แบงก์แห่ลด ดบ.กู้ เย้ย กนง.จนแต้มคุมตลาด คง ดบ.นโยบาย

ธปท.เผย แบงก์พาณิชย์ทยอยปรับลดดอกเบี้ย เป็นผลจากการหารือสัปดาห์ก่อน ไม่เกี่ยว กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% ย้ำยังลดได้อีก หากทำตามสูตรของ ธปท.ในการคิดต้นทุน บ่นอุบมาตรการหั่น ดบ.แค่เสือกระดาษ แบงก์แห่ลด ดบ.ฝาก เมินลด ดบ.กู้

นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร-พาณิชย์ขณะนี้ เป็นผลจากการที่ ธปท.พูดคุยทำความเข้าใจกับธนาคารแต่ละแห่ง หลังจากเสนอสูตรให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาไปเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา

“ยืนยันว่า ไม่มีนโยบายบีบบังคับ แต่ใช้วิธีทำความเข้าใจ ซึ่งในสัปดาห์หน้า สมาคมธนาคารไทย จะรายงานข้อสรุปจากการพิจารณามาให้ ธปท.รับทราบ โดยหากธนาคารพาณิชย์ทำตามสูตรที่ ธปท.เสนอไป เชื่อว่า จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ แต่ต้องพิจารณาต้นทุนหลายด้าน ไม่ใช่เฉพาะต้นทุนทางบัญชีเท่านั้น”

เขายอมรับว่า แต่ละธนาคารมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะหนี้ดีและหนี้เสียที่ไม่เท่ากัน ส่วนด้านการผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจนั้น ได้หารือกับธนาคารพาณิชย์ที่จะทำอย่างไรให้ธุรกิจที่ดำเนินอยู่มีน้ำหล่อเลี้ยง เพื่อให้เดินต่อไปได้ รวมทั้งผู้ประกอบการที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพการผลิตจะได้รับเงินทุนที่เพียงพอ ซึ่งธนาคารพาณิชย์ไม่ควรดูจากยอดคำสั่งซื้อเท่านั้น

ทั้งนี้ สภาพคล่องและความพร้อมของธนาคารพาณิชย์ขณะนี้ มีเพียงพอที่จะปล่อยสินเชื่อได้-เพิ่มขึ้น แต่จะกังวลเรื่อง NPL ที่เร่งตัวขึ้นมาบ้าง แต่ความแข็งแกร่งของเงินกองทุนน่าจะช่วยให้คลี่คลายความกังวลลงได้ และอาจเข้ามาหารือกับ ธปท.ในกรณีลูกหนี้จัดชั้น เพื่อให้ยืดหยุ่นหลักเกณฑ์ลง หากเป็นการจัดชั้นจากมุมมองในอนาคตของผลประกอบการลูกหนี้ ซึ่ง ธปท.เห็นว่าผู้ประกอบการบางรายอาจสะดุดไปบ้าง

โดยวานนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.25% หลังประกาศลดไปแล้วถึง 2.50% ในช่วง 5 เดือนหรือ 4 ครั้งที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไปแล้วประมาณ 70% ของระดับดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง หรือลดลงประมาณ 1.96% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดไปประมาณ 50% หรือประมาณ 1.19% และล่าสุด ณ วันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แท้จริงอยู่ที่ 7.05% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่แท้จริงอยู่ที่ 0.15%