าที่ตามปกติ
ช่วงบ่ายวานนี้(29 ม.ค.)สายฝนเป็นใจ กระหน่ำไล่ม๊อบคนเสื้อแดงลงมาอย่างหนัก ทำให้ผู้ชุมนุม บริเวณถนนราชดำเนินนอก ด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.)แตกกระเจิง และบางส่วนก็ตัดสินใจเดินทางกลับ แม้แกนนำจะใช้รถบรรทุก 6 ล้อติดเครื่องเสียงคอยปลุกระดมอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่านจินดา ผบ.ทบ.และพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา รองผบ.ทบ.ก็ไม่อยู่ภายใน บก.ทบ.เพราะเดินทางไปราชการในพื้นที่ จ.ยะลา ในวันเดียวกัน แม้กลุ่มคนเสื้อแดง ย้ำว่าเดินทางมาสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นทหารที่เข้ามายุ่งเกี่ยวการเมือง และถามว่าจะปฏิวัติหรือไม่ ขณะที่สถานการณ์ทั่วไปมีความสงบเรียบร้อยไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด โดยกำลังทหารและตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามสถานการณ์ ก็ประสานเสียงเดียกวันว่า ไม่น่าจะมีปัญหาและติดตามสถานการณ์ยิงใกล้ชิด
สำหรับเนื้อหาการปราศรัยก็ยังคงปราศรัยโจมตีพล.อ.เปรม และพล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่จะมีการปฎิวัติที่จะเกิดขึ้น ตามที่มีกระแสข่าวออกมาในขณะนี้
**เสธ.แดงยังปากหมาต่อ
ก่อนหน้านั้น พล.ต.ขัตติยะ หรือเสธ.แดงที่เดินทางมาพร้อมนักรบพระเจ้าตาก ด้านหลังเวทีเคลื่อนที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงได้ไชโยโห่ร้องและเข้ามาขอลายเซ็นและถ่ายรูป
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า วันนี้มาดูการชุมนุมแต่ไม่ปราศรัย ตนเองมองสถานการณ์การเมืองและอยากเตือนไปยังองค์คณะผู้พิพากษาศาล ปปช.และคตส.ในการพิจารณาคดียึดทรัพย์ว่ามีแผนลอบฆ่าทั้ง 3 คณะ ซึ่งขบวนการเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับคดียึดทรัพย์ ขอให้ระวังและทุกครั้งที่ตนเองเตือนก็มักจะเป็นจริง สำหรับปัญหากับ ผบ.ทบ.นั้นตนเองทะเลาะกันเรื่องชาติและเรื่องส่วนตัว ไม่ได้ทะเลาะกับกองทัพ เพราะผบ.ทบ.มีพฤติกรรมตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ส่วนที่ทหาร 17 กองพันต่อต้านตนเองนั้น ขอท้าให้นำประสบการณ์ทางทหารมาเทียบกัน ตนเองเป็นระดับครูมีประสบการณ์การรบมากมาย
ทั้งนี้บนเวที นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายวีระ มุสิกพงษ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ทยอยขึ้นปราศรัย โดยนายจตุพรกล่าวว่า ขอประกาศให้คนเสื้อแดงรู้ว่าหากมีการปฏิวัติ ให้เสื้อแดงนำรถสิบล้อมาปิดค่ายทหารทุกค่ายและออกมาที่ศาลากลาง โดยวันอาทิตย์ที่ 31 มกราคมนี้จะเรียกแกนนำทั่วประเทศประชุมที่อิมพีเรียลลาดพร้าวในช่วงเช้า
“ในสัปดาห์นั้นกลุ่มนปช.จะเดินทางไปยังกองทัพอากาศ และกระทรวงกลาโหม และสำนักงานกกต. สำหรับการชุมนุมใหญ่นั้น ทางกลุ่มแกนนำจะมีการหารือกันวันที่ 26 ก.พ. ”
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จากนี้ไปเสื้อแดงจะดาวกระจายไปอ่านแถลงการณ์หน้าค่ายทหารเพื่อต่อต้านการปฏิวัติ ซึ่งอาจเริ่มจาก กทม.ก่อนไปทั่วประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เวลา 17.20 น. พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เดินทางมาสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ปฏิเสธขึ้นเวทีปราศรัย จนกระทั่งเวลา 18.00 น. แกนนำจึงได้ประกาศยุติการชุมนุม และสลายการชุมนุมทันที
