ASTVผู้จัดการรายวัน - ธปท.มั่นใจแบงก์พาณิชย์จะปล่อยกู้มากขึ้น เหตุไม่มีความกังวลเหลืออีกแล้ว คาดใช้กลยุทธ์ออกเงินฝากพิเศษระดมทุน "แบงก์กลาง-เล็ก" แข่งรุนแรง ส่วนแบงก์ใหญ่เน้นรักษาฐานลูกค้า
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แจ้งว่า สายนโยบายสถาบันการเงินของธปท.ได้เผยแพร่บทความเรื่อง “บทบาทของสถาบันการเงินในช่วงรอยต่อของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ”ว่า แม้ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ยังไม่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นยังมีไม่มากนัก จึงมีผลกระทบต่อต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายโดยรวมยังน้อยอยู่ ทำให้ธนาคารพาณิชย์บางหันเริ่มหันมาใช้กลยุทธ์การระดมเงินฝากด้วยการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษแทน ถือเป็นวิธีการหนึ่งที่เป็นแนวโน้มที่ดีในการขยายตัวสินเชื่อในอนาคตด้วย
โดยในกรณีธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นความต้องการระดมทุนจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อรองรับการแข่งขันด้านการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มสูงขึ้น แตกต่างจากกรณีของธนาคารขนาดใหญ่ที่ต้องการจะรักษาฐานลูกค้าเงินฝากไว้ ภายใต้การแข่งขันที่ยังไม่รุนแรงนัก เนื่องจากสภาพคล่องยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจเองได้ออกผลิตภัณฑ์
เพื่อเร่งระดมเงินไว้รองรับการขยายตัวสินเชื่อ โดยเฉพาะตามโครงการสนับสนุนของภาครัฐเช่นเดียวกัน
ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าวสะท้อนให้เห็นสัญญาณว่าความต้องการสินเชื่อภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ธนาคารพาณิชย์มีความพร้อมมากขึ้นที่จะปล่อยสินเชื่อ และลดความกังวลในการปล่อยสินเชื่อแก่ภาคเอกชนลงเห็นได้จากทั้งการผ่อนคลายมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อและการให้ส่วนลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นจึงทำให้การขยายตัวของยอดคงค้างสินเชื่อล่าสุดในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่าช่วงที่ผ่านมา
“น่าจะเป็นสัญญาณว่ากระบวนการจำกัดการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์น่าจะเข้าสู่จุดสิ้นสุดแล้ว และสถาบันการเงินจะไม่ถือเป็นปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป”รายงานดังกล่าวระบุ
สำหรับการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินที่ดูแลงานด้านสินเชื่อ ณ ปลายไตรมาสที่ 4 ของปี 52 พบว่า ส่วนใหญ่คาดว่าความต้องการสินเชื่อทั้งจากภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนในไตรมาส 1 ของปีนี้จะขยายตัวต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันความเข้มงวดในมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อจะผ่อนคลายลงค่อนข้างมาก ประกอบกับปัจจุบันระบบธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่อง
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แจ้งว่า สายนโยบายสถาบันการเงินของธปท.ได้เผยแพร่บทความเรื่อง “บทบาทของสถาบันการเงินในช่วงรอยต่อของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ”ว่า แม้ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ยังไม่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นยังมีไม่มากนัก จึงมีผลกระทบต่อต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายโดยรวมยังน้อยอยู่ ทำให้ธนาคารพาณิชย์บางหันเริ่มหันมาใช้กลยุทธ์การระดมเงินฝากด้วยการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษแทน ถือเป็นวิธีการหนึ่งที่เป็นแนวโน้มที่ดีในการขยายตัวสินเชื่อในอนาคตด้วย
โดยในกรณีธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นความต้องการระดมทุนจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อรองรับการแข่งขันด้านการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มสูงขึ้น แตกต่างจากกรณีของธนาคารขนาดใหญ่ที่ต้องการจะรักษาฐานลูกค้าเงินฝากไว้ ภายใต้การแข่งขันที่ยังไม่รุนแรงนัก เนื่องจากสภาพคล่องยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจเองได้ออกผลิตภัณฑ์
เพื่อเร่งระดมเงินไว้รองรับการขยายตัวสินเชื่อ โดยเฉพาะตามโครงการสนับสนุนของภาครัฐเช่นเดียวกัน
ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าวสะท้อนให้เห็นสัญญาณว่าความต้องการสินเชื่อภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ธนาคารพาณิชย์มีความพร้อมมากขึ้นที่จะปล่อยสินเชื่อ และลดความกังวลในการปล่อยสินเชื่อแก่ภาคเอกชนลงเห็นได้จากทั้งการผ่อนคลายมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อและการให้ส่วนลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นจึงทำให้การขยายตัวของยอดคงค้างสินเชื่อล่าสุดในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่าช่วงที่ผ่านมา
“น่าจะเป็นสัญญาณว่ากระบวนการจำกัดการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์น่าจะเข้าสู่จุดสิ้นสุดแล้ว และสถาบันการเงินจะไม่ถือเป็นปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป”รายงานดังกล่าวระบุ
สำหรับการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินที่ดูแลงานด้านสินเชื่อ ณ ปลายไตรมาสที่ 4 ของปี 52 พบว่า ส่วนใหญ่คาดว่าความต้องการสินเชื่อทั้งจากภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนในไตรมาส 1 ของปีนี้จะขยายตัวต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันความเข้มงวดในมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อจะผ่อนคลายลงค่อนข้างมาก ประกอบกับปัจจุบันระบบธนาคารพาณิชย์มีสภาพคล่อง