ASTVผู้จัดการรายวัน -”มาร์ค”เชื่อพาประเทศพ้นวิกฤติเดือนมีนาคม ระบุอนาคตไม่ปิดกั้นแก้ รธน. ชี้มีเรื่องใหญ่กว่าเยอะ หน.เพื่อแผ่นดินแขวะเอาดีใส่ตัวฯ "เหลิม" เล็งยื่นอภิปราย "อภิสิทธิ์-กษิต-ชวรัตน์"
วานนี้ (28 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ออกมาตำหนิพรรคประชาธิปัตย์ไม่ให้เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ว่าไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย บอกว่าจุดยืนความคิดเราไม่เหมือนกันเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้นเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายชาญชัย ร้องเพลงรอ ให้นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เสียงยังดีอยู่ ร้องได้อีก ขณะเดียวกันกำลังรอนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคกิจสังคม เป็นเจ้าภาพนัดหมายหารือกับพรรคร่วมฯ
ส่วนจดหมายเปิดผนึกของ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาที่โจมตีนายกรัฐมนตรีนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับ แต่เห็นจากข่าว ตนยังแปลกใจที่ระบุว่า "เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า" ก็ตนเป็นคนเขียน เรื่องเลือกตั้งเขตใหญ่เอาไว้จะลบด้วยเท้าได้อย่างไร
ตอนที่จัดตั้งรัฐบาลมีการหยิบยกประเด็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ผมก็แบ่งได้เป็น3 ส่วนคือส่วนแรกที่ไม่ควรแก้ นั่นก็คือเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การนิรโทษกรรม เนื่องจากเป็นประเด็นที่เห็นได้ชัดว่า ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม ก็ตกลงกันว่าไม่แก้ ประเด็นที่สองที่แก้ได้ คิดว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาในเรื่องที่ไม่เป็นประชาธิปไตยในบางเรื่อง เช่น ประเด็นเรื่องวุฒิสภา ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ทั้งที่มีอำนาจมาก และประเด็นที่สามเรื่องเทคนิค เรื่องเขตเลือกตั้ง ที่ไม่เข้าข่ายเกี่ยวกับนิรโทษกรรมและเข้าข่ายที่บอกว่า เป็นหรือไม่ เป็นประชาธิปไตย ก็บอกว่าประเด็นอย่างนี้มาคุยกัน นี่คือสิ่งที่ตกลงกันไว้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน เราก็จะไปทำในกรอบของ คณะกรรมการสมานฉันท์ และมาตกลงให้เกิดความมั่นใจว่าสังคมยอมรับก็ทำประชามติ แต่ทุกฝ่ายต้องตกลงกันก่อน เมื่อฝ่ายค้านเป็นฝ่ายถอนตัวไป พอดีทาง พรรคร่วมบางพรรคก็อยากเสนอประเด็นเรื่องเขตเลือกตั้ง ซึ่งตนบอกว่า เรื่องนี้ยังคิดไม่ตรงกัน แต่บังเอิญเขารีบ เมื่อรีบเขาก็เสนอ และเมื่อเสนอทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ตัดสินใจว่าจะสนับสนุนหรือไม่
“เขาบอกเองว่า พรรคประชาธิปัตย์เข้าชื่อสนับสนุนหรือไม่เขาก็เดินต่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องของสภา ไม่ใช่เรื่องรัฐบาล ผมเห็นว่าไม่มีอะไร วันข้างหน้าเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญต้องมาคุยกันอีก เพราะมีเรื่องที่มันใหญ่กว่าเรื่องเขตเลือกตั้งเยอะแยะก็เท่านั้นเอง”
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่าไม่ได้รับปากกับพรรคร่วมฯที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนเป็นคนบอกกับหลายๆ คนเองว่า เรื่องเขตเลือกตั้งในวันที่ร่างรัฐธรรมนูญ 50 เขาเชิญตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆไปเข้าร่วม ตนไปในนามพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตนเสนอว่า พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าเขตใหญ่มันดีกว่า อยากจะให้มีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องคุยกันไม่ใช่เรื่องที่จะมาบอกว่าอยากไม่ทำอย่างนี้ก็จะให้เป็นอย่างนั้น
ส่วนที่วิจารณ์ว่าถ้าประเด็นไหนเป็นประโยชน์กับพรรคประชาธิปัตย์ก็จะเห็นด้วย ถ้าไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่เห็นด้วย นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า ตนยังไม่เคย ไปกล่าวหาเรื่องใครเป็นประโยชน์ของใคร แต่ให้ไปดูคำอภิปรายของตนเรื่องเขตใหญ่ ที่แสดงต่อคณะกรรมาธิการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ 50 ได้ ไม่มีเรื่องประโยชน์พรรค
