ความเข้มข้นของสงครามการเมือง สาเหตุเกิดจากการดิ้นรนของทักษิณ ที่ใช้สมุนใกล้ชิด รวมทั้งสาวกที่หลงใหลอย่างไร้เหตุผลและไร้ความชอบธรรมแต่ถูกซื้อด้วยเงิน โดยเฉพาะเมื่อนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แม่ทัพหน้าที่หลงใหลความก้าวร้าวความรุนแรง ประกาศทำสงครามปฏิวัติประชาชนและอ้าง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง นายทหารรับจ้างทักษิณที่ไร้ค่าในกองทัพ ว่าจะเป็นผู้บริหารจัดการกำลังพลคนเสื้อแดง โดยจะเปิดศึกชิงเงิน 7.6 หมื่นล้านบาทคืนให้ทักษิณ โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง นัดพิพากษาคดียึดทรัพย์จำนวนนี้ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ที่จะถึงนี้ ตามที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยมีนายสมศักดิ์ เนตรชัย ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เป็นเจ้าของสำนวนคดี
รายละเอียดการไต่สวนพยานต่างๆ นั้น น่าจะมีหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบในการให้ข้อมูลประชาชนได้รับรู้ โดยให้มีการแปลความเป็นสำนวนภาษาง่าย ที่เข้าใจได้ง่าย เพื่อให้คนไทยได้รับรู้ข้อเท็จจริงวิธีการคดโกงชาติ หรือมีรูปคดีเป็นอย่างอื่นที่กฎหมายเอื้อมไม่ถึง เพราะขณะนี้เวลาล่วงเลยมา 3 ปีแล้ว หลังจากที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐได้เคยชี้แจ้งหลักการ หลักฐานและขบวนการสืบสวนสอบสวนในสาธารณชนได้รับรู้แต่เกรงว่าคนไทยจะลืม จึงควรทบทวนความจำกันใหม่
โดยตามชื่อของคณะกรรมการชุดนี้ก็ชัดเจนตามภาษาไทย เพราะหากว่าการกระทำของทักษิณมีความชัดเจนว่า ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐแล้ว ก็ถือได้ว่าเขาใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีทำให้รัฐเสียหายเป็นส่วนรวม เงิน 7.6 หมื่นบาท เงินจำนวนนี้ก็ต้องถูกยึดเป็นของรัฐ และมีการให้การของพยานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีทักษิณเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตคืนจากรัฐได้ ทำให้รัฐไม่ได้เม็ดเงินเข้ารัฐ ดังนั้นรัฐเสียหายกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพราะไม่สามารถนำรายได้จากการเสียภาษีสรรพสามิตเข้าสู่รัฐได้ และเมื่อ ครม.ของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ยกเลิกมติ ครม.ชุดทักษิณ กรมสรรพสามิต สามารถทำเงินเข้ารัฐได้ 1 พันกว่าล้านบาท ภายในเวลาเพียง 1 เดือน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเสื้อแดงกำลังเปิดศึกชิงเงิน 7.6 หมื่นล้านบาท โดยหวังให้เกิดแนวรบลักษณะการก่อกวน การข่มขู่ การสร้างภาพลวง การลดความน่าชื่อถือของรัฐ และแสดงความไม่ยำเกรงต่ออำนาจพระบารมี ทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่ที่ร้ายแรงยิ่งคือการปะทะกันของคนหลายฝ่ายทั้งฝ่ายรัฐและประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน ซึ่งเป็นความปรารถนาของพวกเสื้อแดง
