xs
xsm
sm
md
lg

"วิทยา"เตรียมถกปธ.สภา แก้ปัญหาองค์ประชุมล่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (18 ม.ค.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ ได้ส่งมอบงานในหน้าที่ประธานคณะทำงานประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้กับนายวิทยา แก้วภารดัย ประธานวิปรัฐบาลคนใหม่
นายชินวรณ์ กล่าวอำลาตำแหน่งว่า การทำงานช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้ฟันฝ่าวิกฤติทางการเมืองหลายเรื่อง รวมทั้งได้ร่วมมือกันในการที่จะผลักดันกฎหมายต่างๆ ผ่านเข้าสู่สภาตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ แต่ยอมรับว่าไม่มียุคใดสมัยใดที่การทำงานในวิปรัฐบาลจะประสบความยุ่งยาก เพราะบริบทในการทางการเมืองมีความแตกแยกกันสูง ทำให้การประสานงานไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร มีการนำเกมการเมืองเข้ามาสู่เกมในสภาฯ โดยเฉพาะการไม่แสดงตนในห้องประชุม ซึ่งตรงนี้เป็นปัญหาที่เราต้องขอความร่วมมือต่อไป เพราะการประชุมร่วมกันของสภาฯ และการทำงานด้านนิติบัญญัติ เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล หวังว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะช่วยกันขับเคลื่อนงานในสภาฯ ให้เดินหน้าไปได้ เพื่อตนจะได้มีโอกาสทำงานในหน้าที่บริหารสัก 2 ปี
นายชินวรณ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ให้ความไว้วางใจ นายวิทยา ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ทางการเมือง เป็นผู้อาวุโสพรรค เป็นรองหัวหน้าพรรค และเป็นอดีตรัฐมนตรี มาทำหน้าที่ประธานวิปรัฐบาล คิดว่าจะสามารถรวมใจพรรคร่วมรัฐบาลในการประสานงานหน้าที่นิติบัญญัติ และความปรองดองและสร้างความสามัคคีในพรรคร่วมรัฐบาลได้อย่างแข็งแกร่ง มั่นใจว่าทุกคนจะร่วมมือกันให้บ้านเมืองของเราผ่านวิกฤตทางการเมือง และเศรษฐกิจไปได้
นายชินวรณ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ไม่ห่วงเรื่องการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล เพราะมีการทำงานอย่างเป็นระบบ ทั้งแกนนำหลักพรรคร่วมรัฐบาล และวิปรัฐบาล ซึ่งมีความชัดเจนตลอดมา และตนมั่นใจในตัวประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ ที่มีประสบการณ์ทางการเมือง มีเพื่อนฝูงทุกพรรคการเมือง สามารถที่จะทำหน้าที่ประสานขอความร่วมมือได้เป็นอย่างดี
ส่วนปัญหาการประสานงานในเรื่องขององค์ประชุม นายชินวรณ์ กล่าวว่า ถือเป็นความรับผิดชอบของทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐาล ฝ่ายค้านเองต้องตระหนักปัญหานี้ร่วมกัน ที่สำคัญเราได้มีการเสนอร่างข้อบังคับที่จะมีการปรับปรุงใหม่ และเสนอร่างข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมฉบับใหม่ เชื่อว่าทางวิปรัฐบาลจะขับเคลื่อนเรื่องนี้เพื่อเป็นเครื่องมือในการที่จะทำให้การประชุมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
" ส่วนที่มองกันว่า สภาฯจะเป็นจุดสร้างความรุนแรงนั้น ผมมองกลับกัน แทนที่สภาฯจะเป็นจุดสร้างความรุนแรง ผมเชื่อมั่นหากเราใช้พื้นที่สภาฯในการแก้ปัญหา สภาฯจะเป็นหนทางที่จะใช้ปัญญาร่วมกันจะนำไปสู่ประนีประนอมปรองดองด้วย" นายชินวรณ์กล่าว
ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น มีความชัดเจนในตัวว่าเป็นเรื่องของรัฐสภาที่จะต้องรับผิดชอบ เราจะต้องแสวงหาความเห็นพ้องต้องกันให้มากที่สุด เข้าใจว่าวิปรัฐบาล จะประชุมเรื่องนี้อีกครั้ง เพื่อกำหนดกระบวนการ ส่วนเรื่องประเด็นนั้นคิดว่าคงยุติไปแล้วไม่มีใครเป็นข้อถกเถียง ไม่สามารถนำประเด็นความคิดเห็นที่แตกแยกเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็นประเด็นทางการเมืองได้เลย พรรคร่วมรัฐบาลรู้ทันเรื่องนี้อยู่แล้ว เรามีแนวทางเดียวกันที่จะให้เป็นเรื่องระบบรัฐสภา แต่ต้องเข้าใจในกระบวนการเท่านั้นว่า เห็นด้วยกับณะกรรมการสมานฉันท์ หรือการทำประชามติ หรือการลงชื่อเห็นพ้องต้องกันหรือไม่ ถ้าไม่เห็นด้วยอาจกลับไปสู่จุดเดิม คือต่างฝ่ายต่างแสวงหาความร่วมมือให้ครบ 1 ใน 5 เพื่อเสนอญัตติ หากครบ ก็สามารถดำเนินการได้
เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นตัวปัญหาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ไม่จริงใจแก้ไข นายชินวรณ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ยอมรับเรายืนมาตลอดไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเป็นข้อเสนอคณะกรรมการสมานฉันท์ เรายินดีที่จะรับฟัง พรรคร่วมรัฐบาลก็ทราบดี แต่กระบวนการแก้ไขนั้นลำพังเสียงพรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวไม่พอ ต้องแสวงหาความร่วมมือจากส.ว. และพรรคฝ่ายค้านด้วยจึงจะเพียงพอ รวมถึงเรื่องเขตเดียว เบอร์เดียว เรื่องประเด็นไม่มีปัญหา มีแต่เรื่องกระบวนการที่ทำอย่างไรให้ความเห็นสอดคล้องกัน

**"วิทยา"เตรียมถกแก้สภาล่มซ้ำซาก
นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานวิปรัฐบาล กล่าวภายหลังการประชุมวิปรัฐบาลว่า ได้เตรียมความพร้อมในการประชุมนัดแรก ซึ่งประธานสภาได้มีหนังสือแจ้งมาแล้วว่า จะประชุ,ในวันที่ 21 ม.ค.53 โดยมีระเบียบวาระการประชุมหลักคือ เรื่องกระทู้ ทั่วไป กระทู้สด และประเด็นที่ค้างในสภามานานคือ รายงานของกรรมการสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้วิปขอให้ทุกพรรคเตรียมความพร้อมของส.ส.ในการเข้าประชุม เพราะถือว่าเป็นสมัยนิติบัญญัติ มีความจำเป็นที่รัฐบาลและสภาต้องผลักดันกฎหมาย
นอกจากนี้ ที่ประชุมวิปยังมีความเห็นเรื่องมีปัญหาองค์ประชุมในสมัยที่ผ่านมา เนื่องจากการปฏิบัติภารกิจของสภาได้กลายเป็นสนามเล่นการเมืองมากกว่าภารกิจการผลักดันกฎหมาย ทำให้เรื่องการนับองค์ประชุมกลายเป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมา ซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดของสภา คือคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมสภา แค่ไม่กดบัตรแสดงตน ก็กลายเป็นคนที่ไม่อยู่ในห้องประชุมทันที ทำให้สภาเป็นที่หักล้างทางการเมือง
ทั้งนี้ วิปมีความเห็นว่า สัปดาห์นี้จะประสานงานกับประธานรัฐสภา เพื่อถกเถียงกันว่า กรณีของผู้ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมอภิปรายตลอด แต่พอนับองค์ประชุมไม่กดบัตรแสดงตน จะถือว่าคนนั้นไม่อยู่ในห้องประชุม เพราะการไม่กดบัตรเท่านั้น ซึ่งปกติการไม่แสดงตน หรือการวอล์กเอาต์ ต้องเป็นพฤติกรรมที่ต่อต้านกฎหมาย เป็นการปฏิเสธตามระบอบประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้หารือเรื่องเสนอญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า มีการหยิบยกขึ้นหารือ แต่คิดว่าจะมีการหารือในแต่ละพรรคให้เป็นที่ตกลงก่อน และจะหยิบยกหารือในที่ประชุมวิปอีกครั้ง คิดว่าเรายังมีเวลาเพียงพอ
กำลังโหลดความคิดเห็น