xs
xsm
sm
md
lg

ฝันโกยเงินนักเที่ยวต่างชาติ6แสนล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สทท.เปิดตัวเลขประมาณการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติปี53 ได้ 15.68 ล้านคนโกยรายได้ 6 แสนล้านบาท ชี้ยังมีปัจจัยลบและปัจจัยเสี่ยง ขณะที่สมาชิก สทท.วอนขยายเส้นทางคมนาคม และการบินไทยเพิ่มเส้นทางบินเชื่อมระดับจังหวัด ระบุอย่าโขกกดราคาค่าอาหารต่ำเกินจริง

วานนี้(20 ม.ค.53) ภายหลังการประชุมสมาชิกสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เพื่อสรุปสถานการณ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวปี 2552 และแนวโน้มปี 2553 นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธาน สทท. เปิดเผยว่า สทท.ประเมินว่า ในปี 2553 สถานการณ์ท่องเที่ยวจะดีขึ้น โดยสามารถมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดปีได้ 15.68 ล้านคน เพิ่มจากปี 2552 ราว 12% สร้างรายได้เข้าประเทศ 6 แสนล้านบาท เพิ่มจากปี 2552 ที่สร้างรายได้ 5.2 แสนล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวตลาดภายในประเทศ ประมาณว่าปีนี้จะได้ 90 ล้านคนครั้ง ตามเป้าหมายเดียวกันกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ได้ประเมินไว้

ทั้งนี้การปรับเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ มาจากปัจจัยบวก 6 ประการ ได้แก่ 1.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีรายงานจาก UN ระบุว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2553 จะขยายตัว ร้อยละ 2.4 ส่วน IMF คาดว่าจะขยายตัว ร้อยละ 3.1 โดยประเทศกำลังพัฒนาจะฟื้นตัวเร็วกว่าประเทศพัฒนาแล้วทำให้คาดว่าภูมิภาคเอเชียเศรษฐกิจจะขยายตัวถึง ร้อยละ 5.3เพิ่มจากปีที่ผ่านมาที่ขยายตัวที่ร้อยละ 1.6

2.ภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย ในระดับโลกและระดับประเทศยังประคองตัวอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 3. การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย 4. มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงรุก 5. มาตรการขยายวันหยุด และ6. นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ จากโครงการไทยเข้มแข็ง โดย UN รายงานว่า
สัดส่วนงบกระตุ้นเศรษฐกิจต่อGDPของประเทศไทยสูงถึงร้อยละ 14.3 มากสุดใน 55 ประเทศทั่วโลก

ส่วนปัจจัยลบที่จะกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ เช่น 1.เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลล่าร์สหรัฐ ทำให้ไทยอาจสูญเสียภาพลักษณ์ความเป็นเดสติเนชั่นคุ้มค่าเงิน ขณะที่เวียดนาม และจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งขันมีการลดค่าเงิน 2. แนวโน้มการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 3.อัตราว่างงานในหลายประเทศที่เป็นตลาดของไทยยังมีการว่างงานสูง ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คือ ความไม่แน่นอนในเรื่องการระบาดของโรคไข้หวัด 2009 และสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ

นายกงกฤช กล่าวว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปีนี้จะเป็นไปได้มากน้อยขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของรัฐบาล การสนับสนุนเงินงบประมาณ การประชาสัมพันธ์เชิงรุก โดยล่าสุด บีโอไอรับไปดำเนินการพิจารณาสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย

***สทท.จี้รัฐเพิ่มโครงข่ายคมนาคม***

อย่างไรก็ตามจากการสำรวจความคิดเห็นจากสมาชิก สทท. แบ่งตามภูมิภาค ได้แก่ ภาคใต้ เสนอให้การบินไทยซื้อเป็นสายการบินแห่งชาติ เปิดเส้นทางเชื่อมโยงจังหวัดในภาคใต้ไปยังภูมิภาคอื่นๆในประเทศ ส่งเสริมการสร้างท่าเรือน้ำลึก เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเรือสำราญ(ครุยส์) ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างประเทศในเส้นทางรถไฟ ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจากยุโรป ส่งเสริมอาหารฮาราล เพราะเป็นพื้นที่มีชาวมุสลิมจำนวนมาก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซีย บรูไน มาเลเซีย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) ซึ่งนักท่องเที่ยว 95%เป็นคนไทย ในที่นี้70%เป็นตลาดไมซ์ ดังนั้นจึงต้องการให้รัฐเลิกการปรับลดค่าอาหารว่างจาก 50 บาท เหลือ 25 บาทต่อคน รวมถึงยกเลิกค่าเหมาอาหารกลางวันด้วย ขยายเส้นทางคมนาคมและระบบสาธารณูปโภค เพิ่มเส้นทางบินไปอีสาน ยกเลิกระบบเหมาจ่ายของหน่วยงานภาครัฐเพื่อให้หน่วยงานรัฐที่จัดสัมมนา สนับสนุนการเปิดด่านชายแดน รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับประเทศในภาคอีสานบ้าง อย่ากระจุกตัวเพียงที่โคราชจังหวัดเดียว ถ้าสามารถทำได้ทั้งหมดเชื่อนักท่องเที่ยวอีสานปีนี้จะโต30%

ภาคเหนือ ต้องการให้รัฐจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือเพื่อให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องตลอดปี กระจายไปยังจังหวัดระดับรองด้วย ใช้เส้นทาง R3A ให้เกิดประโยชน์ด้านการท่องเที่ยว ภาคกลางและภาคตะวันออก ต้องการให้รัฐบาลลดหย่อนภาษีแก่ผู้ประกอบการที่มีการบริหารจัดการแบบรักษ์สิ่งแวดล้อม จัดระบบคมนาคมขนส่ง เช่น แอร์พอร์ตลิ้ง ให้ถึงพัทยา รวมถึงการจัดสร้างถนนรอบเมือง

***ตั้งอดีตรองสศช.นั่งผู้อำนวยการประสานรัฐเอกชน***
อย่างไรก็ตาม สทท..ยังได้แต่งตั้ง น.ส.วิไลพร ลิ่วเกษมศานต์ อดีตรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เป็นผู้อำนวยการสำนักงาน สทท.ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวเป็นไปตาม พรบ.จัดตั้งสทท.ที่กำหนดไว้ ซึ่งน.ส.วิไลพร กล่าวว่า ตำแหน่งดังกล่าว จะมีวาระ 3 ปี เริ่ม 1ม.ค.53
เร่งผลักดันสทท.สู่องค์กรที่มีบทบาทด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
กำลังโหลดความคิดเห็น