xs
xsm
sm
md
lg

ครูไม่รับครุภัณฑ์SP2 แฉเรียกค่าลดสเปก30%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมาคมครูอาชีวศึกษามีมติไม่รับครุภัณฑ์ไทยเข้มแข็งที่แพงเกินจริง แฉบิ๊กการเมืองสั่งล็อกสเปกครุภัณฑ์เอื้อประโยชน์กลุ่มธุรกิจ กมธ.พบ เผยสเปกครุภัณฑ์ทำเสร็จนานแล้ว แต่ถูก“ผู้มีอำนาจ”ดึงไม่นำเผยแพร่ทางเว็บไซต์ เดินเกมเรียกใต้โต๊ะ 30% แลกลดสเปก


วานนี้ (20 ม.ค.) นายธีรพัฒน์ คำคูบอน อุปนายกสมาคมครูอาชีวศึกษา กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดซื้อจัดจ้างภายใต้โครงการปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง(SP2) ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)ว่า ตนขอยืนยันว่าสเปกกลางครุภัณฑ์ที่ส่งไปให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาทั่วประเทศ มีการล็อกสเปกตั้งแต่ต้นทาง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มพ่อค้า กลุ่มธุรกิจ รายใด รายหนึ่ง ทำให้เกิดปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ในหลายวิทยาลัย หลายจังหวัด ส่งผลให้มีผู้ชนะการประมูลเป็นผู้ประกอบการรายเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะให้อำนาจวิทยาลัยอาชีวศึกษา เป็นผู้จัดซื้อก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถซื้อนอกสเปกที่ล็อคไว้ตั้งแต่ต้นทางได้ นอกจากนี้ยังพบพิรุธว่าสินค้ารุ่นเดียวกัน สเปกเหมือนกัน บริษัทเดียวกัน แต่ราคาแตกต่างกันมาก เช่น เครื่องเชื่อม มีการตั้งราคากลางไว้ วิทยาลัยบางแห่งซื้อได้ราคาแพง บางวิทยาลัยซื้อได้ต่ำกว่าราคากลางมาก

นายธีรพัฒน์ กล่าวอีกว่า มีหลักฐานการล็อกสเปก รวมถึงความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ เป็นของจริงจากครูอาจารย์ ในพื้นที่ ซึ่งเตรียมนำข้อมูล ข้อเท็จจริงมาเปิดเผยสู่สาธารณชน เพราะเชื่อว่าสเปกกลางที่จัดทำขึ้น มีเงื่อนงำเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการเมืองและขอย้ำว่าองค์กรครูไม่มีมวยล้มต้มคนดู

“วิทยาลัยอาชีวศึกษา 415 แห่งมีมติร่วมกันที่จะไม่รับวัสดุครุภัณฑ์การฝึก ราคาแพงเกินจริง ครุภัณฑ์ด้อยคุณภาพไม่ตรงความต้องการใช้ในการเรียนการสอน ที่สำคัญมีที่มาคลุมเครือ มีผลประโยชน์แอบแฝง ภายในสัปดาห์นี้ สมาคมครูอาชีวศึกษาจะลงพื้นที่ ตรวจสอบครุภัณฑ์ ที่วิทยาลัยที่ได้รับมอบครุภัณฑ์ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง”

ขณะที่ นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา กล่าวว่า ผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง งบโครงการไทยเข้มแข็งประจำปี 2553 ของ สอศ.ที่มีนายนิวัตร นาคะเวช เป็นประธาน ซึ่ง น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธิ์ รมช.ศึกษาธิการ แถลงผลไปก่อนหน้านี้ ตนมีข้อสังเกตว่า แม้ผลสอบสวนจะมีข้อเท็จจริงรองรับอยู่บางส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด จึงเป็นห่วงว่าผลการสอบสวนดังกล่าวอาจทำให้สังคมสับสนในข้อเท็จจริงที่เป็นปัญหาว่า สอศ. มีปัญหาอยู่ที่ใด และอย่างไรกันแน่

นายสิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนครุภัณฑ์กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่อยู่ในโครงการยกระดับคุณภาพอาชีวะศึกษาสู่ความทันสมัย 6 รายการ ประมาณ 600 ล้านบาท และโครงการปัจจัยสนับสนุนการศึกษา 16 รายการ จำนวน 660 ล้านบาท ทั้ง 2 โครงการนี้ผลสอบที่ออกมาสรุปว่า มีการกำหนดสเปกล่าช้าผิดปกตินั้น ไม่น่าจะถูกต้อง เมื่อเทียบกับผลจากการตรวจสอบของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา เพราะข้อเท็จจริงที่คณะกรรมาธิการฯ พบ การจัดทำสเปกเสร็จตั้งแต่เดือน ก.ค.2552 มีเพียงการปรับรหัสเรียกให้ตรงกับของสำนักงบประมาณเมื่อเดือน ต.ค. 2552 เท่านั้น จึงถือว่าสเปกสมบูรณ์มานานแล้ว