“ผมพยายามทำความเข้าใจ ไม่มีอะไรที่ผมไปกล่าวหาคนอื่น แต่ที่คนอื่น มากล่าวหาผม ๆ บอกได้เลยว่าไม่จริง และไม่เป็นธรรม เพราะผมก็เล่าให้ฟังครบถ้วนหมด ทุกคนทราบดีว่า เวลาผมตกลง หรือคุยอะไรกับใคร ผมค่อนข้างที่จะละเอียดว่า ตรงนั้นหมายถึงอะไร ตรงนี้หมายถึงอะไร บางคนเอาเรื่องหนึ่ง ไปปนอีกเรื่องหนึ่งก็เกิดความสับสน”
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าจะไม่ทบทวนเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมองไม่เห็นเหตุผลในการทบทวน ถ้าเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาเท่านั้นพรรคก็มีมติไปแล้ว แต่ถ้าสามารถชวนพรรคฝ่ายค้าน มาร่วมแก้ไขตามกรอบของคณะกรรมการสมานฉันท์ มีเรื่องแก้ไขเลือกตั้งให้เป็นเขตเล็กด้วยอย่างนี้ตนไม่ขัดข้อง เพราะเรามีคำตอบให้สังคมได้ว่าเราเคยสนับสนุนเขตใหญ่
ผู้สื่อข่าวถามว่าดูเหมือนว่าอายุรัฐบาลจะไม่ยาวถ้ามีความเห็นออกมาแบบนี้ นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า ใครบอกครับ ผู้สื่อข่าวจึงรีบชี้แจงว่า พรรคร่วมรัฐบาล เป็นคนบอก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็วิเคราะห์กันได้ทั้งนั้น เมื่อถามว่า จะมีผลต่อ เสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่คิดไว้ตอนนี้ตนสนใจไม่ให้กระทบต่อการทำงานก็เดินหน้าต่อ ขอบคุณรัฐมนตรีของพรรคร่วมที่ไม่เสียสมาธิต่อเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 27ม.ค. ก็ทำงานกันอย่างดี
**เชื่อปัญหาไม่แตกหักถึงขั้นยุบสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้เพียงอย่างเดียวแต่ยังมีปัญหากองทัพ ปัญหาอื่นๆ ประดังประดาเข้ามา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ธรรมดา ช่วง 2-3เดือนแรก ของปีนี้ผมบอกแล้วว่าหนักหน่อย เพราะมันมีคนเคลื่อนไหวหนัก แต่คงไม่ถึงกับแตกหักจนนำไปสู่การยุบสภา ตนถือว่าขณะนี้การทำงานเป็นไปตามปกติ ความรู้สึกผิดหวัง เห็นไม่ตรงกันเป็นธรรมดา
ต่อข้อถามอีกว่า ความคิดยุบสภาไม่มีอยู่ในใจนายกฯเลยใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า "วันนี้ผมยังไม่เห็นเหตุผลอะไรที่ต้องยุบสภา" เมื่อถามถึง การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่จะนำไปสู่การปฏิวัติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนั้นเราต้องช่วยกันไม่ให้เกิดอยู่แล้ว เรื่องการปฏิวัติ ไม่ได้เป็นสิ่งที่เป็นผลดีของประเทศ กับสังคมเลย เมื่อถามว่า คิดว่าจะก้าวข้ามไปถึงเดือนมีนาคมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อาจจะเลยเดือนมีนาคมไปนิดหน่อย ก็ได้เป็นธรรมดา
ผู้สื่อข่าวถามว่านับจากนี้สถานการณ์บ้านเมืองจะรุนแรงขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะดูแลไม่ให้รุนแรง ตนก็กำชับ ซึ่งคนที่ทำงานด้านนี้ก็ระมัดระวัง เมื่อถามด้วยว่า แสดงว่านายกฯเชื่อว่าสถานการณ์ต่อจากนี้จะรุนแรง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมเคยเรียนว่า มีคนบางกลุ่มอยากจะให้เกิดความรุนแรงหนักภายใน 1-2 เดือนนี้”
** “ชาญชัย” ซัด ปชป.“เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น”
ก่อนหน้าวันเดียวกันนี้ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าขึงขังถึงเรื่องที่จะมีโอกาสคุยกับนายกฯหรือไม่ ว่า ได้แต่ส่งสายตายิ้มหวานให้กับนายอภิสิทธิ์ แต่โทรศัพท์นัดกับนายสุเทพ แล้ว
“ เราไม่ได้กดดัน แต่เราร้องเพลงรอ ก็ไม่เป็นไรอยู่ด้วยกันเหมือนลิ้นกับฟัน ทนอยู่กันไป เป็นเรื่องธรรมดาคนเห็นด้วยไม่เห็นด้วย แต่วันหนึ่งต้องแก้ไขให้นำไปสู่ที่ดีขึ้น สิ่งนี้ยังไม่ตกผลึก ไม่กังวลเรื่องการยุบสภา ไม่เคยคิดกลัวถ้าพึงพอใจใครจะยุบก็เลือกตั้ง มีเวทีให้เล่นดีกว่าล้มกระดาน เมื่อแต่งงานกันแล้วถ้ามีปัญหากันก็ต้องพูดคุยกัน แต่ไม่ถึงกับหย่า แต่ถ้าพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น แก้ไขรัฐธรรมนูญ 5 พรรค เป็นผู้ร้าย ถ้าพูดอีก ถือว่าดูถูกดูแคลนกันมาก คุณคือใคร ก็คนเหมือนกัน เอาความดี ใส่ตัว เอาความชั่วให้พรรคอื่น อย่าพูดอีก พูดทำไม”นายชาญชัย กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน
ก่อนหน้านั้นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่าคนในครอบครัวเดียวกันต้องร้องเพลงคีย์เดียวกัน อะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต้องเดินหน้า ไม่เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเล่นเพียงคีย์เดียว ไม่เล่นคีย์ร่วมกับอีก 5พรรคดังนั้นตอนนี้ก็ต้องร้องเพลง “รอ” ของนาย สุเทพ วงศ์คำแหง ที่มีเนื้อหาว่า “ถ้าเธอมีหัวใจเหมือนฉันสักหน่อย เธอคงไม่ปล่อยให้ฉันรออย่างนี้”
