“จตุพร” เปิดฉากซัด ปชป.จัดฉาก นศ.วางหรีดป่วนรัฐสภา ด้านรองเหลิม รับลูก เล่นลิ้นแค่ข่มขู่ทางกายภาพ อ้างกระทบกระทั่งกันแค่โทษปรับ แถมไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า ย้ำไม่เคยคิดแก้ กม.หมวดสถาบัน ด้าน ปชป.จี้ ปธ.สภา ตั้งคณะกรรมสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อสร้างหลักประกันให้กับสมาชิก
วันนี้ (31 ส.ค.) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งได้มีการเปิดให้สมาชิกได้หารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ซึ่งเมื่อถึงช่วงหนึ่งได้เกิดความวุ่นวาย เกิดการโต้เถียงกันไปมาขึ้นเล็กน้อย จากการที่ นายธวัชชัย อนามพงษ์ ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขอหารือในที่ประชุม ว่า ขอแสดงความยินดีที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล และหวังว่า จะทำงานรับใช้ประชาชนได้อย่างไม่มีปัญหา ทั้งนี้ ตนอยากฝากความห่วงใยไปยังรัฐบาล โดยขอให้อย่าได้มีการนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตนรู้ว่าทุกคนไม่ได้เกลียด พ.ต.ท.ทักษิณ ทุกคน แต่ก็อยากให้กลับมาตามวิถีทางของกฎหมาย และขอให้จงรักภักดีต่อสถาบันอย่างแท้จริง ดูแล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี อย่าให้ใครมาทำร้ายเหมือนอย่างที่ผ่านมาอีก
จากนั้น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีเหตุการณ์ที่มีนักศึกษามาวางหรีดที่หน้ารัฐสภานั้น ทราบมาว่า พรรคประชาธิปัตย์คนขนมาเอง เพราะมีคนถ่ายรูปมาได้ ว่า มีการเอาคนมาลงรถตรงไหน ถือเป็นการสร้างสถานการณ์ใช้วิธีการสกปรก คนแบบนี้ต้องตักเตือน การที่มาเตือนไม่ให้พวกตนก่อความรุนแรง ไปดูพวกท่านที่มายิงกบาลใส่พวก... เมื่อถึงตรงนี้ประธานได้ตัดบท และขอให้พูดในประเด็นที่ถูกพาดพิงเท่านั้น
ทำให้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่บอกว่า พรรคประชาธิปัตย์ขนคนมานั้น เราไม่รู้เรื่องพวกนี้ และไม่รู้ว่าเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ แต่อยากถามว่า เขาเอาสิทธิอะไรมาทำร้ายคน และเป็นอีกครั้งที่ประธานได้ตัดบท แต่ นพ.วรงค์ ก็ยังพูดต่อไปว่า ตนอยากบอกว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ขนคนมาจริง แล้วเขาใช้สิทธิอะไรมาทำร้ายคน มาทำร้ายนักศึกษา รัฐบาลต้องชี้แจงประเด็นนี้ต่างหาก
นายจตุพร ประท้วงอีกครั้งว่า เหตุการณ์ที่นักศึกษาเอาพวงหรีดลงมาจากรถนักการเมือง โดยมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ ได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้ครบถ้วน นายสมศักดิ์ เอง ก็ได้พยายามอธิบาย โดยมีการเสนอตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อสวบสวน ส่วนมีการทำร้ายกันหรือไม่ ก็มีกฎหมายอาญาอยู่แล้ว แต่เรื่องจัดฉากต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่างจะได้รู้ว่าใครสร้างสถานการณ์ ใครเป็นคนชั่ว
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ ได้มอบหมายให้ตนดูแล กรณีเหตุเกิดที่หน้าสภาประมาณ 12.15 นาที มีชายสองคนเดินออกจากสวนสัตว์ดุสิต ข้ามฝั่งมาเจอชายอีกสองคน หนึ่งในนั้นถือหรีด เป็นหรีดที่ประท้วงประธาน ซึ่งตามระบอบประชาธิปไตยเราเห็นแตกต่างได้ อีกฝ่ายเห็นหรีดบอกไม่เป็นอย่างนั้น อีกฝ่ายบอกเป็น และเมื่อเห็นแตกต่างกันทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้มีการทุบตีมากมาย แค่อีกฝ่ายอยากวางหรีดแต่อีกฝ่ายไม่อยากให้วาง ดังนั้น จึงเป็นการข่มขู่กันทางกายภาพ เกิดการชุลมุนมีการถีบถองกัน วันนี้ตำรวจรับรายงานเหตุแต่กลับไม่มีผู้เสียหายไปแจ้งความ ดังนั้น จึงอยากฝากไปยังผู้เกี่ยวข้องว่าใครได้รับความเสียหายนายกฯ กำชับเป็นพิเศษให้ไปร้องทุกข์กับตำรวจดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย หากไปร้องทุกข์แล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ส่งไปตรวจพิสูจนร่างการทางโรงพยาบาล หากพบว่าบาดเจ็บทั่วไปก็มีกฎหมายประมวลอาญา มาตรา 295 แต่ถ้าบาดเจ็บสาหัสก็มีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 เป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งสามารถเปรียบเทียบปรับได้
