ASTVผู้จัดการรายวัน- เผยไอ้โม่งโทรศัพท์ขู่ “นิวัตร” ปธ.สอบจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ SP2 อาชีวะ จี้หยุดขุดคุ้ยข้อเท็จจริง เจ้าตัวไม่สนคำขู่ เดินหน้าสอบต่อ คาด 15 ม.ค.นี้ ได้ข้อสรุป ด้านสธ.ยังป่วนไม่เลิก อธิบดีกรมการแพทย์ จวกคณะกรรมการสอบ SP2 สธ.ส่อเจตนากลั่นแกล้ง สรุปผลสอบครุภัณฑ์กรมการแพทย์ไม่บริสุทธิ์ ตอกพลาด 2 ประเด็นใหญ่ ดูตัวเลขผิด-ด่วนสรุปทั้งที่ข้อมูลไม่ครบถ้วน เรียกร้องหาต่อมรับผิดชอบ เตรียมชงข้อมูล "มาร์ค” พิจารณา ด้าน "หมอบรรลุ” โบ้ยถาม “หมอวิชัย”เอง
รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า มีกลุ่มบุคคลได้โทรศัพท์ข่มขู่คณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ ภายใต้โครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง (SP2) ปี 2553 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ที่มีนายนิวัตร นาคะเวช รองปลัดศธ.เป็นประธาน ซึ่งกลุ่มบุคคลที่ข่มขู่นั้นต้องการให้คณะกรรมการชุดดังกล่าวยุติการขุดคุ้ยและสอบสวนการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ของ สอศ.มูลค่าหลายพันล้านบาท ซึ่งการที่คณะกรรมการตรวจสอบฯ ถูกโทรศัพท์ข่มขู่นั้นไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักใน ศธ.
นายนิวัตร กล่าวว่า ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ดุสิตเพื่อเป็นหลักฐานเอาไว้แล้ว ส่วนการดำเนินการสอบสวนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ของ สอศ.นั้นก็ยังต้องเดินหน้าต่อ ซึ่งกำลังเร่งสรุปผลการสอบให้ทันในวันที่ 15 ม.ค.นี้ ใน 2 เรื่อง ทั้งการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ และการกำหนดสเปกครุภัณฑ์
ทั้งนี้ ในส่วนของผลการสอบข้อเท็จจริงนั้น ในหลายส่วนพบว่าสามารถดำเนินการต่อได้ แต่ก็มีบางเรื่องที่ยังเป็นข้อสงสัย ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นเรื่องใด เพราะเกรงจะมีผลต่อการสอบสวน ซึ่งคณะกรรมการฯ จะได้เรียกหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการสอบสวนต่อให้เสร็จทันกำหนดเวลา ก่อนนำเสนอต่อ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.ต่อไป
เมื่อถามถึงข้อกังวลว่า ผลการสอบข้อเท็จจริงจะเข้าข่ายปาหี่หรือไม่ นายนิวัตร กล่าวว่า กรรมการทุกคนที่ตั้งขึ้นมีเกียรติ ศักดิ์ศรี หลายคนเป็นนักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิและมีการประชุมทำงานกันอย่างหนักมาโดยตลอด มีการประชุมเกือบทุกวัน และด้วยเกียรติของตนยืนยันได้ว่าผลการสอบข้อเท็จจริงจะออกมาอย่างตรงไปตรงมาให้มากที่สุด และไม่มีการปาหี่อย่างเด็ดขาด
ด้าน นายธีรพัฒน์ คำคูบอน ประธานที่ปรึกษาสหภาพครูแห่งชาติ และอุปนายกสมาคมครูอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ สอศ. มีปัญหาเรื่องการอนุมัติเบิกจ่ายเงินจ้างบริษัทเอกชนในการจัดงานสัปดาห์ของขวัญเพื่อพ่อ เมื่อวันที่ 8-11 ธ.ค.52 ในราคา 6 ล้านบาท เนื่องจากผู้มีอำนาจไม่มีใครกล้าลงนามอนุมัติการเบิกจ่าย เพราะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า คุณภาพของงานไม่สมกับราคา ซึ่งหากให้ สอศ.จัดเองแค่ 1 แสนบาทก็ยังถือว่าแพง เพราะสินค้าที่นำมาจำหน่ายส่วนใหญ่เป็นฝีมือนักศึกษา แม้จะอ้างว่าเป็นเงินค่าตอบแทนดารานักร้องที่มาขึ้นเวทีร้องเพลงทุกวันก็ไม่ได้ทำให้สินค้าขายดี
“ปัญหาตอนนี้ก็คือ ถ้ามีการเบิกจ่ายย้อนหลังหากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ตรวจเจอคนเซ็นก็ต้องมีความผิดไปด้วย เพราะงานจัดผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลจึงไม่มีผู้บริหารคนใดกล้าเซ็นอนุมัติการเบิกจ่าย” นายธีรพัฒน์กล่าว
นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์แถลงข่าวข้อเท็จจริงโครงการไทยการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ในส่วนของกรมการแพทย์ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดจากผลสรุปของคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.ที่มี นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน ซึ่งกล่าวหาว่า กรมการแพทย์ตั้งราคาสิ่งก่อสร้าง 4 รายการและเครื่องมือแพทย์ราคาแพง 12 รายการ อาจมีเจตนาไม่สุจริต เปิดช่องทางให้มีการแสวงหาผลประโยชน์นั้น พบว่า คณะกรรมการตรวจสอบฯ มีข้อบกพร่องสำคัญ 2 ข้อ คือ 1.คณะกรรมการตรวจสอบฯ ดูตัวเลขผิดหรืออาจจะมีเจตนากลั่นแกล้งกรมการแพทย์ เช่น อาคารผู้ป่วยนอกของ รพ.นพรัตนราชธานี พื้นที่จริง 39,480 ตรา.ม. คณะกรรมการฯบันทึกในรายการผลสรุปฯ ด้วยตัวเลข 34,480 ตร.ม. ส่งผลให้พื้นที่หายไป 5 พัน ตร.ม.เมื่อนำไปคิดคำนวณราคาต่อหน่วยจึงสูงเกินจริง
2.คณะกรรมการฯไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างแท้จริงโดยเฉพาะเรื่องเครื่องมือแพทย์ เช่น กรณีเครื่องเอ็กซเรย์ส่องตรวจระบบดิจิตอล (Digital Fluoroscopy) ของ รพ.นพรัตนราชธานี ถูกกล่าวหาตั้งราคาแพง คือ ราคา 15 ล้านบาท แต่สถาบันบำราศนราดูรตั้งราคาไว้ที่ 8 ล้านบาท ซึ่งความจริง คือ ในการจัดทำคำของบประมาณ ชื่อเครื่องมือเหมือนกันแต่ขนาดต่างกัน โดยของ รพ.นพรัตนฯเป็น 80 Kw 1,000 MA ขณะที่ของสถาบันบำราศฯ อยู่ที่ 50 Kw 630 MA นอกจากนี้ มีความแตกต่างในเรื่องของประสิทธิภาพและคุณสมบัติใช้งานและองค์ประกอบเครื่องของโรงพยาบาลนพรัตนฯมากกว่า
นอกจากนี้ ยังมีส่วนของชุดศูนย์กลางเฝ้าติดตามการทำงานของหัวใจ (Central Monitor) ขนาดรับสัญญาณผู้ป่วยข้างเตียงได้พร้อมกัน 8 เตียง ของรพ.เลิดสิน ราคา 9.2 ล้านบาท แต่การจัดซื้อของรพ.เลิดสินเมื่อปี 2552 ราคา 3.5 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการฯไม่ได้ดูในรายละเอียดว่า ที่ราคาต่างกันนั้นเป็นเพราะเครื่องที่ขอซื้อในครั้งนี้ มีคุณสมบัติเหนือกว่าของเดิม
นพ.เรวัต กล่าวด้วยว่า โดยสรุปทุกรายการทั้งสิ่งก่อสร้างและเครื่องมือแพทย์ในส่วนของกรมการแพทย์ที่คณะกรรมการฯกล่าวหาว่ามีความบกพร่องในลักษณะนี้ทุกรายการ โดยตนได้เรียกผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้ขอซื้อเครื่องมือแพทย์ที่บอกว่ามีราคาแพงแต่ละชิ้นมาอธิบาย ซึ่งก็สามารถอธิบายได้ ชัดเจนทุกรายการ และยังไม่มีการซื้อหรือจ้างหรือสร้างใดๆ ทั้งหมดอยู่ในกระบวนการของบฯ เท่านั้น ทั้งนี้ กรมฯ เตรียมนำข้อมูลเหล่านี้เรียนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีทราบ เนื่องจากตนแน่ใจและมั่นใจในข้อมูลเพราะตนเป็นคนตรวจสอบเอง