ในการศึกนี้ นายอริสมันต์ ประกาศว่ามีพลพรรคเสื้อแดงและแนวร่วมมากกว่า 2 ล้านคน โดยแบ่งเป็นประชาชนทั่วไป 2 ล้านคน กองกำลังหลายฝ่ายทำหน้าที่เป็นกองหนุน พร้อมเคลื่อนพลได้ภายใน 1 ชั่วโมง โดยกำลังพลในส่วนนี้เป็นทหารพราน ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 3 หมื่นคน และยังมีกลุ่มอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยจากภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่อีกประมาณ 7– 8 หมื่นคน
ยุทธวิธีข่มขู่หรือสร้างความหวาดกลัวให้เกิดภายในหมู่ประชาชน และการสร้างความหวาดระแวงให้เกิดในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐนั้น เป็นยุทธวิธีที่ใช้แบบแพร่หลายในยุคปฏิวัติฝรั่งเศส โดยเฉพาะในยุคหฤโหดหรือ Reign of Terror เกิดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1793– กรกฎาคม ค.ศ. 1794 ซึ่งทำให้ฝรั่งเศสโดยเฉพาะกรุงปารีสอยู่ในห้วงกลียุค เกิดการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มจิรองแดงส์ (Girondins) กับกลุ่มจาโกแบงส์ (Jacobins) มีการฆ่ากันด้วยการประหารชีวิตด้วยกีโยติน หรือมีดโกนแห่งชาติ ประมาณ 16,000–40,000 คน รวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พระนางอารี อังตัวเนต พวกจิรองแดงส์ อันได้แก่พวกเสรีนิยม ชนชั้นกลางและนักวิชาการที่เกาะกันหลวมๆ ไม่เกาะกลุ่มเป็นพรรคการเมือง ซึ่งต่างกับกลุ่มจาโกแบงส์ที่เป็นสมาคมนำโดย แมกซิมิเลียน โรเบสเปียร์ (Maximilien Robespierre) ที่หัวก้าวร้าวนิยมความรุนแรงและความโหดเหี้ยม
แม้กระทั่งบิดาแห่งเคมีวิทยายุคใหม่ อังตัว ลาวัวซิแอร์ (Antoine Lavoisier) ถูกประหารชีวิตด้วยกิโยตินเช่นกัน
การอ้างว่าจะเอาอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หรืออดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยมาร่วมด้วยนั้น ดูเป็นการแอบอ้างมากกว่า เพราะแนวคิดของอดีตผู้นำเขตงาน 444 บริเวณเขตจังหวัดอุบลราชธานี และพื้นที่ตอนเหนือขึ้นไป สหายนิโรธ หรือสหายเจริญ หรือ สวัสดิ์ มหิศยา เสนาธิการคณะกรรมการจังหวัด ผู้รับผิดชอบเขตงาน 444 ให้ข้อคิดว่า “แต่เดิมที่พรรคคอมมิวนิสต์ขยายได้อย่างกว้างขวางนั้น ก็เพราะกลไกรัฐเขาใช้การทหารนำหน้าการเมือง เน้น 3 เรียบ คือ ฆ่าเรียบ ทำลายเรียบ เผาเรียบ แต่เมื่อระยะหลัง เสธ.หาญ พล.อ.หาญ ลีลานนท์ เอาการเมืองนำหน้าทหาร ในเขตอีสานนี้ ก็ได้ทำลายเงื่อนไขต่างๆ ที่ทางพรรคเคยนำมาโฆษณาปลุกระดมไปมาก ทำให้ทางพรรคไม่มีเงื่อนไข เราเห็นว่าในขณะนี้ทางกลไกรัฐเองมีการพัฒนา แต่ทางพรรคเองก็ไม่ยอมปรับแนวทางและนโยบายต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริง”
