ASTVผู้จัดการรายวัน - "ป๋าเปรม" แต่งเครื่องแบบเต็มยศ เปิดบ้านรับขุนทหารอวยพรปีใหม่ แนะ ผบ.เหล่าทัพน้อมนำพระราชดำรัสในหลวงใส่เกล้าฯ เพื่อให้ประเทศชาติสงบสุข ย้ำกองทัพต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างลูกผู้ชาย เพื่อรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เชื่อพระสยามเทวาธิราชรู้ใครทำดี หรือไม่ดี "ประสงค์" ระบุสถานการณ์ไม่ปกติจากคนคนเดียว ทำทุกอย่างกลับมามีอำนาจ ยัน "นช.แม้ว" ต้องรับโทษก่อนเจรจา ชี้ 4 เงื่อนไขนำไปสู่การปฏิวัติ โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันถ้าป้องกันการจลาจล-เผาบ้านผาเมืองไม่ได้ ก็ยากที่จะรับประกันว่าจะไม่เกิด
ที่บ้านพักสีเสาเทเวศร์ เมื่อเวลา 19.00 น. วานนี้ (28 ธ.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นำ พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. พร้อมด้วยคณะนายทหารและนายตำรวจระดับสูง ตบเท้าเข้าอวยพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2553
พล.อ.ประวิตร กล่าวอวยพรว่า ขอขอบคุณ พล.อ.เปรม ที่ได้อนุญาติให้พวกตน เข้าอวยพรและรับพร เนื่องในโอกาสปีใหม่ 2553 ซึ่งตนตระหนักและภาคภูมิใจ ในอุดมการณ์ พล.อ.เปรม ที่ได้อดทนอดกลั้นและเสียสละ ด้วยควายจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มาโดยตลอด พวกตนพร้อมปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติประชาชนอย่างเต็มกำลังสามารถ เพื่อนำพาประเทศรอดพ้น จากภัยคุกคามทุกด้านสมกับความมุ่งมั่นในปณิธานที่ว่า เกิดมาต้องตอบแทน คุณแผ่นดิน การพร้อมใจมาครั้งนี้เพื่อแสดงออกถึงความเคารพรักท่านด้วยความจริงใจ
"ป๋า"ย้ำ ผบ.เหล่าทัพน้อมนำพระราชดำรัส
ด้าน พล.อ.เปรม กล่าวว่า ขอบคุณรัฐมนตรีกลาโหม ขอบคุณพล.ต.อ.ประทีป ที่ชวนพวกเรามาอวยพรตามประเพณีคนไทยตนมั่นใจอย่างยิ่งว่าพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้แก่พวกเราในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา จะอยู่ในความรู้สึกของเราทุกคน พระองค์ท่านรับสั่งว่าให้ใช้สติรู้ตัว ให้ใช้ปัญญารู้คิด ให้เห็นแก่ส่วนร่วมมากกว่าส่วนอื่น เพื่อทำให้ชาติบ้านเมืองของเรามีความปกติสุขและมีความเรียบร้อย ทั้งนี้เราทุกคนจะรับพระราชดำรัสนี้ใส่เกล้าใส่กระหม่อมและพินิจพิจารณาว่าบทบาทของพวกเราที่จะสนองพระราชดำรัสควรจะทำอย่างไร
พล.อ.เปรม กล่าวว่า หวังว่า รมว.กลาโหม และ พล.ต.อ.ปทีป จะเข้าใจพระราชดำรัสอย่างลึกซึ้ง ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ทหารสูงสุด คงจะเข้าใจแน่ชัด ตนเพียงแต่นำมาบอกทบทวนเพื่อให้กำลังใจแก่รัฐมนตรี ผบ.เหล่าทัพ และตำรวจว่า เราจำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่สำคัญนี้ด้วยความจงรักภักดี และด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมั่นคงเต็มอกเต็มใจอย่างที่เราปฏิญาณตนหน้าธงชัยเฉลิมพล
"ในโอกาสวันปีใหม่ ผมขออัญเชิญพระบารมีของพระสยาเทวาธิราช ได้โปรดให้กำลังใจพวกเรา โปรดให้ความถูกต้องแน่วแน่ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของเรา อย่างลูกผู้ชาย อย่างผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง ขอให้พระสยามเทวาธิราช จงดลบันดาลให้พวกท่านประสบความสำเร็จ ขอให้พระสยามเทวาธิราช ปกป้องคุ้มครองให้พวกท่านมีแต่ความเจริญ มีสติปัญญาที่จะนำกองทัพ และตำรวจของเรา ให้สามารถที่จะบรรลุหน้าที่ที่สำคัญนี้ไว้ให้จงได้ ขอพระสยามเทวาธิราช โปรดประทานพรให้พวกเราให้ประสบความสุข ความเจริญ มีความสำเร็จ ในชีวิตหน้าที่การงาน และส่วนตัวทุกประการ"
