การออกมาสำแดงพลังของบรรดา “ทหารนักรบ” นำโดย “บูรพาพยัคฆ์” เพื่อให้กำลังใจ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ผู้บัญชาการทหารบก จากกรณี "เสธ.แดง-พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ก่นด่าอย่างสาดเสียเทเสียนั้น ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา และไม่บ่อยครั้งนักที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในประวัติศาสตร์ของกองทัพบก
ยิ่งเมื่อตรวจขุมกำลังที่เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วยแล้ว ยิ่งต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะเป็นทหารนักรบ ไม่ใช่ “ทหารตีกอล์ฟ” ที่แกว่งไปแกว่งมาอย่างคนไม่มีงานทำเท่านั้น
เริ่มจาก “พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา” ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ นำกำลังพลในสังกัดและหน่วยขึ้นตรง รวม 3 กองพัน กำลังพล ประกอบด้วยพลทหาร นายสิบ กว่า 1,000 คน จัดพิธีรวมพลังปกป้องสถาบันทหารในวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา
ตามด้วย พล.ต.วริศ โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ค่ายพรหมโยธี ต.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ที่นำกำลังพลสังกัดกองทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์และหน่วยขึ้นตรงกว่า 1,000 คน ทำพิธีปฏิญาณตนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีระเบียบวินัย
และอึกทึกครึกโครมกันต่อที่ “พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) ลูกชายของ “บิ๊กจ๊อด-พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์” ในฐานะแกนนำ จปร.31 ที่นำทัพเพื่อน จปร.31 ที่มีตำแหน่ง ผู้บังคับการกรม เป็นหน่วยกุมกำลังหลักของกองทัพบก ตบเท้าให้กำลังใจ พล.อ.อนุพงษ์ในวันที่ 28 ม.ค. ที่สโมสรนายทหารภายใน ร. 11 รอ.
แต่คำถามและข้อสงสัยที่เกิดขึ้นคือ แท้ที่จริงแล้ว การตบเท้าครั้งนี้เกิดขึ้นมาจากเหตุผลเพื่อให้กำลังใจพล.อ.อนุพงษ์เพียงแค่นั้นจริงหรือ เพราะไม่น่าเชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์จะ “แต๋วแตก” อย่างที่เสธ.แดงกล่าวหาจนถึงขนาดต้องขนทหารนักรบออกมาให้กำลังใจกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ
หลายคนมองว่า ทหารต้องการส่งสัญญาณถึงนช.ทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ทหารพร้อมที่จะลุกขึ้นมาปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่างสุดความสามารถ หากเกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ซึ่งนั่นก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน
ขณะที่หลายคนอาจมองไกลไปถึงว่า เป็นการเช็กกำลังเพื่อเตรียมการรัฐประหาร เพราะทหารเหล่านี้เป็นทหารที่คุมกำลังโดยตรง และเป็นกำลังสำคัญในการรัฐประหารทุกครั้งที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้วิเคราะห์ถึงพฤติกรรมในอดีตที่ผ่านมา ก็จะเห็นว่า สมมติฐานดังกล่าวอาจเป็นการให้น้ำหนักกับพล.อ.อนุพงษ์มากเกินไป เพราะจริงๆ แล้วไม่ได้มีนัยที่สลับซับซ้อนอย่างที่หลายคนเข้าใจกันก็ได้ แต่เป็นการตบเท้าเพื่อให้กำลังใจคนขวัญอ่อนและคนกลัวตายจริงๆ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น มิฉะนั้นแล้วคงไม่ตัวสั่นงันงกจะเป็นจะตายถึงขั้นบัญชาการให้ทหารกับตำรวจสนธิกำลังกันไปตรวจค้นบ้านของเสธ.แดงกันอย่างอึกทึกครึกโครมหลังถูก M79 ถล่ม
การตบเท้าครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด สิ่งที่ทหารกลุ่มนี้ลืมนึกไปก็คือ สิ่งที่พวกเขาตัดสินใจทำนั้นมีความเหมาะสมกับกาลเทศะหรือไม่ ทำไมถึงจะต้องเสียเวลาทำงานออกมาเพื่อปกป้องพล.อ.อนุพงษ์ที่ไปมีเรื่องมีราวกับทหารไม่มีราคาอย่างเสธ.แดงถึงขนาดนั้น