จึงเห็นได้ว่าอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยแถบอีสานมีแนวทางรักสันติและมีอุดมการณ์ หากเงื่อนไขที่สร้างโดยรัฐไม่ได้รับการปรับปรุงยังคงสร้างความไม่สมดุลในสังคม คนรักความเป็นธรรมยอมออกมาต่อต้านรัฐ ทักษิณสร้างความเป็นธรรมหรือ จึงต้องมองว่าอริสมันต์ กำลังทำอะไร แอบอ้างคนที่มีอุดมการณ์ทางสังคม และใช้ให้คนเหล่านี้ออกมาสนับสนุนคนโกงบ้าน โกงเมืองเป็นทุนนิยมสามานย์อย่างสมบูรณ์แบบ ใช้เงินรัฐที่เก็บภาษีจากคนเดินดินทั่วไป แต่ละเว้นเก็บภาษีของตนเอง แล้วทักษิณและพวกจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร เมื่อตัวเองไม่เป็นประชาธิปไตยในเชิงการคืนประโยชน์กับรัฐและประชาชน จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนมีอุดมการณ์จะออกมารวมกับทักษิณยกเว้นพวกจอมปลอม
แม้แต่ตัวอริสมันต์เอง ก็ไม่ใช่ผู้เข้าร่วมพัฒนาชาติไทยไม่เคยอยู่ป่า ในกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็มีตัวจริงเสียงของทหารป่าอยู่มากมาย แต่อริสมันต์กำลังจะแอบอ้างคนเหล่านี้ เพื่อประโยชน์ในการโฆษณาชวนเชื่อให้เหมือนกับว่ากำลังต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ หรือรัฐบาลทุนนิยมสามานย์ แต่แท้จริงแล้วกลุ่มคนเสื้อแดงกำลังทำการปฏิวัติประชาชน เพื่อหวังเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เพราะกลไกรัฐศาสตร์เฉพาะนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อพวกอนาธิปไตยหรือกลุ่มทุนนิยมสามานย์ ซึ่งลุ่มหลงความเป็นอัตตา จึงหวังใช้เงินทักษิณปฏิวัติ และการแสวงจุดร่วมนี้นำสู่กลียุค
แผนรุกฆาตของกลุ่มคนเสื้อแดงมิติ 360 องศา ขยายแนวรบสงครามการเมือง ทั้งแบบเย็นและร้อน เช่น การข่มขู่กดดันองคมนตรี คุกคามราชเลขาธิการสำนักพระราชวังซึ่งเท่ากับเขย่าความมั่นคงของระบบสถาบัน เพราะองคมนตรีเป็นที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ ข่มขู่กดดันนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ข่มขู่กดดันคณะกรรมการการเลือกตั้งมิให้ออกมาเดินดินได้ แต่ที่เลวร้ายที่สุดอริสมันต์บังอาจประกาศจะไปยืนถวายรายงานในหลวงเรื่องเขายายเที่ยงที่โรงพยาบาลศิริราช นายอริสมันต์กำลังต้องการให้เกิดความรุนแรงในสังคมเพราะรู้ว่าต้องมีคนออกมาพิทักษ์ในหลวง นี่คือแนวคิดอนาธิปไตยต่อต้านสถาบันตัวจริง
การสร้างภาพลวงตาว่ามีทหารตำรวจเข้าร่วมขบวนการพรรคเพื่อไทย หรือพลพรรคคนเสื้อแดง แต่ตามข้อเท็จจริงแล้วทหารเหล่านั้นไม่มีค่าอะไรเลย เพราะกองทัพก็ยังเป็นกองทัพ มีกรอบวินัยในการบริหารจัดการ และเสธ.แดง เองก็คงจะต้องรับกรรมจากการผิดวินัยทหาร เมื่อเวลามาถึงเพราะการกล่าวร้ายผู้บังคับบัญชาเหนือตนเป็นเรื่องร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเรื่องส่วนตัว และกรณีนี้จะต้องเป็นตัวอย่างของกองทัพ มิฉะนั้น แม้กระทั่งนักการเมืองปลายแถวก็ใช้ทหารบางคนในการบ่อนทำลายกองทัพได้อย่างง่ายดายในอนาคต
การทำลายศรัทธากองทัพก่อนที่จะถึงการรบขั้นแตกหักสงครามกลางเมืองปฏิวัติประชาชนในเขตเมืองนั้นเป็นแผนทำลายกองทัพ กองทัพบกซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบความมั่นคงภายในตามกฎหมายการบริหารประเทศในภาวะไม่ปกติ ซึ่งทำให้ประชาคมโลกเห็นว่าระบบการรักษาความปลอดภัยของกองทัพอ่อนแอ การประเมินความไม่มีเสถียรภาพของชาติต่างประเทศย่อมส่งผลทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม กองทัพบกจะต้องรีบจัดการปรับภาพลักษณ์นี้โดยเร็ว ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งสามเหล่าทัพต้องร่วมมือกันหาคนร้ายให้ได้