ยก "ประยุทธ์" แบบอย่างทหารที่ดี
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทข. นำพล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และนายทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 1 เข้าอวยพร พล.อ.เปรม โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะน้อมนำคำสอนของพล.อ.เปรม ไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมเพื่อให้ประเทศชาติเกิดความมั่นคง และเรียบร้อย และขอสัญญาว่า พวกตนจะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน โดยจะทำประโยชน์ให้เกิดแก่แผ่นดิน
พล.อ.เปรม กล่าวตอบว่า ตนรู้จักกับพล.อ.ประยุทธ์ มา 20 กว่าปีแล้ว และเข้าใจดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่อะไรมาบ้าง โดยเฉพาะการถวายรักษาความปลอดภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หากน้องในกองทัพภาคที่ 1 ทำตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำจะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันที่เรารัก และศร้ทธา ด้วยชีวิตของเรา ในกองทัพบกมีตัวอย่างคือ รอง ผบ.ทบ. ที่แสดงให้เห็นว่า ทหารที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ และปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพลจะต้องทำอะไรที่ดีต่อชาติบ้านเมือง
เชื่อพระสยามเทวาธิราชรู้ใครทำชั่ว-ทำดี
"หากใครฟังพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพระราชดำรัสที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะเราไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก เนื่องจากเป็นพระราชดำรัสที่สั้น แต่สมบูรณ์ และมีความหมายลึกซึ้งที่เราต้องรับใส่เกล้าใส่กระหม่อมไปปฏิบัติ อยากให้เราคิดว่า เราจะสนองพระราชดำรัสอย่างไร ผมอยากฝากให้ไปบอกกับเด็กๆว่า ขอให้เป็นคนดีของชาติบ้านเมือง การเป็นคนดีนั้นยาก ไม่ใช่ง่ายๆ แต่ทุกคนทำได้ ผมเชื่อในพระสยามเทวาธิราชว่า ท่านมองเห็นการกระทำของคนไทย ในชาติบ้านเมืองว่า ใครทำดีหรือไม่ดี ผมไหว้พระสยามเทวาธิราชทุกวัน และขอให้ท่านปกป้อง คุ้มครองบ้านเมืองเรา ขอให้ท่านทำคนที่ไม่ดีให้เป็นคนดี และทำให้คนดี เป็นคนดีมากๆ บ้านเมืองเราจะได้เป็นปกติสุขตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสไว้" พล.อ.เปรม กล่าว
"ป๋า" แต่งชุดทหารบกรับอวยพร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการอวยพรเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยนอกจากบรรดาเหล่าทัพแล้วยังมีบรรดาคนใกล้ชิดเข้าร่วมอวยพร อาทิ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และประธานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ. มงคล อัมพรพิสิษฐ์ อดีต ผบ.สูงสุด และประธานมูลนิธิรักเมืองไทย และ น.ต. ประสงค์ สุ่นสิริ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมัยพล.อ.เปรม และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการเปิดบ้านให้คณะนายทหารเข้าอวยพรครั้งนี้ พล.อ.เปรม ได้แต่งชุดเครื่องแบบทหารบกแขนสั้นเป็นครั้งแรกต่อหน้าสาธารณชน นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ใส่ชุดทหารแต่ละเหล่าทัพเดินทางไปบรรยายให้แต่นักเรียนนายร้อยแต่ละเหล่าทัพ เมื่อช่วงต้นปี 2549 โดยก่อนที่จะมีการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 โดยเมื่อ พล.อ.เปรม ได้เดินออกจากประตูบ้าน พล.อ.ประวิตร ได้อุทานว่า "อู้ว..ป๋าแต่งเครื่องแบบ ไม่เห็นมีใครบอก"