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ตนได้ไปพูดคุยรายงานให้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทราบแล้ว แต่อยากยืนยันในสภาว่าชายสองคนนั้นไม่ได้เป็นนักศึกษาสักคนเดียว และเข้าใจว่า มีสิทธิแสดงออกตามประชาธิปไตย อีกเรื่องหนึ่งในฐานะที่ตนดูแลกฎหมาย ไม่อยากให้สมาชิกพร่ำพูดนึกอะไรไม่ออกก็บอกจะนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท.ทักษิณ แก้รัฐธรรมนูญยกเว้นโทษ ซึ่งรัฐธรรมนูญนั้นเป็นกฎเกณฑ์กติกาที่ปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนที่นิรโทษกรรมได้ เอาสภาไปทำอย่างอื่นดีกว่า แขวะไปแขวะมา ทั้งนี้ เราจะแก้มาตรา 291 ให้มีที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ส่วนสสร.จะไปยกร่างอย่างไรก็เป็นเรื่องของ ส.ส.ร.เมื่อยกร่างเสร็จก็ไปขอประชามติกับประชาชน ถ้าพูดแล้วไม่ชี้แจงก็พูดกันไปเรื่อย นอกจากนี้ อยากยืนยันว่าพวกตนไม่เคยคิดแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนได้พบรองนายกฯ และได้มีการคุยกันในสองประเด็น คือ เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นท่านเอง ยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการทำร้ายกันทางกายภาพ ซึ่งถือเป็นความผิดซึ่งหน้า แต่เหตุการณ์นี้อยู่ในเขตของสน.ดุสิต เมื่อรองนายกฯ บอกตำรวจจะไปดูแลก็ขอให้มีผู้ร้องทุกข์ ทั้งที่ความผิดซึ่งหน้าตำรวจน่าจะดำเนินการได้ อยากให้ทำให้ชัดเจน เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนกลางวัน และมีตำรวจรวมทั้งสื่อมวลชนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย นอกจากนี้ ตนได้รับข้อความเมื่อตอน 12.45 น.ในวันนั้น ซึ่งเป็นเอสเอ็มเอสของเรดกอสซิบระบุว่า สองพันธมิตรแต่งชุดนักศึกษาวางพวงหรีดหวังมอบประธานสภา นอกจากนี้ ในคืนนั้นรถฝ่ายค้านก็โดนคุกคามด้วยคือ รถของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งการชุมนุมที่หน้าสภาจากกลุ่มเสื้อแดงมีผลต่อการคุกคามการทำหน้าที่ของส.ส.โดยตรง แม้จะเกิดนอกรั้วสภา แต่เป็นความรับผิดชอบของสภา ส่วนที่มาของนักศึกษานั้นเป็นอีกกรณีหนึ่งที่ต้องตรวจสอบว่ามาจากที่ไหน ไม่อยากเอาประเด็นเรื่องที่มากลบเรื่องการกระทำที่เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นเรื่องก็จะไม่จบ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวสวนว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า เพราะตำรวจรายงานมาบอกว่าระหว่างที่มีการชุลมุนตำรวจยังไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่เมื่อชุลมุนเสร็จแล้วจึงมาถึงในที่เกิดเหตุ เพราะความผิดซึ่งหน้าเป็นการทำผิดมาแล้วสดๆร้อนๆ แต่ตำรวจมาถึงก็แยกย้ายกันแล้ว ดังนั้น ใครที่ได้รับความเสียหายให้ไปกล่าวโทษที่ สน.ดุสิต ทางตำรวจเขารออยู่
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้ประธานพิจารณว่าควรหรือไม่ในการตั้งกรรมการสอบ และให้ทุกฝ่ายที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องจะได้ทำให้ไม่เป็นประเด็นไปขยายความต่อ เพื่อเป็นการปกป้องสภาของเรา เพราะภาพที่ออกไปยังสื่อมันเสียหาย หากสภาไม่ดำเนินการก็ถือว่าปล่อยปละละเลย หากมีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญจะเสนอให้ทำ แต่ตอนนี้ยังไม่มีการตั้ง กมธ.จึงเป็นอำนาจของประธานสภาต้องดำเนินการไม่ได้สอบเพื่อเอาผิดแต่ทำความจริงให้ปรากฏ
แต่ นายสมศักดิ์ พยายามตัดบทว่า เรื่องนี้ประชาชนรู้ความจริงหมดแล้ว และรองนายกฯ ก็ได้เสนอแนวทางแล้ว ก็คิดว่าควรจะจบได้แล้ว
ต่อมา นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ประธานคงเฉยไม่ได้ ถึงแม้ไม่เกิดในบริเวณสภา แต่อยู่ในพื้นที่ต่อแนวรั้วของสภา ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วโยนให้ฝ่ายอื่นคงไม่ได้ เพราะท่านต้องปกป้องพวกคนที่ทำหน้าที่สภา เราต้องทำงานอย่างเสรีเป็นอิสระ ไม่กดดัน ภาวะนี้จะเฉยเมยปล่อยให้รองนายกฯ ทำอย่างเดียวไม่ได้ ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยที่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบ เพื่อให้เกิดความกระจ่างและเป็นการสร้างหลักประกันให้สมาชิกด้วยจะมารอให้ตั้งกมธ.ก่อนแล้วค่อยเสนอเรื่องเข้าไปนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะตั้ง กมธ.ได้เดือนไหน ที่ผ่านมาเรามีบทเรียนแล้วว่า 5 เดือนก็ยังตั้งไม่ได้
สุดท้าย นายสมศักดิ์ ยอมที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความสบายใจ และจะหารือกับวิปว่าจะตั้งกรรมการตรวจสอบอย่างไร จากนั้นประธานได้ปิดการหารือ และเข้าสู่วาระการประชุมตามปกติ