ความเด็ดขาดของรัฐบาล ความกล้าหาญของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และจุดยืนของกองทัพจะต้องชัดเจนมั่นคง เพราะนี่คือสมรภูมิในพื้นที่ในใจของคนไทยที่ทักษิณกำลังเดิมพันอยู่
nidd.riddhagni@gmail.com
รายละเอียดการไต่สวนพยานต่างๆ นั้น น่าจะมีหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบในการให้ข้อมูลประชาชนได้รับรู้ โดยให้มีการแปลความเป็นสำนวนภาษาง่าย ที่เข้าใจได้ง่าย เพื่อให้คนไทยได้รับรู้ข้อเท็จจริงวิธีการคดโกงชาติ หรือมีรูปคดีเป็นอย่างอื่นที่กฎหมายเอื้อมไม่ถึง เพราะขณะนี้เวลาล่วงเลยมา 3 ปีแล้ว หลังจากที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐได้เคยชี้แจ้งหลักการ หลักฐานและขบวนการสืบสวนสอบสวนในสาธารณชนได้รับรู้แต่เกรงว่าคนไทยจะลืม จึงควรทบทวนความจำกันใหม่
โดยตามชื่อของคณะกรรมการชุดนี้ก็ชัดเจนตามภาษาไทย เพราะหากว่าการกระทำของทักษิณมีความชัดเจนว่า ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐแล้ว ก็ถือได้ว่าเขาใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีทำให้รัฐเสียหายเป็นส่วนรวม เงิน 7.6 หมื่นบาท เงินจำนวนนี้ก็ต้องถูกยึดเป็นของรัฐ และมีการให้การของพยานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีทักษิณเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตคืนจากรัฐได้ ทำให้รัฐไม่ได้เม็ดเงินเข้ารัฐ ดังนั้นรัฐเสียหายกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพราะไม่สามารถนำรายได้จากการเสียภาษีสรรพสามิตเข้าสู่รัฐได้ และเมื่อ ครม.ของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ยกเลิกมติ ครม.ชุดทักษิณ กรมสรรพสามิต สามารถทำเงินเข้ารัฐได้ 1 พันกว่าล้านบาท ภายในเวลาเพียง 1 เดือน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนเสื้อแดงกำลังเปิดศึกชิงเงิน 7.6 หมื่นล้านบาท โดยหวังให้เกิดแนวรบลักษณะการก่อกวน การข่มขู่ การสร้างภาพลวง การลดความน่าชื่อถือของรัฐ และแสดงความไม่ยำเกรงต่ออำนาจพระบารมี ทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่ที่ร้ายแรงยิ่งคือการปะทะกันของคนหลายฝ่ายทั้งฝ่ายรัฐและประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน ซึ่งเป็นความปรารถนาของพวกเสื้อแดง
ในการศึกนี้ นายอริสมันต์ ประกาศว่ามีพลพรรคเสื้อแดงและแนวร่วมมากกว่า 2 ล้านคน โดยแบ่งเป็นประชาชนทั่วไป 2 ล้านคน กองกำลังหลายฝ่ายทำหน้าที่เป็นกองหนุน พร้อมเคลื่อนพลได้ภายใน 1 ชั่วโมง โดยกำลังพลในส่วนนี้เป็นทหารพราน ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 3 หมื่นคน และยังมีกลุ่มอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยจากภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่อีกประมาณ 7– 8 หมื่นคน