** “เทือก”เตรียมปรนเปรอพรรคร่วมฯ
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่ได้อ่านจดหมาย “เขียนด้วยมือแล้วอย่าลบด้วยเท้า” เห็นเพียงจากสื่อแต่เข้าใจความรู้สึกของนายสมศักดิ์ดี และไม่ติดใจอะไร และตั้งใจว่าสิ่งใดสามารถทำให้พรรคร่วมสบายใจได้นอกเหนือจาก เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะพยายามทำ คนอยู่ร่วมกันก็ต้องเอาใจกันบ้าง
ทั้งนี้เชื่อว่าไม่ได้เป็นอย่างที่นายสมศักดิ์ อ้างว่านายอภิสิทธิ์ทำผิดสัญญา แต่ยังต้องทำร่วมกันให้ได้ เพราะตกลงใจร่วมกันไว้ตั้งแต่ต้นว่าที่เข้ามา เป็นรัฐบาลร่วมกัน ก็เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมือง ดังนั้นเรายังต้องกอดคอกัน ดังนั้นอย่าไปกังวลใจว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมใต้น้ำ ธรรมชาติของการเมืองไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ตาม ไม่ได้ราบเรียบเป็นแผ่นกระจก ต้องมีคลื่นลมบ้างเป็นปกติ
ดังนั้นคำว่า “เขียนด้วยมือ แล้วลบด้วยเท้า” ก็รู้สึกแต่ก็ต้องอดทนบ้าง วันหนึ่งคุณกับผมดีกัน แต่วันหนึ่งคุณเกิดหงุดหงิดว่าผมแรงๆ แต่ผมต้องเข้าใจว่า ที่คุณว่าผมเพราะคุณรู้สึกอย่างนั้น ถ้ามีความคิดอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจก็โอเค ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลจะต้องไม่บอกว่าหนักใจหรือไม่เพราะเป็นหน้าที่ บางวันทำงานง่าย บางวันทำงานยาก ต้องใช้ความอดทนเป็นพิเศษ
“เรื่องในจดหมาย ก็คงจริงบ้าง และอาจไม่จริงบ้าง เพราะในการพูดคุยประสานงานก่อนจะมาจัดตั้งรัฐบาลนั้นพูดกันหลายครั้ง แต่ที่นายกรัฐมนตรีบอกกับสาธารณะเป็นความจริง ในมุมที่นายกรัฐมนตรีได้รู้และได้เห็น ที่บอกว่าจริงและไม่จริงนั้น หมายถึงว่า เวลาที่ตนพูดคุยกับพรรคร่วมก็เป็นเรื่องจริงเรื่องหนึ่ง แต่เวลาที่เขาไปพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีก็เป็นความจริงอีกเรื่องหนึ่ง คนที่ฟังบางครั้งนำเรื่องของตนไปต่อกับนายกรัฐมนตรี ก็กลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”นายสุเทพกล่าว
ส่วนที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีให้กลับไปคิดประเด็นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วกลับมาเสนอภายใน 1 สัปดาห์นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่ทราบเรื่องที่บอกว่าให้ไปสรุปประเด็นมาเสนอใน 1 สัปดาห์ และตนก็จำไม่ได้ เพราะเรื่องเยอะ แต่อะไรที่พูดกับตนก็รับได้ทั้งนั้น
ขณะเดียวกันก็ต้องตอบว่าไม่เจ็บ เพราะเป็นเรื่องการทำหน้าที่ เมื่อทำเต็มที่จนสุดตัวสุดกำลัง ด้วยความซื่อตรงและจริงใจกับเพื่อน พรรค และบ้านเมือง ดังนั้นไม่มีอะไรต้องเจ็บ แต่ตอนนี้ขออยู่เฉยๆ สัก 1-2 วันก่อน
ส่วนที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์พูดว่าไม่เป็นรัฐบาลก็ไม่ตายนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่เกิดง่ายๆ เพราะการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา จุดมุ่งหวังก็คือต่อสู้ในทางการเมืองเพื่อให้ได้เสียงข้างมาก เพื่อจัดตั้งรัฐบาลและเอานโยบายของพรรคไปปฏิบัติเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ ดังนั้นเป้าหมายที่แท้จริงคือการเป็นรัฐบาล แต่ถ้าไม่เป็นรัฐบาลก็ไม่ตาย ก็ต้องอยู่เป็นฝ่ายค้านไป แต่ตนมองว่าเมื่อวันนี้เป็นรัฐบาลอยู่ ก็ไม่ต้องรีบร้อนที่จะไปเป็นฝ่ายค้าน
**"ตือ" ไม่หวังมาร์คตอบจดหมาย
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึง การเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีว่า ตนตั้งใจกราบเรียนนายกรัฐมนตรี ถึงข้อเท็จจริงตั้งแต่เริ่มต้นจัดตั้งรัฐบาลจนถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 6 พรรค ร่วมเคยหารือกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีและคนพรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่า จะไม่ทบทวน ทำให้สภาฯมีการแสดงความเห็นอย่างกว้างขวางและตั้งกรรมการสมานฉันท์ ซึ่งหนึ่งในแนวทางนั้นคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยสรุป 6 ประเด็น และเราเสนอ 2 ประเด็น แต่มาพูดว่าประโยชน์ตกกับตัวเองไม่ได้ตกกับประชาชนจึงเหมือนกับเขียนด้วยมืออย่าลบด้วยเท้า
