“ชินวรณ์” ส่งมอบหน้าที่ประธานวิปรัฐให้ “วิทยา” ขอบคุณเพื่อนๆ ร่วมมือทำงานฝ่าวิกฤติการเมือง รับสุดเซ็งพวกดึงเกมการเมืองเข้าสภาฯ วอนพรรคร่วมช่วยขับเคลื่อนงาน หวังสูง ขอนั่ง รมต.ศึกษาฯ อีกสัก 2 ปี หวังวิปผลักดัน ร่างฯประมวลจริยธรรม แก้ปัญหา ส.ส.โดดประชุมสำเร็จ เชื่อสภาฯ เป็นหนทางแก้วิกฤตชาติได้ ยันประชาธิปัตย์ไม่มีปัญหาแก้รัฐธรรมนูญ
วันนี้ (18 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ส่งมอบงานในหน้าที่ประธานคณะทำงานประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้กับนายวิทยา แก้วภราดรัย ประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ โดยในโอกาสนี้นายชินวรณ์กล่าวอำลาตำแหน่งว่า ขอบคุณเพื่อนวิปรัฐบาลที่ให้ความร่วมมือในการทำงานช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งได้ฟันฝ่านวิกฤตทางการเมืองหลายเรื่อง โดยเฉพาะตนคิดว่าเป็นภารกิจของวิปรัฐบาลที่ได้ร่วมมือกันในการที่จะผลักดันกฎหมายต่างๆ ผ่านเข้าสู่สภาตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งตนไม่มียุคใดสมัยใดที่การทำงานในวิปรัฐบาลจะประสบความยุ่งยากเพราะบริบทในทางการเมืองนั้นมีความแตกแยกกันสูงและเราพบความเป็นจริงเกือบทุกครั้งในการประสานงานไม่ได้รับความร่วมมือหรือเป็นเรื่องที่นำการเมืองเข้ามาสู่เกมในสภาฯ โดยเฉพาะการไม่แสดงตนในห้องประชุม ซึ่งตรงนี้เป็นปัญหาที่เราต้องขอความร่วมมือต่อไป เพราะคิดว่าการประชุมร่วมกันของสภาฯและการทำงานด้านนิติบัญญัติเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกฝ่ายทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล จึงหวังว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะช่วยกันขับเคลื่อนงานในสภาฯ ให้เดินหน้าไปได้ เพื่อตนจะได้มีโอกาสทำงานในหน้าที่บริหารได้สัก 2 ปี
นายชินวรณ์กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ให้ความไว้วางใจให้นายวิทยา ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ทางการเมือง เป็นผู้อาวุโสพรรค เป็นรองหัวหน้าพรรคและเป็นอดีตรัฐมนตรี มาทำหน้าที่ประธานวิปรัฐบาล คิดว่าจะสามารถรวมใจพรรคร่วมรัฐบาลในการประสานงานหน้าที่นิติบัญญัติและความปรองดองและสร้างความสามัคคีในพรรคร่วมรัฐบาลได้อย่างแข็งแกร่ง และมั่นใจว่าทุกคนจะร่วมมือกันให้บ้านเมืองของเราผ่านวิกฤตทางการเมืองและเศรษฐกิจนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
หลังจากนี้ นายชินวรณ์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่ห่วงเรื่องการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล เพราะมีการทำงานอย่างเป็นระบบทั้งแกนนำหลักพรรคร่วมรัฐบาลและวิปรัฐบาล ซึ่งมีความชัดเจนตลอดมา ที่สำคัญวันนี้พรรคร่วมรัฐบาลมีเป้าหมายเดียวกันคือ การขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาของประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งเข้าใจว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยใกล้ครบวาระสมัยรัฐบาลนี้ เมื่อเป้าหมายตรงกันคิดว่าวิธีการทำงานจะเป็นเรื่องรองและมั่นใจประธานวิปรัฐบาลคนใหม่ที่มีประสบการณ์ทางการเมือง มีเพื่อนฝูงทุกพรรคการเมืองสามารถที่จะทำหน้าที่ประสานขอความร่วมมือได้เป็นอย่างดี