“สิ่งที่เกิดขึ้นถ้าไม่สะเพร่าก็อาจจะเกิดจากเจตนากลั่นแกล้ง คณะกรรมการมีความเห็นว่ามีเจตนาจะทุจริตทั้งที่เป็นความผิดพลาดของคณะกรรมการเอง แต่กลับตั้งข้อกล่าวหากรมฯ จนได้รับความเสียหายเรียบร้อยแล้ว ส่วนคณะกรรมการฯจะรับผิดชอบอย่างไร ปล่อยให้เป็นสำนึกของตัวเอง เพราะคณะกรรมการฯเป็นผู้ใหญ่และมีเครดิตทางสังคมสูง สังคมให้ความเชื่อถือมาก ผมคิดว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ท่านคงรับผิดชอบ เช่น ยอมรับข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น ที่อาจเป็นเพราะรีบร้อนในการสรุปข้อมูลหรืออาจจะมีเจตนาอื่น”นพ.เรวัตกล่าว
ขณะที่ นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็ง สธ.กล่าวว่า ไม่อยากตอบโต้อธิบดีกรมการแพทย์ที่ระบุข้อมูลการตรวจสอบของคณะกรรมการฯว่ามีความผิดพลาด และอาจมีเจตนากลั่นแกล้ง และยืนยันว่าการตรวจสอบของคณะกรรมการไม่ได้ระบุว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในกระบวนการจัดซื้อ หรือก่อสร้าง เพียงแต่ให้มีการทบทวนเท่านั้น แสดงว่าอธิบดีกรมการแพทย์ไม่ได้อ่านข้อมูลให้ละเอียด ส่วนที่อธิบดีกรมการแพทย์จะมีการรวบรวมข้อมูลความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเสนอนายกรัฐมนตรีนั้น ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ไม่ขอแสดงความเห็น และหากอยากได้ความคิดเห็นขอให้ไปถาม นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ
วันเดียวกัน นพ.ไพจิตร์วราชิต ปลัด สธ.ในฐานะประธานคณะกรรมการทบทวนความเหมาะสม และแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็ง สธ. กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการทบทวนฯ ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้ สธ.ทบทวนราคา ครุภัณฑ์ สิ่งก่อสร้างที่มีราคาสูง จากงบประมาณของ สธ.ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในโครงการไทยเข้มแข็ง พ.ศ. 2552 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเฉพาะในส่วนสิ่งก่อสร้าง และเห็นว่าราคากลางตามที่เสนอของกองแบบแผนนั้น เป็นราคามาตรฐาน แต่เพื่อแสดงให้เห็นว่า สธ.มีมาตรการทางการบริหารที่จะช่วยประหยัดให้กับประเทศ จึงมีมติให้ทบทวนลดราคากลางโดยมอบหมาย นพ.สุรเชษฐ์ สถิต ผู้ตรวจราชการ สธ. ตัวแทนจากชมแพทย์ชนบท สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป หารือร่วมกัน ว่าจะสามารถลดราคาได้เท่าไร และให้นำมาเสนออีกครั้งในวันที่ 15 ม.ค.นี้
รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า มีกลุ่มบุคคลได้โทรศัพท์ข่มขู่คณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ ภายใต้โครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง (SP2) ปี 2553 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ที่มีนายนิวัตร นาคะเวช รองปลัดศธ.เป็นประธาน ซึ่งกลุ่มบุคคลที่ข่มขู่นั้นต้องการให้คณะกรรมการชุดดังกล่าวยุติการขุดคุ้ยและสอบสวนการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ของ สอศ.มูลค่าหลายพันล้านบาท ซึ่งการที่คณะกรรมการตรวจสอบฯ ถูกโทรศัพท์ข่มขู่นั้นไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักใน ศธ.
นายนิวัตร กล่าวว่า ได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ดุสิตเพื่อเป็นหลักฐานเอาไว้แล้ว ส่วนการดำเนินการสอบสวนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ของ สอศ.นั้นก็ยังต้องเดินหน้าต่อ ซึ่งกำลังเร่งสรุปผลการสอบให้ทันในวันที่ 15 ม.ค.นี้ ใน 2 เรื่อง ทั้งการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ และการกำหนดสเปกครุภัณฑ์
ทั้งนี้ ในส่วนของผลการสอบข้อเท็จจริงนั้น ในหลายส่วนพบว่าสามารถดำเนินการต่อได้ แต่ก็มีบางเรื่องที่ยังเป็นข้อสงสัย ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นเรื่องใด เพราะเกรงจะมีผลต่อการสอบสวน ซึ่งคณะกรรมการฯ จะได้เรียกหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการสอบสวนต่อให้เสร็จทันกำหนดเวลา ก่อนนำเสนอต่อ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.ต่อไป
เมื่อถามถึงข้อกังวลว่า ผลการสอบข้อเท็จจริงจะเข้าข่ายปาหี่หรือไม่ นายนิวัตร กล่าวว่า กรรมการทุกคนที่ตั้งขึ้นมีเกียรติ ศักดิ์ศรี หลายคนเป็นนักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิและมีการประชุมทำงานกันอย่างหนักมาโดยตลอด มีการประชุมเกือบทุกวัน และด้วยเกียรติของตนยืนยันได้ว่าผลการสอบข้อเท็จจริงจะออกมาอย่างตรงไปตรงมาให้มากที่สุด และไม่มีการปาหี่อย่างเด็ดขาด
ด้าน นายธีรพัฒน์ คำคูบอน ประธานที่ปรึกษาสหภาพครูแห่งชาติ และอุปนายกสมาคมครูอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ สอศ. มีปัญหาเรื่องการอนุมัติเบิกจ่ายเงินจ้างบริษัทเอกชนในการจัดงานสัปดาห์ของขวัญเพื่อพ่อ เมื่อวันที่ 8-11 ธ.ค.52 ในราคา 6 ล้านบาท เนื่องจากผู้มีอำนาจไม่มีใครกล้าลงนามอนุมัติการเบิกจ่าย เพราะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า คุณภาพของงานไม่สมกับราคา ซึ่งหากให้ สอศ.จัดเองแค่ 1 แสนบาทก็ยังถือว่าแพง เพราะสินค้าที่นำมาจำหน่ายส่วนใหญ่เป็นฝีมือนักศึกษา แม้จะอ้างว่าเป็นเงินค่าตอบแทนดารานักร้องที่มาขึ้นเวทีร้องเพลงทุกวันก็ไม่ได้ทำให้สินค้าขายดี
“ปัญหาตอนนี้ก็คือ ถ้ามีการเบิกจ่ายย้อนหลังหากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ตรวจเจอคนเซ็นก็ต้องมีความผิดไปด้วย เพราะงานจัดผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลจึงไม่มีผู้บริหารคนใดกล้าเซ็นอนุมัติการเบิกจ่าย” นายธีรพัฒน์กล่าว
นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์แถลงข่าวข้อเท็จจริงโครงการไทยการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ในส่วนของกรมการแพทย์ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดจากผลสรุปของคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ.ที่มี นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน ซึ่งกล่าวหาว่า กรมการแพทย์ตั้งราคาสิ่งก่อสร้าง 4 รายการและเครื่องมือแพทย์ราคาแพง 12 รายการ อาจมีเจตนาไม่สุจริต เปิดช่องทางให้มีการแสวงหาผลประโยชน์นั้น พบว่า คณะกรรมการตรวจสอบฯ มีข้อบกพร่องสำคัญ 2 ข้อ คือ 1.คณะกรรมการตรวจสอบฯ ดูตัวเลขผิดหรืออาจจะมีเจตนากลั่นแกล้งกรมการแพทย์ เช่น อาคารผู้ป่วยนอกของ รพ.นพรัตนราชธานี พื้นที่จริง 39,480 ตรา.ม. คณะกรรมการฯบันทึกในรายการผลสรุปฯ ด้วยตัวเลข 34,480 ตร.ม. ส่งผลให้พื้นที่หายไป 5 พัน ตร.ม.เมื่อนำไปคิดคำนวณราคาต่อหน่วยจึงสูงเกินจริง
2.คณะกรรมการฯไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างแท้จริงโดยเฉพาะเรื่องเครื่องมือแพทย์ เช่น กรณีเครื่องเอ็กซเรย์ส่องตรวจระบบดิจิตอล (Digital Fluoroscopy) ของ รพ.นพรัตนราชธานี ถูกกล่าวหาตั้งราคาแพง คือ ราคา 15 ล้านบาท แต่สถาบันบำราศนราดูรตั้งราคาไว้ที่ 8 ล้านบาท ซึ่งความจริง คือ ในการจัดทำคำของบประมาณ ชื่อเครื่องมือเหมือนกันแต่ขนาดต่างกัน โดยของ รพ.นพรัตนฯเป็น 80 Kw 1,000 MA ขณะที่ของสถาบันบำราศฯ อยู่ที่ 50 Kw 630 MA นอกจากนี้ มีความแตกต่างในเรื่องของประสิทธิภาพและคุณสมบัติใช้งานและองค์ประกอบเครื่องของโรงพยาบาลนพรัตนฯมากกว่า