ยุทธวิธีข่มขู่หรือสร้างความหวาดกลัวให้เกิดภายในหมู่ประชาชน และการสร้างความหวาดระแวงให้เกิดในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐนั้น เป็นยุทธวิธีที่ใช้แบบแพร่หลายในยุคปฏิวัติฝรั่งเศส โดยเฉพาะในยุคหฤโหดหรือ Reign of Terror เกิดขึ้นระหว่างเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1793– กรกฎาคม ค.ศ. 1794 ซึ่งทำให้ฝรั่งเศสโดยเฉพาะกรุงปารีสอยู่ในห้วงกลียุค เกิดการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มจิรองแดงส์ (Girondins) กับกลุ่มจาโกแบงส์ (Jacobins) มีการฆ่ากันด้วยการประหารชีวิตด้วยกีโยติน หรือมีดโกนแห่งชาติ ประมาณ 16,000–40,000 คน รวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 พระนางอารี อังตัวเนต พวกจิรองแดงส์ อันได้แก่พวกเสรีนิยม ชนชั้นกลางและนักวิชาการที่เกาะกันหลวมๆ ไม่เกาะกลุ่มเป็นพรรคการเมือง ซึ่งต่างกับกลุ่มจาโกแบงส์ที่เป็นสมาคมนำโดย แมกซิมิเลียน โรเบสเปียร์ (Maximilien Robespierre) ที่หัวก้าวร้าวนิยมความรุนแรงและความโหดเหี้ยม
แม้กระทั่งบิดาแห่งเคมีวิทยายุคใหม่ อังตัว ลาวัวซิแอร์ (Antoine Lavoisier) ถูกประหารชีวิตด้วยกิโยตินเช่นกัน
การอ้างว่าจะเอาอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย หรืออดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยมาร่วมด้วยนั้น ดูเป็นการแอบอ้างมากกว่า เพราะแนวคิดของอดีตผู้นำเขตงาน 444 บริเวณเขตจังหวัดอุบลราชธานี และพื้นที่ตอนเหนือขึ้นไป สหายนิโรธ หรือสหายเจริญ หรือ สวัสดิ์ มหิศยา เสนาธิการคณะกรรมการจังหวัด ผู้รับผิดชอบเขตงาน 444 ให้ข้อคิดว่า “แต่เดิมที่พรรคคอมมิวนิสต์ขยายได้อย่างกว้างขวางนั้น ก็เพราะกลไกรัฐเขาใช้การทหารนำหน้าการเมือง เน้น 3 เรียบ คือ ฆ่าเรียบ ทำลายเรียบ เผาเรียบ แต่เมื่อระยะหลัง เสธ.หาญ พล.อ.หาญ ลีลานนท์ เอาการเมืองนำหน้าทหาร ในเขตอีสานนี้ ก็ได้ทำลายเงื่อนไขต่างๆ ที่ทางพรรคเคยนำมาโฆษณาปลุกระดมไปมาก ทำให้ทางพรรคไม่มีเงื่อนไข เราเห็นว่าในขณะนี้ทางกลไกรัฐเองมีการพัฒนา แต่ทางพรรคเองก็ไม่ยอมปรับแนวทางและนโยบายต่างๆ ให้สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริง”
จึงเห็นได้ว่าอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยแถบอีสานมีแนวทางรักสันติและมีอุดมการณ์ หากเงื่อนไขที่สร้างโดยรัฐไม่ได้รับการปรับปรุงยังคงสร้างความไม่สมดุลในสังคม คนรักความเป็นธรรมยอมออกมาต่อต้านรัฐ ทักษิณสร้างความเป็นธรรมหรือ จึงต้องมองว่าอริสมันต์ กำลังทำอะไร แอบอ้างคนที่มีอุดมการณ์ทางสังคม และใช้ให้คนเหล่านี้ออกมาสนับสนุนคนโกงบ้าน โกงเมืองเป็นทุนนิยมสามานย์อย่างสมบูรณ์แบบ ใช้เงินรัฐที่เก็บภาษีจากคนเดินดินทั่วไป แต่ละเว้นเก็บภาษีของตนเอง แล้วทักษิณและพวกจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร เมื่อตัวเองไม่เป็นประชาธิปไตยในเชิงการคืนประโยชน์กับรัฐและประชาชน จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนมีอุดมการณ์จะออกมารวมกับทักษิณยกเว้นพวกจอมปลอม