**การเมืองวุ่นกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวกรณีที่ทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาระบุว่าบ้านเมืองเราหากยังมีปัญหาความไม่มั่นคง เศรษฐกิจก็จะฟื้นยากว่า ถ้ามองในแง่ของความมั่นคง หากมองโดยรวมก็ถือว่ายังดีอยู่ เพราะปัญหาชายแดนก็ไม่มี ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็คลี่คลายลงไปมาก ทุกอย่างดูดีไม่มีอะไรที่จะส่อให้เห็นว่าประเทศไทยไม่มั่นคง แต่ความไม่มั่นคงที่ว่านี้คงหมายถึงการที่มีเรื่องวุ่นวายทางการเมือง ทำให้บรรดานักธุรกิจและนักลงทุนทั้งหลาย หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวก็พลอยได้รับผลกระทบจากกระแสข่าวที่ค่อนข้างจะหวือหวา จึงทำให้นักลงทุนหรือนักท่องเที่ยวคิดมาก
นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลถือว่าความวุ่นวายทางการเมืองเป็นเรื่องธรรมดา ในสังคมประชาธิปไตยที่มีข้อขัดแย้งหรือความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่เราก็ต้อง พยายามจำกัดความขัดแย้ง ความเห็นที่ไม่ตรงกันให้อยู่ในวงที่สมควรจะอยู่ และไม่ขยายลุกลามจนเป็นความบาดหมาง อาฆาตแค้นทำลายร้างซึ่งต้องทำใจกันให้ได้
“ผมพยายามใช้วิธีการต่าง ๆ ในการค่อย ๆ สื่อสารและขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย และผมจะบอกเสมอว่าขอให้ระลึกว่าประชาชนส่วนใหญ่เป็นเจ้าของประเทศ ไม่ใช่คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง จะมีกี่พัน กี่หมื่นก็ไม่ใช่เจ้าของประเทศทั้งหมด ต้องคำนึงถึงหัวอกคนทั้ง 65 ล้านคนที่นั่งมองดูอยู่เฉย ๆ ด้วยความอดทน อดกลั้นด้วย และคิดว่าหลายเสียงที่ผมพูดไปก็ได้รับการตอบสนองเช่นกรณีที่ขอร้องไม่ให้ไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิหรือรพ.ศิริราช เพราะไม่บังควร ซึ่งเขาก็ตอบรับตรงนี้เพราะเห็นว่ากระแสสังคมไม่ยินดีด้วย ซึ่งก็ต้องขอบคุณ”
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลจะไม่หันกลับไปมองดูในอดีตหรือว่าได้แก้ปัญหาในเรื่องความขัดแย้งอย่างไรบ้าง เพราะพูดกันมากว่ารัฐบาลยังไม่ได้แก้อะไรเลย นายสุเทพ กล่าวว่า การแก้ปัญหาความขัดแย้งก็ต้องช่วยกันทุกฝ่าย
“อย่างท่านจะชกผมอยู่เรื่อย ผมก็พยายามอย่างดีที่สุดคือไม่ชกตอบ แต่ถ้าถามว่ายังไม่เลิกกันอีก ก็ท่านยังไม่หยุด ผมก็ต้องวิ่งไปเรื่อยๆ ก่อน ผมก็หลบๆ หลีกๆ ไปเรื่อย ซึ่งจะเห็นว่าผมไม่เข้าไปปะทะด้วย ซึ่งการไม่เข้าไปปะทะก็เป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ไข จะไปเชียงใหม่ เขาขู่ผมก็ไม่ไป เพราะไม่อยาก ให้เกิดเหตุยุ่งยาก ก็เลือกไปปะทะเฉพาะในจุดที่คิดว่าพอไปทำได้ ไม่เสีย”
**ไม่ได้มองผู้ชุมนุมเป็นคู่อาฆาต
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้กังวลกันมากว่าช่วงเดือนนี้จะมีปัญหาหลายอย่างประเดประดังเข้ามา จะให้ความมั่นใจอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าเรามัววิตกกังวลก็คงจะดำรงชีวิตอยู่ไม่ได้ การเมืองก็มีธรรมชาติ เมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้กันไป อย่างวันนี้ที่กลุ่มเสื้อแดงประกาศว่าจะมาที่กองบัญชาการกองทัพบก ตนก็ต้องแก้ปัญหา มีการซักซ้อมและวางแผนและติดตามตามที่เราได้ตั้งใจไว้ คนที่เจรจาได้ก็ไปเจรจา ส่วนคนที่ตั้งรับก็ต้องซักซ้อมกันซึ่งตนได้สั่งการไปแล้วว่าห้ามพกอาวุธเด็ดขาด เพื่อไม่ให้มาปะทะกับประชาชน เพราะไม่ต้องการให้เกิดสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ และได้สั่งให้บันทึกเทปโทรทัศน์ทุกระยะ หากมีใครบิดเบือน กล่าวหา อ้างว่า เจ้าหน้าที่ทำร้ายก็จะได้นำไปพิสูจน์กัน รวมถึงกำชับให้เจ้าหน้าที่อดทน อดกลั้น มีอะไรก็ให้รายงานมาทันที