อย่างไรก็ตาม นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกาพร้อมคณะ ได้แยกคณะเข้าอวยพร โดยได้เข้าไปอวยพร และคุยกับ พล.อ.เปรม ในบ้านพัก โดยให้ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด และ คณะทหารม้าไปรอที่สโมสรกองทัพบกก่อน ก่อน
ดันตั้งกองพลทหารม้าที่ 3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้าอวยพรของคณะนายทหารม้ากว่า 100 คน ภายใต้การนำของ พล.อ.ทรงกิตติ พล.อ.เปรม กล่าวตอนหนึ่งว่า ยังต้องการให้กองทัพจัดตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 เกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง เพราะเหล่าทหารม้าจะได้ขยายตัว เติบโตเหมือนเหล่าอื่น อย่างเหล่าสื่อสาร พลาธิการ ก็ยังมีอัตราพลโทเป็นผู้บังคับหน่วยแล้ว แต่ทหารม้าของเรายังมีแค่ 2 กองพล
อย่างไรก็ตาม อยากฝากให้ทุกคนยึดมั่นความสามัคคี และ ช่วยกันรักษาสถาบันไว้ ที่สำคัญอยากให้ทุกคนช่วยเหลือคนดี ส่วนคนที่ไม่ดี เราก็ไม่ควรสนับสนุน หรือไปช่วยเหลือเขา
"ประสงค์" รับสถานการณ์ไม่เหมือนทุกครั้ง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบันว่า เป็นห่วงสถานการณ์ เพราะบ้านเมืองไม่ปกติ ซึ่งความไม่ปกติครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะมีคนๆ หนึ่งพยายามดำเนินการทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงกฎหมาย หรือความถูกต้องชอบธรรมใดๆ ทั้งสิ้นในการกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่มาติดคุก แต่จะกลับมาอย่างมีอำนาจ และ มีชัยชนะทุกอย่าง แม้กระทั่งทรัพย์สิน หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่สูญเสียไปจะต้องกลับคืนมาหมด ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือประชาชน ได้รับทราบ ข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริง ไม่ทั่วถึง ถูกยุยง ปลุกปั่นทุกวัน
"ส่วนทหารนั้นจิตสำนึกที่สำคัญคือ การนึกถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไว้ให้มาก บรรดาข้าราชการเก่าๆ ข้าราชการการเมือง และ ข้าราชการประจำ ควรทำตามหน้าที่ตามที่พระองค์ท่านทรงรับสั่ง และแก้ไขปัญหาต่างๆ ทำความเข้าใจให้เกิดขึ้นให้ได้ คิดว่าเหตุการณ์ต่างๆ คงทุเลาลง สิ่งที่น่าห่วงที่สำคัญอีกประการ คือการจัดการบริหารของฝ่ายรัฐบาล ยังดำเนินการไม่เข้าเป้า ไม่ถูกทิศทาง ไม่ทราบว่า เพราะอะไร ใจของผมอยากให้บ้านเมืองสงบ แต่ก่อนจะสงบก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น"
ผู้สื่อข่าวถามว่าหาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กลับเข้ามารับโทษบ้านเมืองจะสงบหรือไม่ น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดปัญหาหลักหมดไประดับหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันปัญหารองลงมาเกิดจากผู้สนับสนุน ผู้ที่รับใช้คนๆ นี้ ซึ่งจะต้องมีวิธีการที่จะทำความเข้าใจหรือจัดการในสิ่งที่เขาทำไม่ถูกต้องโดยใช้ตัวบทกฎหมาย ซึ่งแบ่งเป็นสองระยะ
"นช.แม้ว" ต้องติดคุกก่อนแล้วเจรจา