“ผมไม่หวังว่านายกฯจะตอบกลับจดหมาย เพียงแต่อยากสื่อว่าที่บอกว่า ไม่เคยตกลง ไม่ทบทวนเท่านั้น ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นคนละประเด็นกับการทำงานในฐานะพรรคร่วม เรายังทำงานร่วมกันเพราะหลายปัญหายังต้องสะสางแก้ไข อย่าว่าแต่ต่างพรรคเลย แม้แต่คนในพรรค ยังแทงข้างหลังนำไปสู่ความ แตกแยกกัน ดังนั้นถ้าปล่อยให้เป็นเขตใหญ่ พรรคขนาดเล็กแทบจะไม่มีโอกาส ไม่มีเงินสนับสนุนทำโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ เพราะเขตกว้างมาก มาถึงวันนี้กลับกลายเป็นว่าเขตเล็กซื้อเสียงง่าย ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่ประจำเขตดูแลเต็มกำลัง คนดีมีความรู้ความสามารถก็ไม่อยากซื้อเสียง และไม่มีหลักประกันว่า เมื่อเป็นเขตใหญ่แล้วไม่มีซื้อเสียง ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้ากติกาดีก็จะทำให้คนอยู่ในกรอบ เวลาจะแก้กฎหมายต้องเข้มแข็ง”
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ขณะนี้ญัตติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทำเสร็จแล้ว ได้แจกให้ พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคที่จะร่วมเสนอญัตติเพื่อพิจารณาแล้ว ซึ่งหากไม่มีการแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลง ก็จะนัดหมายยื่นญัตติดังกล่าวต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา คาดว่าจะยื่นในสัปดาห์หน้า ซึ่งญัตติจะเป็นการแก้ไข 2 ประเด็น ทั้งนี้ต้องมีการแก้มาตรา 103 คือ กำหนดให้ต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และที่มาส.ว.ให้สอดคล้องด้วย ซึ่งจะกำหนดเวลาว่าให้สภาฯดำเนินการให้เสร้จภายใน 30 วัน จากนั้นให้วุฒิสภา พิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน ถ้าวุฒิสภาแก้ไขจนต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน ก็กำหนดให้พิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน ถ้าไม่เสร็จให้ถือว่าใช้บังคับได้เลย
นายชุมพล กล่าวจดหมายของนายสมศักดิ์ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่อยู่ในแวดวงการเมือง ก็เห็นใจนายสมศักดิ์ แต่ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นอย่างไรด้วย ยื่นยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปัญหาการร่วมรัฐบาล เพราะพรรคชาติไทยพัฒนาวางจุดยืนในการ ร่วมรัฐบาล แต่ก็ได้มีจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งทั้งสองเรื่องเป็นคนละกติกากัน
ส่วนที่ระบุว่าให้รัฐบาลนับถอยหลังนั้นนายชุมพล กล่าวว่า อาจเป็นการนับเวลาเดินหน้าต่อไปก็ได้ เมื่อถามต่อว่า ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาบางคนบอกว่าจะฟรีโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชุมพล กล่าวว่า กติกาการร่วมรัฐบาลและกติกาการแก้รัฐธรรมนูญไม่เหมือนกัน กติกาการร่วมรัฐบาลครอบคลุมไปถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย หากยื่นญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะ ตนก็หลุดด้วย เท่ากับไม่ไว้วางใจตัวเองซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้เชื่อว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อการอยู่ร่วมรัฐบาล และไม่คิดจะถอนออกจากพรรคร่วม
**มติยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 คน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลกล่าวว่า พรรคเพื่อไทย มีมติชัดเจนจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจพร้อมยื่นถอดถอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ โดยขอมติพรรคในวันอังคารที่ 2 ก.พ.และยื่นถอดถอน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ที่มีข้อมูลหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับการบริหารงานและเชื่อมโยงประเด็นทุจริต
ส่วนจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะยื่นญัตติวันใดนั้นยังไม่บอกปล่อยให้รัฐบาลวุ่นวายเล่น ให้รัฐมนตรีที่คดโกงนอนไม่หลับ และ ตนจะเป็นผู้ยกร่างญัตติรวมทั้งร่างถอดถอนนายกฯและรัฐมนตรีด้วยตัวเอง จะไม่ให้เป็นเหมือนครั้งที่แล้วที่ความลับรั่ว ยังไม่ทันเซ็นชื่อเลย พรรคประชาธิปัตย์ได้ข้อมูลแล้วไม่รู้ใครเป็นคนเอาไปให้ ดังนั้นครั้งนี้ตนจะร่างและเก็บไว้เองให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเสร็จแล้วก็ยื่นเลย.