ส่วนที่ทางการเตรียมการรัดกุมเพราะมีรายงานจะเกิดเหตุรุนแรงหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงต้องให้เข้มงวดและรัดกุมมากขึ้นอีกเรื่อยๆ เพราะตามที่มีผู้วิเคราะห์ ตามรายงานข่าว ผู้ที่บงการหรือสั่งการก็หวังผลตั้งแต่ให้เกิดเหตุรุนแรงเพื่อที่จะให้ขยายตัว เอาไปอ้างได้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้กระทำการรุนแรงเข่นฆ่าประชาชน ปราบปรามประชาชนอย่างโหดเหี้ยม เพื่อที่จะเอาสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไปปลุกระดมประชาชนให้ลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาล ซึ่งเป้าหมายเขาก็ชัดเจนคือเพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถรักษาบ้านเมืองได้ และ ควบคุมสถานการณ์ได้ บีบบังคับให้รัฐบาลต้องหาทางออกเช่นการยุบสภา ถ้าไม่ได้อย่างนี้เขาก็หาทางที่จะล้มล้างรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องเตรียมการรับมือให้ได้ ต้องแก้สถานการณ์ให้ได้ ผ่อนจากร้ายให้กลายเป็นเบาบางลง
“ผมขอยืนยันว่าไม่เคยมีใจที่จะคิดร้ายกับใคร เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้วย ก็มีแนวทางชัดเจนว่าไม่ได้มองผู้ชุมนุมเป็นคู่อาฆาตแค้นใดๆ ดังนั้นถ้าทำใจได้ อย่างนี้ก็จะมีความอดทน อดกลั้นและระมัดระวัง”
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมาดูเหมือนรัฐบาลก็ยังไม่ได้ผ่อนปรนอะไรเท่าไหร่ สถานการณ์ก็ยังตึงเครียดตลอดเวลา นายสุเทพ กล่าวว่า ที่จริงก็ผ่อนปรนมาก แต่ไม่ถึงขั้นที่ฝ่ายเขาเรียกร้อง หรือต้องการ เพราะการเรียกร้องนั้นเป็นสิ่งที่ฝืนกฎหมาย ฝืนใจของคนส่วนใหญ่ บ้านเมืองต้องมีกฎเกณฑ์ กติกาของสังคมและบ้านเมือง ถ้าทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายก็ไม่มีปัญหา ที่เขาบอกว่ารัฐบาล 2 มาตรฐาน ตนก็ยืนยันมาตลอดว่าไม่เคยทำอะไร 2 มาตรฐาน คดีความของพันธมิตรฯก็เร่งรัดตลอด เมื่อกุมภาพันธ์หรือมีนาคมนี้สำนวนต้องเสร็จและส่งฟ้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่าประเมินหรือไม่ว่าการชุมนุมวันนี้จะยืดเยื้อหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนภาวนาขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาได้ประกาศเอาไว้ว่าจะมาตอน 12.00 น. และจะเลิกตอน 17.00 น.ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ก็ถือเป็นการชุมนุม ที่อยู่ในกรอบของกฎหมาย ตนและประชาชนก็จะได้สบายใจ
**ปชป.ห่วงการเมืองดิสเครดิส3สถาบันหลัก
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า คณะกรรมการปฏิบัติการเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมือง(วอร์รูม) ได้ประเมินสถานการณ์ ทางการเมืองในขณะนี้โดยได้แสดงความห่วงใยในความเคลื่อนไหวเพื่อทำลาย ความน่าเชื่อถือ 3 สถาบันของประเทศ คือ
1. สถาบันทหาร ที่มีการปล่อยข่าวลือว่าจะมีการปฏิวัติ ลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน และสร้างความหวั่นวิตกให้กับคนไทย ซึ่งเป้าหมายเพื่อปลุกมวลชน และมีกลุ่มคนซึ่งเป็นกลุ่มทุนที่ได้ประโยชน์จากการปล่อยข่าว หวังทุบหุ้นและได้ประโยชน์ในภายหลัง ทั้งนี้การเคลี่อนไหวของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิของทัพบก เพื่อให้เกิดการตอบโต้กันตลอดเดือนก.พ. เพื่อให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย
2. ทำลายความน่าเชื่อถือในสถาบันศาล ซึ่งมีข่าวว่าจะมีการเคลื่อนขบวน เพื่อปิดล้อมศาล สร้างข้อมูลเท็จว่ารัฐบาลแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่เป็นความจริง จึงขอให้ทุกฝ่ายหยุดเคลื่อนไหว และหากผลตัดสินของศาล ออกมาอย่างใดก็ต้องยอมรับ โดยหากผลออกมาให้ยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็สามารถอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน
3. สถาบันองคมนตรี ซึ่งขณะนี้มีความพยายามขยายวงไปยังองคมนตรีคนอื่น ด้วยข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง ทางวอร์รูมจึงประเมินว่า การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นหวังปลุกระดมเพื่อนำสู่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นประชาธิปไตย รวมถึงการเปลี่ยนแปลง การปกครองในปัจจุบันด้วย แต่พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล มั่นใจว่า จะทำงานร่วมกันกับพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อดูแลประโยชน์ของบ้านเมือง เหมือนที่ผ่านมา
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ส่วนการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร ที่ประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทยประกาศเดินหน้าผลักดันรัฐธรรมนูญปี 2540 และจะเสนอกฎหมาย นิรโทษกรรมคดีที่ดินรัชดานั้น ถือเป็นการกระทำเพื่อคนคนเดียว และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงอยากถามว่าจะมีการเสอนกฎหมายนิรโทษกรรมคดีติดสินบนศาลในคดีเดียวกันหรือไม่ ทั้งนี้หากพรรคเพื่อไทยหวังผลให้บ้านเมืองสงบจริง ก็สามารถทำได้โดยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารับโทษก่อน และขอเรียกร้องพรรคเพื่อไทยให้เดินตาม แนวทางคณะกรรมการสมานฉันท์ โดยให้ประชาชนได้ร่วมแสดงฉันทานุมัติด้วยการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ
**ประสานเร่งคดีเสื้อแดง
นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวถึงคดีที่ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.และแนวร่วมอีกจำนวน 12 คน ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง กรณี จำเลยทั้ง 3 กับพวกที่เป็นแกนนำและแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงนำกลุ่มผู้ชุมนุมหลายพันคนก่อความวุ่นวายที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้อง แต่เนื่องจากผู้ต้องหาบางคนเป็น ส.ส. มีเอกสิทธิคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ จึงอาจต้องรอให้ปิดสมัยประชุมรัฐสภาฯ เสียก่อน ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นหากตำรวจนำตัวมาส่งมอบให้อัยการก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลได้ทันทีเนื่องจากมีคำสั่งฟ้องคดีเอาไว้แล้ว
**กล้านรงค์ ไม่หวั่นโดนลอบฆ่า
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการปปช.กล่าวถึงพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ขึ้นเวทีเสื้อแดงเตือนผู้พิพากษา คตส. และปปช.ให้ระวังตัวอาจจะถูกลอบฆ่า โดยบอกว่าตัวเองทำนายแม่น ว่า ตนเองคงไม่ต้องระมัดระวังอะไรพิเศษ เพราะไม่รู้จะระวังอย่างไร อยากฆ่าก็ฆ่าไป ไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดพล.ต.ขัตติยะ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ขอกำลังมาอารักขาใดๆ จะเดินทางไปไหนก็ไปตามปกติ ไม่ต้องระวังพิเศษ เพราะไม่ใช่หน่วยรบ ใครจะฆ่าก็ช่างมัน ใครจะพูดอะไรก็พูดไป ตนเองก็ทำหน้าที่ตามปกติ