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณมีเงื่อนไขขอเจรจานั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ต้องถามว่าจะเจรจาอะไร ถ้าจะเจรจากับคนที่ติดคุกติดตาราง เป็นนักโทษ และก็หนีคดีอีกหลายคดี จะไปเจรจาเรื่องอะไร จะต้องทำตามกฎหมายให้ได้ก่อน เมื่อทำตามกฎหมายให้ได้แล้ว ตรงนั้นคือการเจรจาระหว่างผู้สนับสนุน การเกิดขึ้นตอนนั้นเป็นการเกิดขึ้น เพื่อลดความเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน แต่เงื่อนไขสำคัญที่สุด คือจะไปเจรจากับคนที่ถูกพิพากษาแล้ว ไม่มีที่ใดในโลกทำ และทำอย่างนั้นไม่ได้ด้วย คนที่มีหน้าที่ เขาคงปิดประตูการเจรจากับนักโทษ นอกจากให้กลับมาติดตารางก่อน ส่วนที่มองว่ายังไม่มีใครจับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาลงโทษได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของรัฐบาลว่า เป็นมวย หรือไม่ เท่าที่เห็นก็ยังสะเปะสะปะอยู่ ถ้าทำให้เป็นคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง
เผย4เงื่อนไขทำทหารปฏิวัติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการนองเลือด จะมีเหตุผลในการปฏิวัติหรือไม่ น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า การปฏิวัติสำหรับบ้านเมืองของเราทั้งหมด ต้องนำมาศึกษาว่า ทำไมถึงมีเหตุปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้น เหตุผลที่หนึ่ง คือ แย่งอำนาจกันเองระหว่างผู้คุมกำลัง เหตุผลที่สอง เกิดจากการยุยงส่งเสริมของฝ่ายการเมือง ที่เอาทหารมาเป็นพวก เหตุผลที่สาม เกิดจากการทุจริตคอรัปชั่นของฝ่ายบริหาร คือ รัฐบาล ซึ่งทั้งสามประการเป็นบทเรียนสำคัญในการมองสถานการณ์ปัจจุบัน เหตุผลอีกอย่าง คือ ฝ่ายบริหารไม่สามารถจัดการแก้ไขปัญหาอะไรได้ กับความจลาจลวุ่นวายปั่นป่วน เผาบ้านเผาเมือง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
ส่วนแนวโน้มที่ทหารจะออกมาปฏิวัตินั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ตนอยู่ในวงการเมือง การทหาร วงการข่าวมาพอสมควร ตนไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนว่าจะไม่มี แต่หมายความว่าจะมีหรือไม่มีอยู่ที่เงื่อนไขที่ได้บอกไป
ชม "กษิต" ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว
น.ต.ประสงค์ มองการทำงานของ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และไม่ใช่เป็นการไล่ล่า เป็นการทำตามหน้าที่ ในการหาที่อยู่ของคนที่มีหมายจับ หรือ หนีตาราง เป็นนักโทษที่ทางราชการต้องการ เพราะฉะนั้น กระทรวงการต่างประเทศ มีเจ้าหน้าที่สถานทูตทุกประเทศ เขาก็จะร่วมมือกับอัยการในการติดตามเพื่อขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดน
"ผมเห็นว่า นายกษิต ถูกมอง หรือ ถูกกระทำ ที่ไม่เป็นธรรม จากฝ่ายที่ไม่เข้าใจในบทบาทหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ และ ตัวรมว.ต่างประเทศ สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันที่วิกฤติ และมีปัญหาหลักเช่นนี้ นายกษิต ทำหน้าที่รมว.ต่างประเทศได้ถูกต้องแล้ว"
ยุปรับ ครม.ดันทุรังต่อไปลำบาก
ส่วนการทำงานของ นาย อภิสิทธิ์นั้นนต.ประสงค์ กล่าวว่า โพลล์ที่ออกมา คนไทยยังยอมรับ นายอภิสิทธิ์ เป็นคนดี คนซื่อ และประวัติการทำงาน ในทางเสียหายก็ไม่มี แต่นายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้ารัฐบาลที่ประกอบไปด้วย พรรคพวกหลายคนที่สังคมไม่ยอมรับ และหลายคนไม่ทำงานตรงตามหน้าที่ของตัว ความรู้ความสามารถไม่ตรงกับงาน ในส่วนของทีมงานเศรษฐกิจ พาณิชย์ อุตสาหกรรม เกษตรฯ ดูพื้นฐานประสบการณ์ไม่ตรงกับงาน ผลงานไม่ค่อยเห็น อีกทั้ง รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ เอกภาพในรัฐบาลก็ไม่มี ถ้าหากมีการปรับ ครม. ก็จะทำให้ความรู้สึกของประชาชนในบ้านเมืองดีขึ้น และรอดูผล ดีกว่าจะเดินต่อไปอย่างนี้จะลำบาก
