“ไทยเข้มแข็ง” กระทรวงศึกษาฯ ไม่น้อยหน้า คกก.สรุปผลสอบจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวะ ส่อเค้าฮั้วประมูล พบความผิดปกติครุภัณฑ์ 4 กลุ่ม “ยาง โพลิเมอร์ เซรามิก ศิลปกรรม” เสนอราคาต่ำกว่าราคากลาง 60% เผยเอกชน 5 รายชนะการประมูลในทุกแห่ง “ชนิศรา” สั่งตั้งกรรมการเพิ่ม 2 ชุด สอบซ้ำ ดึง สตง.ร่วม คาด 2 สัปดาห์เสร็จ หากพบผู้บริหารเอี่ยว ส่ง ปปช.ฟันทันที
น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยรายงานคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ ภายใต้โครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ปี 2553 หรือ SP2 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จำนวน 5,000 ล้านบาทว่า พบว่าปัญหาอยู่ที่วิธีการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ซึ่งผู้ชนะการประมูล เป็นรายเดียวกันในหลายรายการ ทั้งที่งบประมาณ และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง กระจายไปตามวิทยาลัยอาชีวศึกษาต่างที่กัน ส่อเค้าการสมยอม หรือฮั้วประมูล ซึ่งบางรายการ ราคาที่ประมูลได้มีความผิดปกติ ราคาต่ำกว่าราคากลางถึงร้อยละ 60
“จุดที่พบความผิดปกติ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มยาง โพลิเมอร์ เซรามิค และศิลปกรรม ซึ่งต้องตรวจสอบลงรายละเอียดว่า มีการสมยอมในการเสนอราคาหรือไม่ บางรายการเสนอต่ำกว่าราคากลาง ถึงร้อยละ 60 บางรายการ ร้อยละ 15-25 เปอร์เซนต์ ราคาแตกต่างกันค่อนข้างมาก นอกจากนี้มีผู้ประกอบการ 4-5 ราย ชนะการประมูลทุกแห่งในพื้นที่ภาคกลาง”
ยื้อตั้ง กก.2 ชุดสอบซ้ำ
รมช.ศธ.กล่าวต่อว่า เพื่อตรวจสอบความผิดปกติเหล่านี้ ตนจึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรก มี นายนพพร สุวรรณรุจิ ผู้ตรวจราชการ ศธ.เป็นประธาน คณะกรรมการประกอบด้วย นายปัญญา แก้วเกยูร ผอ.สำนักอำนวยการ สพฐ., ผู้แทนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน, ผู้แทนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และนายณัฐชัย ใจเย็น นิติกร สำนักงาน สป. ชุดที่ 2 นายกิจสุวัฒน์ หงส์เจริญ ผู้ตรวจราชการ ศธ.เป็นประธาน คณะกรรมการประกอบด้วย นายพิชัย แก้วสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเอกชน,ผู้แทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน,ผู้แทนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และ นายวุฒิชัย ธรรมยา นิติกร สำนักงาน สป.
ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ หากผลการตรวจสอบพบว่ามีผู้บริหารเข้ามาเกี่ยวข้อง จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อไป และจะพิจารณาว่าควรดำเนินการเดินหน้าจัดซื้อจัดจ้างต่อไป หรือจะทบทวนการจัดซื้อ เพราะขณะนี้ได้มีการสั่งระงับการจัดซื้อเอาไว้ โดยได้ให้ไปศึกษาเกี่ยวกับข้อกฎหมายด้วย เพราะสถานศึกษาบางแห่ง ลงนามสัญญากับบริษัทไปแล้ว จึงต้องดูรายละเอียดอย่างรอบคอบ
น.ส.นริศรา กล่าวอีกว่า การตั้ง นายนิวัตร นาคะเวช รองปลัด ศธ.เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อและจัดจ้าง ซึ่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงออกมาดังที่ปรากฏ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการร้องเรียนถึงการจัดสรรครุภัณฑ์ให้กับสถานศึกษาว่าไม่เป็นธรรม เพราะมีลักษณะของการกระจุกตัวมากกว่าจะจัดสรรอย่างทั่วถึง มีการร้องเรียนว่ามีการจัดสรรรายการครุภัณฑ์บางรายการให้สถานศึกษาโดยทางสถานศึกษาไม่ได้ร้องขอ มีการร้องเรียนจากผู้ประกอบการว่าการจัดทำคุณลักษณะเฉพาะของครุภัณฑ์บางรายการเอื้อประโยชน์กับผู้ประกอบการบางกลุ่ม ซึ่งเข้าข่ายการล็อกสเปค หรือกีดกันการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม รวมไปถึงการกำหนดราคาครุภัณฑ์บางรายการสูงผิดปกติ อีกทั้งยังได้รับข้อมูลจากการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร และข้อทักท้วงจากคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ในเรื่องดังกล่าวด้วย