วานนี้ (28 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ออกมาตำหนิพรรคประชาธิปัตย์ไม่ให้เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ว่าไม่เห็นมีใครว่าอะไรเลย บอกว่าจุดยืนความคิดเราไม่เหมือนกันเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้นเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายชาญชัย ร้องเพลงรอ ให้นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เสียงยังดีอยู่ ร้องได้อีก ขณะเดียวกันกำลังรอนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคกิจสังคม เป็นเจ้าภาพนัดหมายหารือกับพรรคร่วมฯ
ส่วนจดหมายเปิดผนึกของ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาที่โจมตีนายกรัฐมนตรีนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับ แต่เห็นจากข่าว ตนยังแปลกใจที่ระบุว่า "เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า" ก็ตนเป็นคนเขียน เรื่องเลือกตั้งเขตใหญ่เอาไว้จะลบด้วยเท้าได้อย่างไร
ตอนที่จัดตั้งรัฐบาลมีการหยิบยกประเด็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ผมก็แบ่งได้เป็น3 ส่วนคือส่วนแรกที่ไม่ควรแก้ นั่นก็คือเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การนิรโทษกรรม เนื่องจากเป็นประเด็นที่เห็นได้ชัดว่า ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม ก็ตกลงกันว่าไม่แก้ ประเด็นที่สองที่แก้ได้ คิดว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาในเรื่องที่ไม่เป็นประชาธิปไตยในบางเรื่อง เช่น ประเด็นเรื่องวุฒิสภา ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ทั้งที่มีอำนาจมาก และประเด็นที่สามเรื่องเทคนิค เรื่องเขตเลือกตั้ง ที่ไม่เข้าข่ายเกี่ยวกับนิรโทษกรรมและเข้าข่ายที่บอกว่า เป็นหรือไม่ เป็นประชาธิปไตย ก็บอกว่าประเด็นอย่างนี้มาคุยกัน นี่คือสิ่งที่ตกลงกันไว้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน เราก็จะไปทำในกรอบของ คณะกรรมการสมานฉันท์ และมาตกลงให้เกิดความมั่นใจว่าสังคมยอมรับก็ทำประชามติ แต่ทุกฝ่ายต้องตกลงกันก่อน เมื่อฝ่ายค้านเป็นฝ่ายถอนตัวไป พอดีทาง พรรคร่วมบางพรรคก็อยากเสนอประเด็นเรื่องเขตเลือกตั้ง ซึ่งตนบอกว่า เรื่องนี้ยังคิดไม่ตรงกัน แต่บังเอิญเขารีบ เมื่อรีบเขาก็เสนอ และเมื่อเสนอทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ตัดสินใจว่าจะสนับสนุนหรือไม่
“เขาบอกเองว่า พรรคประชาธิปัตย์เข้าชื่อสนับสนุนหรือไม่เขาก็เดินต่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องของสภา ไม่ใช่เรื่องรัฐบาล ผมเห็นว่าไม่มีอะไร วันข้างหน้าเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญต้องมาคุยกันอีก เพราะมีเรื่องที่มันใหญ่กว่าเรื่องเขตเลือกตั้งเยอะแยะก็เท่านั้นเอง”
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่าไม่ได้รับปากกับพรรคร่วมฯที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนเป็นคนบอกกับหลายๆ คนเองว่า เรื่องเขตเลือกตั้งในวันที่ร่างรัฐธรรมนูญ 50 เขาเชิญตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆไปเข้าร่วม ตนไปในนามพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตนเสนอว่า พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าเขตใหญ่มันดีกว่า อยากจะให้มีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องคุยกันไม่ใช่เรื่องที่จะมาบอกว่าอยากไม่ทำอย่างนี้ก็จะให้เป็นอย่างนั้น
ส่วนที่วิจารณ์ว่าถ้าประเด็นไหนเป็นประโยชน์กับพรรคประชาธิปัตย์ก็จะเห็นด้วย ถ้าไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่เห็นด้วย นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า ตนยังไม่เคย ไปกล่าวหาเรื่องใครเป็นประโยชน์ของใคร แต่ให้ไปดูคำอภิปรายของตนเรื่องเขตใหญ่ ที่แสดงต่อคณะกรรมาธิการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ 50 ได้ ไม่มีเรื่องประโยชน์พรรค
“ผมพยายามทำความเข้าใจ ไม่มีอะไรที่ผมไปกล่าวหาคนอื่น แต่ที่คนอื่น มากล่าวหาผม ๆ บอกได้เลยว่าไม่จริง และไม่เป็นธรรม เพราะผมก็เล่าให้ฟังครบถ้วนหมด ทุกคนทราบดีว่า เวลาผมตกลง หรือคุยอะไรกับใคร ผมค่อนข้างที่จะละเอียดว่า ตรงนั้นหมายถึงอะไร ตรงนี้หมายถึงอะไร บางคนเอาเรื่องหนึ่ง ไปปนอีกเรื่องหนึ่งก็เกิดความสับสน”