เมื่อถามว่าปัญหาการประสานงานในเรื่องขององค์ประชุม นายชินวรณ์กล่าวว่า เรื่องความรับผิดชอบองค์ประชุมถือเป็นความรับผิดชอบของทุกฝ่ายทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐาล ฝ่ายค้านเองต้องตระหนักปัญหานี้ร่วมกัน ที่สำคัญเราได้มีการเสนอร่างข้อบังคับที่จะมีการปรับปรุงใหม่และเสนอร่างข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมฉบับใหม่เชื่อว่าทางวิปรัฐบาลคงจะขับเคลื่อนเรื่องนี้เพื่อเป็นเครื่องมือในการที่จะทำให้การประชุมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าบริบทความขัดแย้งทางการเมืองมีสูง เราต้องใช้ความพยายามและความอดทนและทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย แต่เชื่อว่าหลักของความที่จะทำงานร่วมกันตามกลไกของรัฐสภานั้นประชาชนจับตามองอยู่ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องมีความรับผิดชอบในจุดนี้
“ส่วนที่มองกันว่าสภาฯจะเป็นจุดสร้างความรุนแรงนั้น ผมมองกลับกันแทนที่สภาฯ จะเป็นจุดสร้างความรุนแรง ผมเชื่อมั่นหากเราใช้พื้นที่สภาฯ ในการแก้ปัญหา สภาฯจะเป็นหนทางที่จะใช้ปัญญาร่วมกันจะนำไปสู่ประนีประนอมปรองดองด้วย” นายชินวรณ์กล่าว
ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น มีความชัดเจนในตัวว่าเป็นเรื่องของรัฐสภาที่จะต้องรับผิดชอบ เราจะต้องแสวงหาความเห็นพ้องต้องกันให้มากที่สุด เข้าใจว่าวิปรัฐบาลจะประชุมเรื่องนี้อีกครั้งเพื่อกำหนดกระบวนการ ส่วนเรื่องประเด็นนั้นคิดว่าคงยุติไปแล้วไมท่มีใครเป็นข้อถกเถียงไม่สามารถนำประเด็นความคิดเห็นที่แตกแยกเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาเป็น ประเด็นทางการเมืองได้เลย พรรคร่วมรัฐบาลรู้ทันเรื่องนี้อยู่แล้ว เรามีแนวทางเดียวกันที่จะให้เป็นเรื่องระบบรัฐสภา แต่ต้องเข้าใจในกระบวนการเท่านั้นว่าเห็นด้วยกับคณะกรรมการสมานฉันท์ หรือการทำประชามติหรือการลงชื่อเห็นพ้องต้องกันหรือไม่ ถ้าไม่เห็นด้วยอาจกลับไปสู่จัดเดิมคือต่างฝ่ายต่างแสวงหาความร่วมมือให้ครบ 1ใน 5 เพื่อเสนอญัตติ หากครบก็สามารถดำเนินการได้
เมื่อถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลมองว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวปัญหาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่จริงใจที่จะแก้ไข นายชินวรณ์กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ยอมรับเรายืนยันมาตลอดว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเป็นข้อเสนอคณะกรรมการสมานฉันท์เรายินดีที่จะรับฟัง พรรคร่วมรัฐบาลก็ทราบดีแต่กระบวนการแก้ไขนั้นลำพังเสียงพรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวไม่พอต่องแสวงหา ความร่วมมือจาก ส.ว.และพรรคฝ่ายค้านด้วยจึงจะเพียงพอ รวมถึงเรื่องเขตเดียวเบอร์เดียว เรื่องประเด็นไม่มีปัญหา มีแต่เรื่องกระบวนการที่ทำอย่างไรให้ความเห็นสอดคล้องกัน