“ส.ครูอาชีวะ” จี้ “นริศรา” รับผิด
“สมาคมครูอาชีวะ” ชี้ผลสอบจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวะ งบ SP2 ทำแบบรวบรัด ลูบหน้าปะจมูก เย้ยไม่มีทางสาวถึงตัวใหญ่เหมือนอย่างผลสอบทุจริต สธ. อัด “นริศรา” ตั้งกรรมการสอบเพิ่มแค่ยื้อเวลา เตรียมนัด “ชินวรณ์” เปิดโปงข้อมูล พร้อมแสดงพลังอาชีวะทั่วประเทศ แต่งดำ ลงสัตยาบรรณไม่รับของผิดสเปก 30 ม.ค.นี้
นายธีรพัฒน์ คำคูบอน ประธานที่ปรึกษาสหภาพครูแห่งชาติ และอุปนายกสมาคมครูอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงผลรายงานการตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อและจัดจ้างครุภัณฑ์ ภายใต้งบไทยเข้มแข็ง (SP2) ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ที่มี นายนิวัตร นาคะเวช รองปลัด ศธ. เป็นประธาน ว่า เป็นผลสรุปแบบรวบรัด มีการลูบหน้าปะจมูก หากจะเอาให้ได้ผลสอบที่ชัดเจนจริงๆ ต้องนำตัวแทนจากภายนอกเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งการสอบจัดซื้อจัดจ้างของอาชีวะนั้นไม่มีทางที่จะได้ข้อสรุปเหมือนอย่างของกระทรวงสาธารณสุข คนใหญ่ๆ โตๆ รอดตามระเบียบ ส่วนคนที่โดนก็มีแต่ข้าราชการของ สอศ. นอกจากนี้ ที่ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบเพิ่ม อีก 2 ชุดนั้นก็ถือเป็นการยื้อเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เรื่องนี้ น.ส.นริศรา ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ อยู่แล้ว ที่ปล่อยให้มีการล็อคสเปกเพื่อเอื้อประโยชน์กับพวกพ้อง มีการกำหนดบริษัทที่ได้รับการประมูลมาหมดแล้ว โดยที่บริษัทอื่นที่เข้าแข่งขันไม่มีทางที่จะได้ชนะการประมูล” นายธีรพัฒน์ กล่าว
ส่งข้อมูลโกงฟ้อง"ชินวรณ์"นัดแต่งดำประท้วง
นายธีรพัฒน์กล่าวด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 ม.ค.) ตนพร้อมด้วยตัวแทนจากสมาคมครูอาชีวะฯ จะแสดงความยินดีกับ นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ รมว.ศธ.คนใหม่ หลังจากนัดจะนัดหมายเพื่อนำข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ของอาชีวะ พร้อมด้วยประเด็นปัญหาต่างๆ มอบให้แก่นายชินวรณ์ นอกจากนี้ในวันที่ 30 ม.ค.นี้ สมาคมครูอาชีวะฯ พร้อมด้วยตัวแทนจากวิทยาลัยอาชีวะทั่วประเทศ กว่า 500 คน ก็เตรียมจัดประชุมใหญ่ในแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ เสนอต่อนายชินวรณ์ด้วย อย่างไรก็ตามในวันดังกล่าวอาจมีแสดงพลังของคนอาชีวะ โดยการนัดแต่งดำ พร้อมทั้งลงประกาศสัตยบรรณในการไม่รับของผิดสเปก ราคาแพงกว่าความเป็นจริง ด้วย
ในวันเดียวกันนี้ ทางด้าน นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ได้เปิดประชุมทางไกลหรือเทเลคอนเฟอร์เรนซ์ ไปยังผู้บริหารโรงเรียน 500 แห่ง และ185 เขตพื้นที่การศึกษา เพื่อซักซ้อมความเข้าใจและความรู้เรื่องคุณลักษณะ หรือสเปคที่ชัดเจน ของคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา กว่า 4 แสนเครื่อง ที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 หรือเอสพี 2 ซึ่งคอมพิวเตอร์ มีบางประเด็นปัญหาทางเทคนิค และระเบียบวิธีการทางกฎหมาย ที่ ทุกฝ่ายต้องมีความเข้าใจที่ตรงกัน แต่จะไม่ทบทวนสเปคกลาง ที่จัดทำไว้ เพราะเป็นสเปคที่ผ่านการประชาพิจารณ์ และเปิดกว้างอยู่แล้ว ขอย้ำให้เจ้าหน้าที่ สพฐ. และวิทยบูรณากร วางตัวเป็นกลางในการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ทำเกินบทบาทหน้าที่ ขณะนี้ สพฐ.ได้โอนงบไทยเข้มแข็งลงสู่เขตพื้นที่การศึกษาแล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างของโรงเรียน และเขตพื้นที่การศึกษา