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าจะไม่ทบทวนเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมองไม่เห็นเหตุผลในการทบทวน ถ้าเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาเท่านั้นพรรคก็มีมติไปแล้ว แต่ถ้าสามารถชวนพรรคฝ่ายค้าน มาร่วมแก้ไขตามกรอบของคณะกรรมการสมานฉันท์ มีเรื่องแก้ไขเลือกตั้งให้เป็นเขตเล็กด้วยอย่างนี้ตนไม่ขัดข้อง เพราะเรามีคำตอบให้สังคมได้ว่าเราเคยสนับสนุนเขตใหญ่
ผู้สื่อข่าวถามว่าดูเหมือนว่าอายุรัฐบาลจะไม่ยาวถ้ามีความเห็นออกมาแบบนี้ นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า ใครบอกครับ ผู้สื่อข่าวจึงรีบชี้แจงว่า พรรคร่วมรัฐบาล เป็นคนบอก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็วิเคราะห์กันได้ทั้งนั้น เมื่อถามว่า จะมีผลต่อ เสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่คิดไว้ตอนนี้ตนสนใจไม่ให้กระทบต่อการทำงานก็เดินหน้าต่อ ขอบคุณรัฐมนตรีของพรรคร่วมที่ไม่เสียสมาธิต่อเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 27ม.ค. ก็ทำงานกันอย่างดี
**เชื่อปัญหาไม่แตกหักถึงขั้นยุบสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้เพียงอย่างเดียวแต่ยังมีปัญหากองทัพ ปัญหาอื่นๆ ประดังประดาเข้ามา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ธรรมดา ช่วง 2-3เดือนแรก ของปีนี้ผมบอกแล้วว่าหนักหน่อย เพราะมันมีคนเคลื่อนไหวหนัก แต่คงไม่ถึงกับแตกหักจนนำไปสู่การยุบสภา ตนถือว่าขณะนี้การทำงานเป็นไปตามปกติ ความรู้สึกผิดหวัง เห็นไม่ตรงกันเป็นธรรมดา
ต่อข้อถามอีกว่า ความคิดยุบสภาไม่มีอยู่ในใจนายกฯเลยใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า "วันนี้ผมยังไม่เห็นเหตุผลอะไรที่ต้องยุบสภา" เมื่อถามถึง การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่จะนำไปสู่การปฏิวัติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนั้นเราต้องช่วยกันไม่ให้เกิดอยู่แล้ว เรื่องการปฏิวัติ ไม่ได้เป็นสิ่งที่เป็นผลดีของประเทศ กับสังคมเลย เมื่อถามว่า คิดว่าจะก้าวข้ามไปถึงเดือนมีนาคมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อาจจะเลยเดือนมีนาคมไปนิดหน่อย ก็ได้เป็นธรรมดา
ผู้สื่อข่าวถามว่านับจากนี้สถานการณ์บ้านเมืองจะรุนแรงขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะดูแลไม่ให้รุนแรง ตนก็กำชับ ซึ่งคนที่ทำงานด้านนี้ก็ระมัดระวัง เมื่อถามด้วยว่า แสดงว่านายกฯเชื่อว่าสถานการณ์ต่อจากนี้จะรุนแรง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ผมเคยเรียนว่า มีคนบางกลุ่มอยากจะให้เกิดความรุนแรงหนักภายใน 1-2 เดือนนี้”
** “ชาญชัย” ซัด ปชป.“เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น”
ก่อนหน้าวันเดียวกันนี้ นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวตอบคำถามผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าขึงขังถึงเรื่องที่จะมีโอกาสคุยกับนายกฯหรือไม่ ว่า ได้แต่ส่งสายตายิ้มหวานให้กับนายอภิสิทธิ์ แต่โทรศัพท์นัดกับนายสุเทพ แล้ว
“ เราไม่ได้กดดัน แต่เราร้องเพลงรอ ก็ไม่เป็นไรอยู่ด้วยกันเหมือนลิ้นกับฟัน ทนอยู่กันไป เป็นเรื่องธรรมดาคนเห็นด้วยไม่เห็นด้วย แต่วันหนึ่งต้องแก้ไขให้นำไปสู่ที่ดีขึ้น สิ่งนี้ยังไม่ตกผลึก ไม่กังวลเรื่องการยุบสภา ไม่เคยคิดกลัวถ้าพึงพอใจใครจะยุบก็เลือกตั้ง มีเวทีให้เล่นดีกว่าล้มกระดาน เมื่อแต่งงานกันแล้วถ้ามีปัญหากันก็ต้องพูดคุยกัน แต่ไม่ถึงกับหย่า แต่ถ้าพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น แก้ไขรัฐธรรมนูญ 5 พรรค เป็นผู้ร้าย ถ้าพูดอีก ถือว่าดูถูกดูแคลนกันมาก คุณคือใคร ก็คนเหมือนกัน เอาความดี ใส่ตัว เอาความชั่วให้พรรคอื่น อย่าพูดอีก พูดทำไม”นายชาญชัย กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน
ก่อนหน้านั้นหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่าคนในครอบครัวเดียวกันต้องร้องเพลงคีย์เดียวกัน อะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต้องเดินหน้า ไม่เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเล่นเพียงคีย์เดียว ไม่เล่นคีย์ร่วมกับอีก 5พรรคดังนั้นตอนนี้ก็ต้องร้องเพลง “รอ” ของนาย สุเทพ วงศ์คำแหง ที่มีเนื้อหาว่า “ถ้าเธอมีหัวใจเหมือนฉันสักหน่อย เธอคงไม่ปล่อยให้ฉันรออย่างนี้”