“ปัญหาอยู่ที่สเปกอาจดีเกินไป หรือตึงเกินไป จึงทำให้ สอศ. ไม่ยอมให้เดินหน้าตามขั้นตอนปกติ คือ นำเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของ สอศ. เพื่อเปิดเผยต่อสาธารณะให้เกิดการตรวจสอบหรือประชาพิจารณ์ ทั้งๆ ที่มีข่าววิพากษ์ วิจารณ์กันอย่างหนักหน่วง ว่าผู้มีอำนาจเรียก 30% จากบริษัทที่ตกลงรับงาน โดยบริษัทมีเงื่อนไขว่าให้ผู้มีอำนาจต้องไปแก้สเปกครุภัณฑ์ และทั้งๆ ที่คณะกรรมาธิการฯ วุฒิสภาทำหนังสือขอให้ส่งสเปกมาเปิดเผยและให้ขึ้นเว็บไซต์ สอศ. แต่ผู้มีอำนาจก็ไม่ยอมดำเนินการ จึงอยากถามว่าที่ล่าช้า เพราะพยายามแก้สเปกเพื่อเอื้อบริษัทเอกชนใช่หรือไม่” นายสิริวัฒน์ กล่าว

นายสิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตนขอเรียกร้องต่อผู้บริหารอาชีวะและบุคคลภายนอกอื่นๆ ว่าถ้าหากถูกเชิญให้เข้าไปแก้สเปกอย่างไม่เปิดกว้าง เพื่อล็อกและลดหย่อนให้เกิดประโยชน์เฉพาะผู้มีอำนาจและบริษัทบางแห่ง ก็ขอร้องว่าอย่าทำ ให้คำนึงถึงลูกหลานที่จะเรียนรู้กับครุภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของสถานศึกษา พร้อมทั้งขอฝากนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศธ.คนใหม่ว่าให้เข้ามากำกับดูแล สอศ.ให้ใกล้ชิดหากต้องการจะจัดการกับปัญหาการทุจริตจริง ตนยินดีที่จะให้ข้อมูลในการทางลึกเพิ่มเติม และฝากให้ดูแลกำลังใจของข้าราชการประจำที่ทำงานตรงไปตรงมา เพราะตอนนี้บางคนที่ไม่สนองประโยชน์ของผู้มีอำนาจกลับถูกย้ายอย่างไม่เป็นธรรมแล้ว

“คณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ตั้งใจที่จะสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งคาดว่า 2 สัปดาห์นับจากนี้ก็น่าจะเสร็จ โดยในวันที่ 21 ม.ค.นี้ จะได้เชิญนายพรหมสวัสดิ์ ทิพย์คงคา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา” นายสิริวัฒน์ กล่าว

ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศธ. กล่าวว่า ตนได้รับการชี้แจงเบื้องต้นจาก น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศธ.โดยได้มอบนโยบายเป็น 2 แนวทาง คือ 1.ต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ 2.ต้องไม่ให้ข้อกล่าวหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการที่นักเรียนที่จะได้ประโยชน์จากโครงการ SP2 เพราะเป็นการลงทุนด้านการศึกษา จึงอยากให้มีความชัดเจนว่าโครงการใดที่ตรวจสอบแล้วถูกต้องก็ให้เดินหน้าต่อไปแต่หากโครงการใดยังไม่ถูกต้องก็ควรระงับเอาไว้ก่อน และยืนยันว่าหากพบโครงการใดไม่โปร่งใสก็จะดำเนินการทันที และมั่นใจว่าจะไม่ซ้ำรอยกับกระทรวงสาธารณสุข 100%

ส่วนที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สธ.เดินทางมารับตำแหน่ง พร้อมกับนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รมช.สธ. โดยนายจุรินทร์ กล่าวมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สธ.ว่า ภารกิจที่ได้รับมอบหมายในช่วงต้นมี 2 ส่วน คือ 1 การเข้ามาแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ. ซึ่งเป็นสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ตนดำเนินการเรื่องดังกล่าว โดยจะทำให้ผลสอบของคณะกรรมการสอบสวน ที่มี นพ.บรรรลุ ศิริพานิช เป็นประธานมาดำเนินการต่อให้จบกระบวนการสอบสวน2. เร่งเดินหน้านโยบายของรัฐบาลสู่ความเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

“ภายในสัปดาห์นี้จะมีการทาบทามคณะกรรมการ โดยมาจากบุคคลภายนอกกระทรวง แต่เชื่อว่าจะเป็นคนที่ทุกคนให้การยอมรับอย่างแน่นอน ส่วนสัดส่วนคณะกรรมการจะเป็นหมอหรือไม่ มีใครบ้าง คงต้องรอให้ได้ประธานคณะกรรมการก่อน” นายจุรินทร์กล่าว

นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนขอประกาศยุติการการให้สถานพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ ชี้แจงข้อมูลการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางแพทย์และโครงการสิ่งก่อสร้างในงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็ง ที่ไม่ตรงตามความเป็นความจริงของผลตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.พร้อมกับยุติการโฆษณาประชาสัมพันธ์ชี้แจงโครงการไทยเข้มแข็งผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ เนื่องจากจะรอความเป็นธรรมจากคณะกรรมการสอบสวนที่นายจุรินทร์แต่งตั้ง

ด้าน พญ.อรพรรณ์ เมธาดิลกกุล แพทย์ประจำโรงพยาบาลราชวิถี และผู้ประสานงานคณะแพทย์และบุคคลเพื่อความถูกต้องกรณีกล่าวหา สธ.ทุจริตงบไทยเข้มแข็ง กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะนำผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ มาต่อยอด สอบสวนผู้ที่ถูกพาดพิง หรือยึดตามผลการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ ชุดนี้ เพราะถือเป็นรายงานอัปยศเนื่องจากผลการตรวจสอบไม่ใช่ข้อเท็จจริงแต่เป็นความเห็นของคณะกรรมการเท่านั้น ดังนั้น ควรเริ่มจากการตรวจสอบที่เป็นไปตามมาตรฐาน.
กำลังโหลดความคิดเห็น