นอกจากนี้ ยังมีส่วนของชุดศูนย์กลางเฝ้าติดตามการทำงานของหัวใจ (Central Monitor) ขนาดรับสัญญาณผู้ป่วยข้างเตียงได้พร้อมกัน 8 เตียง ของรพ.เลิดสิน ราคา 9.2 ล้านบาท แต่การจัดซื้อของรพ.เลิดสินเมื่อปี 2552 ราคา 3.5 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการฯไม่ได้ดูในรายละเอียดว่า ที่ราคาต่างกันนั้นเป็นเพราะเครื่องที่ขอซื้อในครั้งนี้ มีคุณสมบัติเหนือกว่าของเดิม
นพ.เรวัต กล่าวด้วยว่า โดยสรุปทุกรายการทั้งสิ่งก่อสร้างและเครื่องมือแพทย์ในส่วนของกรมการแพทย์ที่คณะกรรมการฯกล่าวหาว่ามีความบกพร่องในลักษณะนี้ทุกรายการ โดยตนได้เรียกผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้ขอซื้อเครื่องมือแพทย์ที่บอกว่ามีราคาแพงแต่ละชิ้นมาอธิบาย ซึ่งก็สามารถอธิบายได้ ชัดเจนทุกรายการ และยังไม่มีการซื้อหรือจ้างหรือสร้างใดๆ ทั้งหมดอยู่ในกระบวนการของบฯ เท่านั้น ทั้งนี้ กรมฯ เตรียมนำข้อมูลเหล่านี้เรียนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีทราบ เนื่องจากตนแน่ใจและมั่นใจในข้อมูลเพราะตนเป็นคนตรวจสอบเอง
“สิ่งที่เกิดขึ้นถ้าไม่สะเพร่าก็อาจจะเกิดจากเจตนากลั่นแกล้ง คณะกรรมการมีความเห็นว่ามีเจตนาจะทุจริตทั้งที่เป็นความผิดพลาดของคณะกรรมการเอง แต่กลับตั้งข้อกล่าวหากรมฯ จนได้รับความเสียหายเรียบร้อยแล้ว ส่วนคณะกรรมการฯจะรับผิดชอบอย่างไร ปล่อยให้เป็นสำนึกของตัวเอง เพราะคณะกรรมการฯเป็นผู้ใหญ่และมีเครดิตทางสังคมสูง สังคมให้ความเชื่อถือมาก ผมคิดว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ท่านคงรับผิดชอบ เช่น ยอมรับข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น ที่อาจเป็นเพราะรีบร้อนในการสรุปข้อมูลหรืออาจจะมีเจตนาอื่น”นพ.เรวัตกล่าว
ขณะที่ นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็ง สธ.กล่าวว่า ไม่อยากตอบโต้อธิบดีกรมการแพทย์ที่ระบุข้อมูลการตรวจสอบของคณะกรรมการฯว่ามีความผิดพลาด และอาจมีเจตนากลั่นแกล้ง และยืนยันว่าการตรวจสอบของคณะกรรมการไม่ได้ระบุว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในกระบวนการจัดซื้อ หรือก่อสร้าง เพียงแต่ให้มีการทบทวนเท่านั้น แสดงว่าอธิบดีกรมการแพทย์ไม่ได้อ่านข้อมูลให้ละเอียด ส่วนที่อธิบดีกรมการแพทย์จะมีการรวบรวมข้อมูลความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเสนอนายกรัฐมนตรีนั้น ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ ไม่ขอแสดงความเห็น และหากอยากได้ความคิดเห็นขอให้ไปถาม นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ
วันเดียวกัน นพ.ไพจิตร์วราชิต ปลัด สธ.ในฐานะประธานคณะกรรมการทบทวนความเหมาะสม และแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็ง สธ. กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการทบทวนฯ ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้ สธ.ทบทวนราคา ครุภัณฑ์ สิ่งก่อสร้างที่มีราคาสูง จากงบประมาณของ สธ.ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในโครงการไทยเข้มแข็ง พ.ศ. 2552 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเฉพาะในส่วนสิ่งก่อสร้าง และเห็นว่าราคากลางตามที่เสนอของกองแบบแผนนั้น เป็นราคามาตรฐาน แต่เพื่อแสดงให้เห็นว่า สธ.มีมาตรการทางการบริหารที่จะช่วยประหยัดให้กับประเทศ จึงมีมติให้ทบทวนลดราคากลางโดยมอบหมาย นพ.สุรเชษฐ์ สถิต ผู้ตรวจราชการ สธ. ตัวแทนจากชมแพทย์ชนบท สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป หารือร่วมกัน ว่าจะสามารถลดราคาได้เท่าไร และให้นำมาเสนออีกครั้งในวันที่ 15 ม.ค.นี้