** “เทือก”เตรียมปรนเปรอพรรคร่วมฯ
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่ได้อ่านจดหมาย “เขียนด้วยมือแล้วอย่าลบด้วยเท้า” เห็นเพียงจากสื่อแต่เข้าใจความรู้สึกของนายสมศักดิ์ดี และไม่ติดใจอะไร และตั้งใจว่าสิ่งใดสามารถทำให้พรรคร่วมสบายใจได้นอกเหนือจาก เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะพยายามทำ คนอยู่ร่วมกันก็ต้องเอาใจกันบ้าง
ทั้งนี้เชื่อว่าไม่ได้เป็นอย่างที่นายสมศักดิ์ อ้างว่านายอภิสิทธิ์ทำผิดสัญญา แต่ยังต้องทำร่วมกันให้ได้ เพราะตกลงใจร่วมกันไว้ตั้งแต่ต้นว่าที่เข้ามา เป็นรัฐบาลร่วมกัน ก็เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมือง ดังนั้นเรายังต้องกอดคอกัน ดังนั้นอย่าไปกังวลใจว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมใต้น้ำ ธรรมชาติของการเมืองไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็ตาม ไม่ได้ราบเรียบเป็นแผ่นกระจก ต้องมีคลื่นลมบ้างเป็นปกติ
ดังนั้นคำว่า “เขียนด้วยมือ แล้วลบด้วยเท้า” ก็รู้สึกแต่ก็ต้องอดทนบ้าง วันหนึ่งคุณกับผมดีกัน แต่วันหนึ่งคุณเกิดหงุดหงิดว่าผมแรงๆ แต่ผมต้องเข้าใจว่า ที่คุณว่าผมเพราะคุณรู้สึกอย่างนั้น ถ้ามีความคิดอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจก็โอเค ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลจะต้องไม่บอกว่าหนักใจหรือไม่เพราะเป็นหน้าที่ บางวันทำงานง่าย บางวันทำงานยาก ต้องใช้ความอดทนเป็นพิเศษ
“เรื่องในจดหมาย ก็คงจริงบ้าง และอาจไม่จริงบ้าง เพราะในการพูดคุยประสานงานก่อนจะมาจัดตั้งรัฐบาลนั้นพูดกันหลายครั้ง แต่ที่นายกรัฐมนตรีบอกกับสาธารณะเป็นความจริง ในมุมที่นายกรัฐมนตรีได้รู้และได้เห็น ที่บอกว่าจริงและไม่จริงนั้น หมายถึงว่า เวลาที่ตนพูดคุยกับพรรคร่วมก็เป็นเรื่องจริงเรื่องหนึ่ง แต่เวลาที่เขาไปพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีก็เป็นความจริงอีกเรื่องหนึ่ง คนที่ฟังบางครั้งนำเรื่องของตนไปต่อกับนายกรัฐมนตรี ก็กลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”นายสุเทพกล่าว
ส่วนที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีให้กลับไปคิดประเด็นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วกลับมาเสนอภายใน 1 สัปดาห์นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่ทราบเรื่องที่บอกว่าให้ไปสรุปประเด็นมาเสนอใน 1 สัปดาห์ และตนก็จำไม่ได้ เพราะเรื่องเยอะ แต่อะไรที่พูดกับตนก็รับได้ทั้งนั้น
ขณะเดียวกันก็ต้องตอบว่าไม่เจ็บ เพราะเป็นเรื่องการทำหน้าที่ เมื่อทำเต็มที่จนสุดตัวสุดกำลัง ด้วยความซื่อตรงและจริงใจกับเพื่อน พรรค และบ้านเมือง ดังนั้นไม่มีอะไรต้องเจ็บ แต่ตอนนี้ขออยู่เฉยๆ สัก 1-2 วันก่อน
ส่วนที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์พูดว่าไม่เป็นรัฐบาลก็ไม่ตายนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่เกิดง่ายๆ เพราะการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา จุดมุ่งหวังก็คือต่อสู้ในทางการเมืองเพื่อให้ได้เสียงข้างมาก เพื่อจัดตั้งรัฐบาลและเอานโยบายของพรรคไปปฏิบัติเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ ดังนั้นเป้าหมายที่แท้จริงคือการเป็นรัฐบาล แต่ถ้าไม่เป็นรัฐบาลก็ไม่ตาย ก็ต้องอยู่เป็นฝ่ายค้านไป แต่ตนมองว่าเมื่อวันนี้เป็นรัฐบาลอยู่ ก็ไม่ต้องรีบร้อนที่จะไปเป็นฝ่ายค้าน
**"ตือ" ไม่หวังมาร์คตอบจดหมาย
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึง การเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีว่า ตนตั้งใจกราบเรียนนายกรัฐมนตรี ถึงข้อเท็จจริงตั้งแต่เริ่มต้นจัดตั้งรัฐบาลจนถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 6 พรรค ร่วมเคยหารือกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีและคนพรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่า จะไม่ทบทวน ทำให้สภาฯมีการแสดงความเห็นอย่างกว้างขวางและตั้งกรรมการสมานฉันท์ ซึ่งหนึ่งในแนวทางนั้นคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยสรุป 6 ประเด็น และเราเสนอ 2 ประเด็น แต่มาพูดว่าประโยชน์ตกกับตัวเองไม่ได้ตกกับประชาชนจึงเหมือนกับเขียนด้วยมืออย่าลบด้วยเท้า