"อย่างไรก็ตาม 1 ปีที่ผ่านมา ขอพูดตรงๆ ว่า ยังมีการหาผลประโยชน์ หาเงินหาทอง จากโครงการเก่าและใหม่ หรือแม้กระทั่งโครงการของรัฐบาลเองที่ควรจะต้องให้ปลอดจากการทุจริตก็ยังมีปัญหาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นชุมชนพอเพียง หรือไทยเข้มแข็ง"
ที่บ้านพักสีเสาเทเวศร์ เมื่อเวลา 19.00 น. วานนี้ (28 ธ.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นำ พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. พร้อมด้วยคณะนายทหารและนายตำรวจระดับสูง ตบเท้าเข้าอวยพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2553
พล.อ.ประวิตร กล่าวอวยพรว่า ขอขอบคุณ พล.อ.เปรม ที่ได้อนุญาติให้พวกตน เข้าอวยพรและรับพร เนื่องในโอกาสปีใหม่ 2553 ซึ่งตนตระหนักและภาคภูมิใจ ในอุดมการณ์ พล.อ.เปรม ที่ได้อดทนอดกลั้นและเสียสละ ด้วยควายจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มาโดยตลอด พวกตนพร้อมปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติประชาชนอย่างเต็มกำลังสามารถ เพื่อนำพาประเทศรอดพ้น จากภัยคุกคามทุกด้านสมกับความมุ่งมั่นในปณิธานที่ว่า เกิดมาต้องตอบแทน คุณแผ่นดิน การพร้อมใจมาครั้งนี้เพื่อแสดงออกถึงความเคารพรักท่านด้วยความจริงใจ
"ป๋า"ย้ำ ผบ.เหล่าทัพน้อมนำพระราชดำรัส
ด้าน พล.อ.เปรม กล่าวว่า ขอบคุณรัฐมนตรีกลาโหม ขอบคุณพล.ต.อ.ประทีป ที่ชวนพวกเรามาอวยพรตามประเพณีคนไทยตนมั่นใจอย่างยิ่งว่าพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้แก่พวกเราในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา จะอยู่ในความรู้สึกของเราทุกคน พระองค์ท่านรับสั่งว่าให้ใช้สติรู้ตัว ให้ใช้ปัญญารู้คิด ให้เห็นแก่ส่วนร่วมมากกว่าส่วนอื่น เพื่อทำให้ชาติบ้านเมืองของเรามีความปกติสุขและมีความเรียบร้อย ทั้งนี้เราทุกคนจะรับพระราชดำรัสนี้ใส่เกล้าใส่กระหม่อมและพินิจพิจารณาว่าบทบาทของพวกเราที่จะสนองพระราชดำรัสควรจะทำอย่างไร
พล.อ.เปรม กล่าวว่า หวังว่า รมว.กลาโหม และ พล.ต.อ.ปทีป จะเข้าใจพระราชดำรัสอย่างลึกซึ้ง ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ทหารสูงสุด คงจะเข้าใจแน่ชัด ตนเพียงแต่นำมาบอกทบทวนเพื่อให้กำลังใจแก่รัฐมนตรี ผบ.เหล่าทัพ และตำรวจว่า เราจำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่สำคัญนี้ด้วยความจงรักภักดี และด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมั่นคงเต็มอกเต็มใจอย่างที่เราปฏิญาณตนหน้าธงชัยเฉลิมพล
"ในโอกาสวันปีใหม่ ผมขออัญเชิญพระบารมีของพระสยาเทวาธิราช ได้โปรดให้กำลังใจพวกเรา โปรดให้ความถูกต้องแน่วแน่ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของเรา อย่างลูกผู้ชาย อย่างผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง ขอให้พระสยามเทวาธิราช จงดลบันดาลให้พวกท่านประสบความสำเร็จ ขอให้พระสยามเทวาธิราช ปกป้องคุ้มครองให้พวกท่านมีแต่ความเจริญ มีสติปัญญาที่จะนำกองทัพ และตำรวจของเรา ให้สามารถที่จะบรรลุหน้าที่ที่สำคัญนี้ไว้ให้จงได้ ขอพระสยามเทวาธิราช โปรดประทานพรให้พวกเราให้ประสบความสุข ความเจริญ มีความสำเร็จ ในชีวิตหน้าที่การงาน และส่วนตัวทุกประการ"
ยก "ประยุทธ์" แบบอย่างทหารที่ดี
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทข. นำพล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และนายทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 1 เข้าอวยพร พล.อ.เปรม โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะน้อมนำคำสอนของพล.อ.เปรม ไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมเพื่อให้ประเทศชาติเกิดความมั่นคง และเรียบร้อย และขอสัญญาว่า พวกตนจะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน โดยจะทำประโยชน์ให้เกิดแก่แผ่นดิน
พล.อ.เปรม กล่าวตอบว่า ตนรู้จักกับพล.อ.ประยุทธ์ มา 20 กว่าปีแล้ว และเข้าใจดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่อะไรมาบ้าง โดยเฉพาะการถวายรักษาความปลอดภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หากน้องในกองทัพภาคที่ 1 ทำตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำจะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันที่เรารัก และศร้ทธา ด้วยชีวิตของเรา ในกองทัพบกมีตัวอย่างคือ รอง ผบ.ทบ. ที่แสดงให้เห็นว่า ทหารที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ และปฏิญาณต่อธงชัยเฉลิมพลจะต้องทำอะไรที่ดีต่อชาติบ้านเมือง
เชื่อพระสยามเทวาธิราชรู้ใครทำชั่ว-ทำดี
"หากใครฟังพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพระราชดำรัสที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะเราไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก เนื่องจากเป็นพระราชดำรัสที่สั้น แต่สมบูรณ์ และมีความหมายลึกซึ้งที่เราต้องรับใส่เกล้าใส่กระหม่อมไปปฏิบัติ อยากให้เราคิดว่า เราจะสนองพระราชดำรัสอย่างไร ผมอยากฝากให้ไปบอกกับเด็กๆว่า ขอให้เป็นคนดีของชาติบ้านเมือง การเป็นคนดีนั้นยาก ไม่ใช่ง่ายๆ แต่ทุกคนทำได้ ผมเชื่อในพระสยามเทวาธิราชว่า ท่านมองเห็นการกระทำของคนไทย ในชาติบ้านเมืองว่า ใครทำดีหรือไม่ดี ผมไหว้พระสยามเทวาธิราชทุกวัน และขอให้ท่านปกป้อง คุ้มครองบ้านเมืองเรา ขอให้ท่านทำคนที่ไม่ดีให้เป็นคนดี และทำให้คนดี เป็นคนดีมากๆ บ้านเมืองเราจะได้เป็นปกติสุขตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสไว้" พล.อ.เปรม กล่าว
"ป๋า" แต่งชุดทหารบกรับอวยพร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการอวยพรเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยนอกจากบรรดาเหล่าทัพแล้วยังมีบรรดาคนใกล้ชิดเข้าร่วมอวยพร อาทิ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และประธานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ. มงคล อัมพรพิสิษฐ์ อดีต ผบ.สูงสุด และประธานมูลนิธิรักเมืองไทย และ น.ต. ประสงค์ สุ่นสิริ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมัยพล.อ.เปรม และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการเปิดบ้านให้คณะนายทหารเข้าอวยพรครั้งนี้ พล.อ.เปรม ได้แต่งชุดเครื่องแบบทหารบกแขนสั้นเป็นครั้งแรกต่อหน้าสาธารณชน นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ใส่ชุดทหารแต่ละเหล่าทัพเดินทางไปบรรยายให้แต่นักเรียนนายร้อยแต่ละเหล่าทัพ เมื่อช่วงต้นปี 2549 โดยก่อนที่จะมีการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 โดยเมื่อ พล.อ.เปรม ได้เดินออกจากประตูบ้าน พล.อ.ประวิตร ได้อุทานว่า "อู้ว..ป๋าแต่งเครื่องแบบ ไม่เห็นมีใครบอก"
อย่างไรก็ตาม นายวิรัช ลิ้มวิชัย ประธานศาลฎีกาพร้อมคณะ ได้แยกคณะเข้าอวยพร โดยได้เข้าไปอวยพร และคุยกับ พล.อ.เปรม ในบ้านพัก โดยให้ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด และ คณะทหารม้าไปรอที่สโมสรกองทัพบกก่อน ก่อน
