ASTVผู้จัดการรายวัน - "มาร์ค" หนุนกองทัพจัดการ "เสธ.แดง" เหตุทำตัวเหนือกฎหมาย แต่อย่าดำเนินการในลักษณะยั่วยุให้เหตุการณ์บานปลาย ขณะที่ "ขัตติยะ" เหิมปฏิเสธเข้ารายงานตัวกองปราบหลังได้รับหมายเรียก อ้างติดธุระร่วมม็อบเสื้อแดงพิษณุโลก
วานนี้ (24 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ว่า ขณะนี้มีการพักราชการพล.ต.ขัตติยะ และสังคมคงมองเห็นว่าความเหมาะสมเป็นอย่างไร ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ทหารที่อยู่ในกองทัพก็ต้องอยู่ในวินัย การที่จะไปประกาศตัวทำเหมือนกับว่าสามารถจะอยู่เหนือกฎหมาย ข่มขู่ได้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ต้องมีการดำเนินการ เพียงแต่กองทัพต้องระมัดระวัง คือไม่ดำเนินการให้เหมือนลักษณะยั่วยุ หรือให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย
"ก็ถูกต้อง ผมคิดว่าขณะนี้ที่กองทัพดำเนินการก็ถูกต้องแล้ว คือทำหน้าที่ ในการรักษากฎหมาย และระมัดระวังไม่ให้เรื่องลุกลามบานปลาย แต่ผมคิดว่าสังคมคงต้องมองเห็นว่าถ้าเราปล่อยให้ใครที่ทำตัวเหมือนกับจะอยู่เหนือกฎหมาย ข่มขู่คุกคามคนได้ก็ไม่ถูกต้อง"
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นปัญหาร้าวฉานระหว่าง 2 นายพล หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันมีคนพยายามให้เกิดความแตกแยกในทุกองค์กร แต่ตนคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือยึดความถูกต้อง ถ้าไม่ยึดความถูกต้องมันแก้อะไรไม่ได้ หากคิดว่ายอมๆ กันไป ถ้าอย่างนั้นต่อไปก็จะมีแต่ความวุ่นวายและความร้าวฉานก็จะเกิดขึ้นอยู่ดี ดีที่สุดคือยึดความถูกต้อง ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร แต่ก็ละเว้นไม่ได้
ด้าน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง กล่าวว่าได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปรามแล้วในวันนี้ (24 ม.ค.) แต่คงต้อง ขอเลื่อนการเข้ารายงานตัวออกไปก่อน เนื่องจากต้องเดินทางไปร่วมงานชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง จ.พิษณุโลก ส่วนจะเข้าพบพนักงานสอบสวนเมื่อใด คงต้องดูความเหมาะสมก่อน ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นวันไหนเวลาไหน
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ออกหมายเรียก พล.ต.ขัตติยะ ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8, 38, 72 และ 74 และ พ.ร.บ.ควบคุม ยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 15 และ42 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 หลังเข้าตรวค้นบ้านพักภายในกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ (ม.พัน.4 ร.อ.) ย่านเกียกกาย พบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก ซึ่งต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปในกองบัญชาการกองทัพบก
ด้าน พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.นางเลิ้ง กล่าวว่า กองบัญชาการกองทัพบก ได้ส่งนายทหารเข้าแจ้งความกรณีเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน เอ็ม 79 ยิงใส่อาคารในกองบัญชาการกองทัพบกแล้วในวันที่มีการบุกตรวจค้นบ้าน พล.ต.ขัตติยะ แต่ในการแจ้งความดังกล่าวเป็นแจ้งให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ไม่ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ จึงไม่ได้เข้าตรวจสอบร่องรอย ในที่เกิดเหตุ ทั้งนี้เนื่องจากที่เกิดเหตุอยู่ในเขตทหาร ซึ่งทหารสามารถดำเนินการสอบสวนได้เอง ดังนั้นหากไม่ได้รับการร้องขอ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถไปตรวจสอบได้
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าคดีของ พล.ต.ขัตติยะ ซึ่งเป็นผู้ที่คิดแตกต่างและอยู่ขั้วตรงข้ามกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่ถูกกล่าวหา ทั้งๆที่ เพียงแค่ข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ถูกกดดันจากฝ่ายการเมืองให้เร่งออกหมายจับอย่างเร่งด่วนทันที เมี่อเทียบกับกรณีของกลุ่มพันธมิตรฯที่ปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งมีหลักฐานชัดเจนและมีอัตราโทษจำคุกตลอดชีวิตนั้น ตำรวจกลับออกหมายเรียกเพียงแค่ 2 ครั้งและคดีก็ยังไม่คืบหน้าใดๆ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ใช้อำนาจครอบงำ เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เลือกปฏิบัติระหว่างคน 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน
"จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายตน และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่ารับใช้นักการเมืองจนขาดความเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะเมื่อถึงเวลาผู้ที่สั่งการก็จะลอยตัวอยู่เหนือปัญหา คนที่จะรับกรรมก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ"