น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยรายงานคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ ภายใต้โครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ปี 2553 หรือ SP2 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จำนวน 5,000 ล้านบาทว่า พบว่าปัญหาอยู่ที่วิธีการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ซึ่งผู้ชนะการประมูล เป็นรายเดียวกันในหลายรายการ ทั้งที่งบประมาณ และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง กระจายไปตามวิทยาลัยอาชีวศึกษาต่างที่กัน ส่อเค้าการสมยอม หรือฮั้วประมูล ซึ่งบางรายการ ราคาที่ประมูลได้มีความผิดปกติ ราคาต่ำกว่าราคากลางถึงร้อยละ 60
“จุดที่พบความผิดปกติ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มยาง โพลิเมอร์ เซรามิค และศิลปกรรม ซึ่งต้องตรวจสอบลงรายละเอียดว่า มีการสมยอมในการเสนอราคาหรือไม่ บางรายการเสนอต่ำกว่าราคากลาง ถึงร้อยละ 60 บางรายการ ร้อยละ 15-25 เปอร์เซนต์ ราคาแตกต่างกันค่อนข้างมาก นอกจากนี้มีผู้ประกอบการ 4-5 ราย ชนะการประมูลทุกแห่งในพื้นที่ภาคกลาง”
รมช.ศธ.กล่าวต่อว่า เพื่อตรวจสอบความผิดปกติเหล่านี้ ตนจึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรก มี นายนพพร สุวรรณรุจิ ผู้ตรวจราชการ ศธ.เป็นประธาน คณะกรรมการประกอบด้วย นายปัญญา แก้วเกยูร ผอ.สำนักอำนวยการ สพฐ., ผู้แทนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน, ผู้แทนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และนายณัฐชัย ใจเย็น นิติกร สำนักงาน สป. ชุดที่ 2 นายกิจสุวัฒน์ หงส์เจริญ ผู้ตรวจราชการ ศธ.เป็นประธาน คณะกรรมการประกอบด้วย นายพิชัย แก้วสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเอกชน,ผู้แทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน,ผู้แทนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร และ นายวุฒิชัย ธรรมยา นิติกร สำนักงาน สป.
ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ หากผลการตรวจสอบพบว่ามีผู้บริหารเข้ามาเกี่ยวข้อง จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อไป และจะพิจารณาว่าควรดำเนินการเดินหน้าจัดซื้อจัดจ้างต่อไป หรือจะทบทวนการจัดซื้อ เพราะขณะนี้ได้มีการสั่งระงับการจัดซื้อเอาไว้ โดยได้ให้ไปศึกษาเกี่ยวกับข้อกฎหมายด้วย เพราะสถานศึกษาบางแห่ง ลงนามสัญญากับบริษัทไปแล้ว จึงต้องดูรายละเอียดอย่างรอบคอบ
น.ส.นริศรา กล่าวอีกว่า การตั้ง นายนิวัตร นาคะเวช รองปลัด ศธ.เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อและจัดจ้าง ซึ่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงออกมาดังที่ปรากฏ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการร้องเรียนถึงการจัดสรรครุภัณฑ์ให้กับสถานศึกษาว่าไม่เป็นธรรม เพราะมีลักษณะของการกระจุกตัวมากกว่าจะจัดสรรอย่างทั่วถึง มีการร้องเรียนว่ามีการจัดสรรรายการครุภัณฑ์บางรายการให้สถานศึกษาโดยทางสถานศึกษาไม่ได้ร้องขอ มีการร้องเรียนจากผู้ประกอบการว่าการจัดทำคุณลักษณะเฉพาะของครุภัณฑ์บางรายการเอื้อประโยชน์กับผู้ประกอบการบางกลุ่ม ซึ่งเข้าข่ายการล็อกสเปค หรือกีดกันการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม รวมไปถึงการกำหนดราคาครุภัณฑ์บางรายการสูงผิดปกติ อีกทั้งยังได้รับข้อมูลจากการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร และข้อทักท้วงจากคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ในเรื่องดังกล่าวด้วย
“สมาคมครูอาชีวะ” ชี้ผลสอบจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวะ งบ SP2 ทำแบบรวบรัด ลูบหน้าปะจมูก เย้ยไม่มีทางสาวถึงตัวใหญ่เหมือนอย่างผลสอบทุจริต สธ. อัด “นริศรา” ตั้งกรรมการสอบเพิ่มแค่ยื้อเวลา เตรียมนัด “ชินวรณ์” เปิดโปงข้อมูล พร้อมแสดงพลังอาชีวะทั่วประเทศ แต่งดำ ลงสัตยาบรรณไม่รับของผิดสเปก 30 ม.ค.นี้
นายธีรพัฒน์ คำคูบอน ประธานที่ปรึกษาสหภาพครูแห่งชาติ และอุปนายกสมาคมครูอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงผลรายงานการตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อและจัดจ้างครุภัณฑ์ ภายใต้งบไทยเข้มแข็ง (SP2) ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ที่มี นายนิวัตร นาคะเวช รองปลัด ศธ. เป็นประธาน ว่า เป็นผลสรุปแบบรวบรัด มีการลูบหน้าปะจมูก หากจะเอาให้ได้ผลสอบที่ชัดเจนจริงๆ ต้องนำตัวแทนจากภายนอกเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งการสอบจัดซื้อจัดจ้างของอาชีวะนั้นไม่มีทางที่จะได้ข้อสรุปเหมือนอย่างของกระทรวงสาธารณสุข คนใหญ่ๆ โตๆ รอดตามระเบียบ ส่วนคนที่โดนก็มีแต่ข้าราชการของ สอศ. นอกจากนี้ ที่ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบเพิ่ม อีก 2 ชุดนั้นก็ถือเป็นการยื้อเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เรื่องนี้ น.ส.นริศรา ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ อยู่แล้ว ที่ปล่อยให้มีการล็อคสเปกเพื่อเอื้อประโยชน์กับพวกพ้อง มีการกำหนดบริษัทที่ได้รับการประมูลมาหมดแล้ว โดยที่บริษัทอื่นที่เข้าแข่งขันไม่มีทางที่จะได้ชนะการประมูล” นายธีรพัฒน์ กล่าว
นายธีรพัฒน์กล่าวด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 ม.ค.) ตนพร้อมด้วยตัวแทนจากสมาคมครูอาชีวะฯ จะแสดงความยินดีกับ นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ รมว.ศธ.คนใหม่ หลังจากนัดจะนัดหมายเพื่อนำข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ของอาชีวะ พร้อมด้วยประเด็นปัญหาต่างๆ มอบให้แก่นายชินวรณ์ นอกจากนี้ในวันที่ 30 ม.ค.นี้ สมาคมครูอาชีวะฯ พร้อมด้วยตัวแทนจากวิทยาลัยอาชีวะทั่วประเทศ กว่า 500 คน ก็เตรียมจัดประชุมใหญ่ในแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ เสนอต่อนายชินวรณ์ด้วย อย่างไรก็ตามในวันดังกล่าวอาจมีแสดงพลังของคนอาชีวะ โดยการนัดแต่งดำ พร้อมทั้งลงประกาศสัตยบรรณในการไม่รับของผิดสเปก ราคาแพงกว่าความเป็นจริง ด้วย
ในวันเดียวกันนี้ ทางด้าน นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) ได้เปิดประชุมทางไกลหรือเทเลคอนเฟอร์เรนซ์ ไปยังผู้บริหารโรงเรียน 500 แห่ง และ185 เขตพื้นที่การศึกษา เพื่อซักซ้อมความเข้าใจและความรู้เรื่องคุณลักษณะ หรือสเปคที่ชัดเจน ของคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา กว่า 4 แสนเครื่อง ที่จะดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 หรือเอสพี 2 ซึ่งคอมพิวเตอร์ มีบางประเด็นปัญหาทางเทคนิค และระเบียบวิธีการทางกฎหมาย ที่ ทุกฝ่ายต้องมีความเข้าใจที่ตรงกัน แต่จะไม่ทบทวนสเปคกลาง ที่จัดทำไว้ เพราะเป็นสเปคที่ผ่านการประชาพิจารณ์ และเปิดกว้างอยู่แล้ว ขอย้ำให้เจ้าหน้าที่ สพฐ. และวิทยบูรณากร วางตัวเป็นกลางในการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ทำเกินบทบาทหน้าที่ ขณะนี้ สพฐ.ได้โอนงบไทยเข้มแข็งลงสู่เขตพื้นที่การศึกษาแล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างของโรงเรียน และเขตพื้นที่การศึกษา