ดันตั้งกองพลทหารม้าที่ 3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้าอวยพรของคณะนายทหารม้ากว่า 100 คน ภายใต้การนำของ พล.อ.ทรงกิตติ พล.อ.เปรม กล่าวตอนหนึ่งว่า ยังต้องการให้กองทัพจัดตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 เกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง เพราะเหล่าทหารม้าจะได้ขยายตัว เติบโตเหมือนเหล่าอื่น อย่างเหล่าสื่อสาร พลาธิการ ก็ยังมีอัตราพลโทเป็นผู้บังคับหน่วยแล้ว แต่ทหารม้าของเรายังมีแค่ 2 กองพล
อย่างไรก็ตาม อยากฝากให้ทุกคนยึดมั่นความสามัคคี และ ช่วยกันรักษาสถาบันไว้ ที่สำคัญอยากให้ทุกคนช่วยเหลือคนดี ส่วนคนที่ไม่ดี เราก็ไม่ควรสนับสนุน หรือไปช่วยเหลือเขา
"ประสงค์" รับสถานการณ์ไม่เหมือนทุกครั้ง
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบันว่า เป็นห่วงสถานการณ์ เพราะบ้านเมืองไม่ปกติ ซึ่งความไม่ปกติครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะมีคนๆ หนึ่งพยายามดำเนินการทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงกฎหมาย หรือความถูกต้องชอบธรรมใดๆ ทั้งสิ้นในการกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่มาติดคุก แต่จะกลับมาอย่างมีอำนาจ และ มีชัยชนะทุกอย่าง แม้กระทั่งทรัพย์สิน หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่สูญเสียไปจะต้องกลับคืนมาหมด ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือประชาชน ได้รับทราบ ข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริง ไม่ทั่วถึง ถูกยุยง ปลุกปั่นทุกวัน
"ส่วนทหารนั้นจิตสำนึกที่สำคัญคือ การนึกถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไว้ให้มาก บรรดาข้าราชการเก่าๆ ข้าราชการการเมือง และ ข้าราชการประจำ ควรทำตามหน้าที่ตามที่พระองค์ท่านทรงรับสั่ง และแก้ไขปัญหาต่างๆ ทำความเข้าใจให้เกิดขึ้นให้ได้ คิดว่าเหตุการณ์ต่างๆ คงทุเลาลง สิ่งที่น่าห่วงที่สำคัญอีกประการ คือการจัดการบริหารของฝ่ายรัฐบาล ยังดำเนินการไม่เข้าเป้า ไม่ถูกทิศทาง ไม่ทราบว่า เพราะอะไร ใจของผมอยากให้บ้านเมืองสงบ แต่ก่อนจะสงบก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น"
ผู้สื่อข่าวถามว่าหาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กลับเข้ามารับโทษบ้านเมืองจะสงบหรือไม่ น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดปัญหาหลักหมดไประดับหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันปัญหารองลงมาเกิดจากผู้สนับสนุน ผู้ที่รับใช้คนๆ นี้ ซึ่งจะต้องมีวิธีการที่จะทำความเข้าใจหรือจัดการในสิ่งที่เขาทำไม่ถูกต้องโดยใช้ตัวบทกฎหมาย ซึ่งแบ่งเป็นสองระยะ
"นช.แม้ว" ต้องติดคุกก่อนแล้วเจรจา
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณมีเงื่อนไขขอเจรจานั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ต้องถามว่าจะเจรจาอะไร ถ้าจะเจรจากับคนที่ติดคุกติดตาราง เป็นนักโทษ และก็หนีคดีอีกหลายคดี จะไปเจรจาเรื่องอะไร จะต้องทำตามกฎหมายให้ได้ก่อน เมื่อทำตามกฎหมายให้ได้แล้ว ตรงนั้นคือการเจรจาระหว่างผู้สนับสนุน การเกิดขึ้นตอนนั้นเป็นการเกิดขึ้น เพื่อลดความเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน แต่เงื่อนไขสำคัญที่สุด คือจะไปเจรจากับคนที่ถูกพิพากษาแล้ว ไม่มีที่ใดในโลกทำ และทำอย่างนั้นไม่ได้ด้วย คนที่มีหน้าที่ เขาคงปิดประตูการเจรจากับนักโทษ นอกจากให้กลับมาติดตารางก่อน ส่วนที่มองว่ายังไม่มีใครจับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาลงโทษได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของรัฐบาลว่า เป็นมวย หรือไม่ เท่าที่เห็นก็ยังสะเปะสะปะอยู่ ถ้าทำให้เป็นคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง
เผย4เงื่อนไขทำทหารปฏิวัติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการนองเลือด จะมีเหตุผลในการปฏิวัติหรือไม่ น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า การปฏิวัติสำหรับบ้านเมืองของเราทั้งหมด ต้องนำมาศึกษาว่า ทำไมถึงมีเหตุปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้น เหตุผลที่หนึ่ง คือ แย่งอำนาจกันเองระหว่างผู้คุมกำลัง เหตุผลที่สอง เกิดจากการยุยงส่งเสริมของฝ่ายการเมือง ที่เอาทหารมาเป็นพวก เหตุผลที่สาม เกิดจากการทุจริตคอรัปชั่นของฝ่ายบริหาร คือ รัฐบาล ซึ่งทั้งสามประการเป็นบทเรียนสำคัญในการมองสถานการณ์ปัจจุบัน เหตุผลอีกอย่าง คือ ฝ่ายบริหารไม่สามารถจัดการแก้ไขปัญหาอะไรได้ กับความจลาจลวุ่นวายปั่นป่วน เผาบ้านเผาเมือง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
ส่วนแนวโน้มที่ทหารจะออกมาปฏิวัตินั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ตนอยู่ในวงการเมือง การทหาร วงการข่าวมาพอสมควร ตนไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนว่าจะไม่มี แต่หมายความว่าจะมีหรือไม่มีอยู่ที่เงื่อนไขที่ได้บอกไป
ชม "กษิต" ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว
น.ต.ประสงค์ มองการทำงานของ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศในการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาดำเนินคดีว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และไม่ใช่เป็นการไล่ล่า เป็นการทำตามหน้าที่ ในการหาที่อยู่ของคนที่มีหมายจับ หรือ หนีตาราง เป็นนักโทษที่ทางราชการต้องการ เพราะฉะนั้น กระทรวงการต่างประเทศ มีเจ้าหน้าที่สถานทูตทุกประเทศ เขาก็จะร่วมมือกับอัยการในการติดตามเพื่อขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดน
"ผมเห็นว่า นายกษิต ถูกมอง หรือ ถูกกระทำ ที่ไม่เป็นธรรม จากฝ่ายที่ไม่เข้าใจในบทบาทหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ และ ตัวรมว.ต่างประเทศ สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันที่วิกฤติ และมีปัญหาหลักเช่นนี้ นายกษิต ทำหน้าที่รมว.ต่างประเทศได้ถูกต้องแล้ว"
ยุปรับ ครม.ดันทุรังต่อไปลำบาก
ส่วนการทำงานของ นาย อภิสิทธิ์นั้นนต.ประสงค์ กล่าวว่า โพลล์ที่ออกมา คนไทยยังยอมรับ นายอภิสิทธิ์ เป็นคนดี คนซื่อ และประวัติการทำงาน ในทางเสียหายก็ไม่มี แต่นายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้ารัฐบาลที่ประกอบไปด้วย พรรคพวกหลายคนที่สังคมไม่ยอมรับ และหลายคนไม่ทำงานตรงตามหน้าที่ของตัว ความรู้ความสามารถไม่ตรงกับงาน ในส่วนของทีมงานเศรษฐกิจ พาณิชย์ อุตสาหกรรม เกษตรฯ ดูพื้นฐานประสบการณ์ไม่ตรงกับงาน ผลงานไม่ค่อยเห็น อีกทั้ง รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ เอกภาพในรัฐบาลก็ไม่มี ถ้าหากมีการปรับ ครม. ก็จะทำให้ความรู้สึกของประชาชนในบ้านเมืองดีขึ้น และรอดูผล ดีกว่าจะเดินต่อไปอย่างนี้จะลำบาก
"อย่างไรก็ตาม 1 ปีที่ผ่านมา ขอพูดตรงๆ ว่า ยังมีการหาผลประโยชน์ หาเงินหาทอง จากโครงการเก่าและใหม่ หรือแม้กระทั่งโครงการของรัฐบาลเองที่ควรจะต้องให้ปลอดจากการทุจริตก็ยังมีปัญหาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นชุมชนพอเพียง หรือไทยเข้มแข็ง"