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมืองที่สมควรที่ทหารซึ่งถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล สมควรตบเท้ามาสำแดงพลังมากมาย แต่กลับไม่เคยมีการทำกัน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ กรณีที่ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” ให้สัมภาษณ์นายริชาร์ด ลอยด์ แพร์รี บรรณาธิการข่าวภูมิภาคเอเชียของหนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์ ออฟ ลอนดอน ด้วยถ้อยคำล่วงละเมิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันกษัตริย์ของไทยอย่างรุนแรง พร้อมทั้งให้ข้อมูลกับสื่ออังกฤษอย่างผิดๆ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีส่วนรับรู้ต่อเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่งทำให้เขาต้องหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ทำไมทหารถึงไม่ออกมาตบเท้าและออกแถลงการณ์ประณามนช.ทักษิณอย่างนี้บ้าง
ทหารเหล่านี้ลืมข้อความที่เขียนติดเอาไว้ที่หน้ากองทัพบกที่ว่า “เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน” ไปแล้วหรือ
หรือในกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า จะไปถวายรายงานต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กรณีเรื่องเขายายเที่ยง ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง ทำไมทหารถึงไม่ออกมาตบเท้าและสำแดงพลังเพื่อประณามการกระทำที่เสมือนหนึ่งไม่ใช่คนไทยที่อาศัยอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารบ้าง
ทหารเหล่านี้ลืมข้อความที่เขียนติดเอาไว้ที่หน้ากองทัพบกที่ว่า “เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน” ไปแล้วหรือ
หรือในกรณีที่มีการใช้อาวุธสงครามยิงถล่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลายครั้งหลายครา และมีบทสรุปว่า กลุ่มบุคคลที่ต้องสงสัยที่สุดคือ “ทหาร” ทำไมทหารเหล่านี้ถึงไม่ออกมาตบเท้าและสำแดงพลังเพื่อปกป้องประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่บ้าง
เช่นเดียวกับกรณีเหตุการณ์ 7 ตุลาเลือด ขณะที่ประชาชนที่ถูกเข่นฆ่าล้มตายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก พวกเขาเรียกร้องขอให้ทหารออกมาช่วย ทหารเหล่านี้กลับยืนสงบนิ่งอยู่ในกรมกองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทหารเหล่านี้ลืมข้อความที่เขียนติดเอาไว้ที่หน้ากองทัพบกที่ว่า “เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน” ไปแล้วหรือ
แม้กระทั่งในกรณีที่เป็นหน้าที่ของทหารโดยตรงคือการปกป้องดินแดนของราชอาณาจักรไทยที่ถูกเขมรรุกรานจนสุ่มเสี่ยงที่จะเสียดินแดนไป ทำไมทหารเหล่านี้ถึงไม่ตบเท้าและสำแดงพลังให้เป็นที่ปรากฏบ้าง
ทหารเหล่านี้ลืมข้อความที่เขียนติดเอาไว้ที่หน้ากองทัพบกที่ว่า “เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน” ไปแล้วหรือ
หรือกรณีนาย เพชรวรรต วัฒนพงษ์ศิริกุล แกนนำกลุ่ม “คนรักเชียงใหม่ 51” ที่เคยกล่าวกระทบกระเทียบสถาบันสูงสุดอย่างหมิ่นเหม่ด้วยถ้อยคำที่ว่า คนเชียงใหม่นับถือแค่กษัตริย์ 3 องค์เท่านั้นก็คืออนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์ซึ่งประดิษฐานอยู่หน้าศาลากลางหลังเก่า (พญาเม็งราย พญางำเมือง และพ่อขุนรามคำแหง) ไปกรุงเทพฯ ก็สักการะเฉพาะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเท่านั้น รวมทั้งกรณี “ดา ตอร์ปิโด” ที่ออกมากล่าวจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์
ทหารเหล่านี้ก็ไม่เคยตบเท้าออกมาปกป้องเลยแม้แต่น้อย!
แต่พอเมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ ไปมีเรื่องมีราวกับ เสธ.แดง เท่านั้นล่ะ ทหารเหล่านี้ถึงได้ขมีขมันตบเท้าและสำแดงพลังเพื่อปกป้องผู้เป็นนาย
แล้วจะให้ถามสักกี่ครั้งว่า
ทหารเหล่านี้ลืมข้อความที่เขียนติดเอาไว้ที่หน้ากองทัพบกที่ว่า “เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน” ไปแล้วหรือ ???