“ผมไม่หวังว่านายกฯจะตอบกลับจดหมาย เพียงแต่อยากสื่อว่าที่บอกว่า ไม่เคยตกลง ไม่ทบทวนเท่านั้น ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นคนละประเด็นกับการทำงานในฐานะพรรคร่วม เรายังทำงานร่วมกันเพราะหลายปัญหายังต้องสะสางแก้ไข อย่าว่าแต่ต่างพรรคเลย แม้แต่คนในพรรค ยังแทงข้างหลังนำไปสู่ความ แตกแยกกัน ดังนั้นถ้าปล่อยให้เป็นเขตใหญ่ พรรคขนาดเล็กแทบจะไม่มีโอกาส ไม่มีเงินสนับสนุนทำโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ เพราะเขตกว้างมาก มาถึงวันนี้กลับกลายเป็นว่าเขตเล็กซื้อเสียงง่าย ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่ประจำเขตดูแลเต็มกำลัง คนดีมีความรู้ความสามารถก็ไม่อยากซื้อเสียง และไม่มีหลักประกันว่า เมื่อเป็นเขตใหญ่แล้วไม่มีซื้อเสียง ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญ ถ้ากติกาดีก็จะทำให้คนอยู่ในกรอบ เวลาจะแก้กฎหมายต้องเข้มแข็ง”
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ขณะนี้ญัตติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทำเสร็จแล้ว ได้แจกให้ พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคที่จะร่วมเสนอญัตติเพื่อพิจารณาแล้ว ซึ่งหากไม่มีการแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลง ก็จะนัดหมายยื่นญัตติดังกล่าวต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา คาดว่าจะยื่นในสัปดาห์หน้า ซึ่งญัตติจะเป็นการแก้ไข 2 ประเด็น ทั้งนี้ต้องมีการแก้มาตรา 103 คือ กำหนดให้ต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และที่มาส.ว.ให้สอดคล้องด้วย ซึ่งจะกำหนดเวลาว่าให้สภาฯดำเนินการให้เสร้จภายใน 30 วัน จากนั้นให้วุฒิสภา พิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน ถ้าวุฒิสภาแก้ไขจนต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน ก็กำหนดให้พิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน ถ้าไม่เสร็จให้ถือว่าใช้บังคับได้เลย
นายชุมพล กล่าวจดหมายของนายสมศักดิ์ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่อยู่ในแวดวงการเมือง ก็เห็นใจนายสมศักดิ์ แต่ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของพรรคประชาธิปัตย์ว่าเป็นอย่างไรด้วย ยื่นยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปัญหาการร่วมรัฐบาล เพราะพรรคชาติไทยพัฒนาวางจุดยืนในการ ร่วมรัฐบาล แต่ก็ได้มีจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งทั้งสองเรื่องเป็นคนละกติกากัน
ส่วนที่ระบุว่าให้รัฐบาลนับถอยหลังนั้นนายชุมพล กล่าวว่า อาจเป็นการนับเวลาเดินหน้าต่อไปก็ได้ เมื่อถามต่อว่า ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาบางคนบอกว่าจะฟรีโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชุมพล กล่าวว่า กติกาการร่วมรัฐบาลและกติกาการแก้รัฐธรรมนูญไม่เหมือนกัน กติกาการร่วมรัฐบาลครอบคลุมไปถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย หากยื่นญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและคณะ ตนก็หลุดด้วย เท่ากับไม่ไว้วางใจตัวเองซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้เชื่อว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อการอยู่ร่วมรัฐบาล และไม่คิดจะถอนออกจากพรรคร่วม
**มติยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 คน
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลกล่าวว่า พรรคเพื่อไทย มีมติชัดเจนจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจพร้อมยื่นถอดถอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ โดยขอมติพรรคในวันอังคารที่ 2 ก.พ.และยื่นถอดถอน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ที่มีข้อมูลหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับการบริหารงานและเชื่อมโยงประเด็นทุจริต
ส่วนจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะยื่นญัตติวันใดนั้นยังไม่บอกปล่อยให้รัฐบาลวุ่นวายเล่น ให้รัฐมนตรีที่คดโกงนอนไม่หลับ และ ตนจะเป็นผู้ยกร่างญัตติรวมทั้งร่างถอดถอนนายกฯและรัฐมนตรีด้วยตัวเอง จะไม่ให้เป็นเหมือนครั้งที่แล้วที่ความลับรั่ว ยังไม่ทันเซ็นชื่อเลย พรรคประชาธิปัตย์ได้ข้อมูลแล้วไม่รู้ใครเป็นคนเอาไปให้ ดังนั้นครั้งนี้ตนจะร่างและเก็บไว้เองให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเสร็จแล้วก็ยื่นเลย.