แม้แต่ตัวอริสมันต์เอง ก็ไม่ใช่ผู้เข้าร่วมพัฒนาชาติไทยไม่เคยอยู่ป่า ในกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็มีตัวจริงเสียงของทหารป่าอยู่มากมาย แต่อริสมันต์กำลังจะแอบอ้างคนเหล่านี้ เพื่อประโยชน์ในการโฆษณาชวนเชื่อให้เหมือนกับว่ากำลังต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ หรือรัฐบาลทุนนิยมสามานย์ แต่แท้จริงแล้วกลุ่มคนเสื้อแดงกำลังทำการปฏิวัติประชาชน เพื่อหวังเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เพราะกลไกรัฐศาสตร์เฉพาะนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อพวกอนาธิปไตยหรือกลุ่มทุนนิยมสามานย์ ซึ่งลุ่มหลงความเป็นอัตตา จึงหวังใช้เงินทักษิณปฏิวัติ และการแสวงจุดร่วมนี้นำสู่กลียุค
แผนรุกฆาตของกลุ่มคนเสื้อแดงมิติ 360 องศา ขยายแนวรบสงครามการเมือง ทั้งแบบเย็นและร้อน เช่น การข่มขู่กดดันองคมนตรี คุกคามราชเลขาธิการสำนักพระราชวังซึ่งเท่ากับเขย่าความมั่นคงของระบบสถาบัน เพราะองคมนตรีเป็นที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ ข่มขู่กดดันนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ข่มขู่กดดันคณะกรรมการการเลือกตั้งมิให้ออกมาเดินดินได้ แต่ที่เลวร้ายที่สุดอริสมันต์บังอาจประกาศจะไปยืนถวายรายงานในหลวงเรื่องเขายายเที่ยงที่โรงพยาบาลศิริราช นายอริสมันต์กำลังต้องการให้เกิดความรุนแรงในสังคมเพราะรู้ว่าต้องมีคนออกมาพิทักษ์ในหลวง นี่คือแนวคิดอนาธิปไตยต่อต้านสถาบันตัวจริง
การสร้างภาพลวงตาว่ามีทหารตำรวจเข้าร่วมขบวนการพรรคเพื่อไทย หรือพลพรรคคนเสื้อแดง แต่ตามข้อเท็จจริงแล้วทหารเหล่านั้นไม่มีค่าอะไรเลย เพราะกองทัพก็ยังเป็นกองทัพ มีกรอบวินัยในการบริหารจัดการ และเสธ.แดง เองก็คงจะต้องรับกรรมจากการผิดวินัยทหาร เมื่อเวลามาถึงเพราะการกล่าวร้ายผู้บังคับบัญชาเหนือตนเป็นเรื่องร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเรื่องส่วนตัว และกรณีนี้จะต้องเป็นตัวอย่างของกองทัพ มิฉะนั้น แม้กระทั่งนักการเมืองปลายแถวก็ใช้ทหารบางคนในการบ่อนทำลายกองทัพได้อย่างง่ายดายในอนาคต
การทำลายศรัทธากองทัพก่อนที่จะถึงการรบขั้นแตกหักสงครามกลางเมืองปฏิวัติประชาชนในเขตเมืองนั้นเป็นแผนทำลายกองทัพ กองทัพบกซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบความมั่นคงภายในตามกฎหมายการบริหารประเทศในภาวะไม่ปกติ ซึ่งทำให้ประชาคมโลกเห็นว่าระบบการรักษาความปลอดภัยของกองทัพอ่อนแอ การประเมินความไม่มีเสถียรภาพของชาติต่างประเทศย่อมส่งผลทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม กองทัพบกจะต้องรีบจัดการปรับภาพลักษณ์นี้โดยเร็ว ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งสามเหล่าทัพต้องร่วมมือกันหาคนร้ายให้ได้
ความเด็ดขาดของรัฐบาล ความกล้าหาญของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และจุดยืนของกองทัพจะต้องชัดเจนมั่นคง เพราะนี่คือสมรภูมิในพื้นที่ในใจของคนไทยที่ทักษิณกำลังเดิมพันอยู่
nidd.riddhagni@gmail.com