วานนี้ (24 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ว่า ขณะนี้มีการพักราชการพล.ต.ขัตติยะ และสังคมคงมองเห็นว่าความเหมาะสมเป็นอย่างไร ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ทหารที่อยู่ในกองทัพก็ต้องอยู่ในวินัย การที่จะไปประกาศตัวทำเหมือนกับว่าสามารถจะอยู่เหนือกฎหมาย ข่มขู่ได้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ต้องมีการดำเนินการ เพียงแต่กองทัพต้องระมัดระวัง คือไม่ดำเนินการให้เหมือนลักษณะยั่วยุ หรือให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย
"ก็ถูกต้อง ผมคิดว่าขณะนี้ที่กองทัพดำเนินการก็ถูกต้องแล้ว คือทำหน้าที่ ในการรักษากฎหมาย และระมัดระวังไม่ให้เรื่องลุกลามบานปลาย แต่ผมคิดว่าสังคมคงต้องมองเห็นว่าถ้าเราปล่อยให้ใครที่ทำตัวเหมือนกับจะอยู่เหนือกฎหมาย ข่มขู่คุกคามคนได้ก็ไม่ถูกต้อง"
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นปัญหาร้าวฉานระหว่าง 2 นายพล หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันมีคนพยายามให้เกิดความแตกแยกในทุกองค์กร แต่ตนคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือยึดความถูกต้อง ถ้าไม่ยึดความถูกต้องมันแก้อะไรไม่ได้ หากคิดว่ายอมๆ กันไป ถ้าอย่างนั้นต่อไปก็จะมีแต่ความวุ่นวายและความร้าวฉานก็จะเกิดขึ้นอยู่ดี ดีที่สุดคือยึดความถูกต้อง ไม่มีการกลั่นแกล้งใคร แต่ก็ละเว้นไม่ได้
ด้าน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง กล่าวว่าได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปรามแล้วในวันนี้ (24 ม.ค.) แต่คงต้อง ขอเลื่อนการเข้ารายงานตัวออกไปก่อน เนื่องจากต้องเดินทางไปร่วมงานชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง จ.พิษณุโลก ส่วนจะเข้าพบพนักงานสอบสวนเมื่อใด คงต้องดูความเหมาะสมก่อน ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นวันไหนเวลาไหน
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ออกหมายเรียก พล.ต.ขัตติยะ ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8, 38, 72 และ 74 และ พ.ร.บ.ควบคุม ยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 มาตรา 15 และ42 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 หลังเข้าตรวค้นบ้านพักภายในกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ (ม.พัน.4 ร.อ.) ย่านเกียกกาย พบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนจำนวนมาก ซึ่งต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปในกองบัญชาการกองทัพบก
ด้าน พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.นางเลิ้ง กล่าวว่า กองบัญชาการกองทัพบก ได้ส่งนายทหารเข้าแจ้งความกรณีเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน เอ็ม 79 ยิงใส่อาคารในกองบัญชาการกองทัพบกแล้วในวันที่มีการบุกตรวจค้นบ้าน พล.ต.ขัตติยะ แต่ในการแจ้งความดังกล่าวเป็นแจ้งให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ไม่ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ จึงไม่ได้เข้าตรวจสอบร่องรอย ในที่เกิดเหตุ ทั้งนี้เนื่องจากที่เกิดเหตุอยู่ในเขตทหาร ซึ่งทหารสามารถดำเนินการสอบสวนได้เอง ดังนั้นหากไม่ได้รับการร้องขอ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถไปตรวจสอบได้
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าคดีของ พล.ต.ขัตติยะ ซึ่งเป็นผู้ที่คิดแตกต่างและอยู่ขั้วตรงข้ามกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่ถูกกล่าวหา ทั้งๆที่ เพียงแค่ข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ถูกกดดันจากฝ่ายการเมืองให้เร่งออกหมายจับอย่างเร่งด่วนทันที เมี่อเทียบกับกรณีของกลุ่มพันธมิตรฯที่ปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งมีหลักฐานชัดเจนและมีอัตราโทษจำคุกตลอดชีวิตนั้น ตำรวจกลับออกหมายเรียกเพียงแค่ 2 ครั้งและคดีก็ยังไม่คืบหน้าใดๆ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ใช้อำนาจครอบงำ เจ้าหน้าที่ตำรวจให้เลือกปฏิบัติระหว่างคน 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน
"จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายตน และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่ารับใช้นักการเมืองจนขาดความเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะเมื่อถึงเวลาผู้ที่สั่งการก็จะลอยตัวอยู่เหนือปัญหา คนที่จะรับกรรมก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ"