ASTV ผู้จัดการรายวัน - เอแบคโพล เผยประชาชนหนุนกฎเหล็ก 9 ข้อของรัฐบาล และสัดส่วนกว่า 86% เห็นด้วยที่รมต.ทุกคนต้องปฏิบัติตาม พร้อมนำไปปรับใช้กับข้าราชการ-ข้าราชการการเมือง ขณะที่ส่วนใหญ่ยังให้โอกาสรัฐบาลทำงานมากกว่า 6เดือน ด้านสวนดุสิตโพล ชี้ประชาชนส่วนใหญ่พอใจกับรมต.ใหม่ทั้ง 5 คน
วานนี้ (17 ม.ค.) นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัย “เอแบคเรียลไทม์โพล” เรื่องกฎเหล็ก 9 ข้อของนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในทรรศนะของสาธารณชนว่า จากการสำรวจความคิดเป็นของประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 15-16 มกราคมที่ผ่านมา พบกฎเหล็กที่ประชาชนเห็นด้วยมากที่สุดอันดับแรก คือ ร้อยละ 86.8 เห็นด้วยกับการให้รัฐมนตรีทุกคนปฏิบัติตน และให้ระมัดระวังเป็นพิเศษสำหรับพฤติกรรมที่จะนำไปสู่ความเชื่อมั่นของประชาชน รองลงมาอันดับสอง-สาม สัดส่วนเท่ากันที่ร้อยละ 85.2 ให้ยึดถือปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่สัตย์สุจริตอย่างเคร่งครัด และในรัฐบาลที่เชื่อมั่นวิถีทางประชาธิปไตยต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
ขณะที่อันดับสี่ ร้อยละ 84.9 เห็นด้วยที่รัฐมนตรีทุกคนต้องเข้าร่วมประชุมสภาอย่างสม่ำเสมอ ต้องไปรับฟังความคิดเห็นและตอบกระทู้ของ ส.ส. อันดับที่ห้า ร้อยละ 84.2 เห็นด้วยที่รัฐบาลชุดนี้ ต้องพร้อมรับการตรวจสอบ ทั้งในเชิงนโยบายและเรื่องอื่นๆ อันดับที่หก ร้อยละ 82.1 เห็นด้วยให้คณะรัฐมนตรีน้อมนำพระบรมราโชวาท เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะเรื่องการปฏิบัติงานให้เกิดความเรียบร้อยและเกิดความสุขในหมู่ประชาชน อันดับที่เจ็ด ร้อยละ 81.2 รัฐมนตรีทุกคนไม่มีสิทธิเหนือประชาชนคนอื่นๆ ในแง่การปฏิบัติตามกฎหมาย
อันดับที่แปด ร้อยละ 79.1 ระบุเห็นด้วยกับกฎเหล็กที่ว่า ในภาวะวิกฤตการทำงานของรัฐบาลต้องเป็นไปด้วยความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ต้องไม่เป็นรัฐบาลที่แบ่งพรรค และอันดับที่เก้า ร้อยละ 72.9 เห็นด้วยที่ว่า นโยบายที่คณะรัฐมนตรี อนุมัติถือเป็นเป้าหมายหรือทิศทางร่วมกันเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ
พร้อมกันนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 83.5 และร้อยละ 91.2 เห็นว่าควรนำกฎเหล็ก 9 ข้อของนายกรัฐมนตรีไปปรับประยุกต์ใช้กับข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมือง ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลและประชาชนทั่วไปช่วยกันเร่งรณรงค์ ในโอกาสวันมาฆบูชาและวันวาเลนไทน์ที่กำลังใกล้จะเข้ามาถึง พบ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 94.3 ต้องการให้รณรงค์ความเป็นหนึ่งเดียวกันแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รองลงมา ร้อยละ 92.5 รณรงค์ให้คนไทยรักกัน และอันดับสาม ร้อยละ 91.6 รณรงค์ให้คนไทยเป็นคนดีของสังคม ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
นอกจากนี้ ประเด็นที่น่าสนใจคือ ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 70.2 ยังคงให้โอกาสรัฐบาลมากกว่า 6 เดือนขึ้นไปในการทำงาน ขณะที่ร้อยละ 15.6 ให้โอกาส แต่ไม่เกิน 6 เดือน และร้อยละ 14.2 ไม่ให้โอกาสแล้ว
**สวนดุสิตโพลชี้ ปชช.พอใจรมต.ใหม่
ด้านสวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชน ในหัวข้อ “คิดอย่างไรกับการปรับ ครม. 5 ตำแหน่ง” พบ ร้อยละ 49.37 ค่อนข้างพึงพอใจ เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆ ที่เหมาะสมได้เข้ามาบริหารงาน มีคุณสมบัติและประสบการณ์สูง ร้อยละ 68.01 เห็นว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้จะทำให้รัฐบาลทำงานได้เหมือนเดิม เพราะผู้ที่มาจากพรรคเดียวกันอาจมีแนวทางการปฏิบัติงานหรือดำเนินงานไปในรูปแบบเดียวกัน ขณะที่ร้อยละ 69.12 เห็นว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ ประชาชนมีความเชื่อมั่นรัฐบาลเท่าเดิม เพราะยังเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี และนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชนว่าจะทำให้สำเร็จได้
ทั้งนี้ ประชาชน ร้อยละ 38.92 อยากฝากนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่เห็นแก่พวกพ้อง ร้อยละ 43.74 จะขอเป็นกำลังให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติงานได้ด้วยดีเหมือนที่ทำไว้ที่กระทรวงศึกษาธิการ ส่วนร้อยละ 36.09 อยากฝากให้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินหน้าด้านการศึกษาที่เป็นนโยบายสำคัญๆ ต่อไป ร้อยละ 35.47 อยากฝากให้นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติหน้าที่เต็มความสามารถ บริหารงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ และร้อยละ 40.45 อยากให้นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารสุข ร่วมมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผลักดันและแก้ปัญหาต่างๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ขณะที่ ร้อยละ 60.97 ประชาชนได้ประโยชน์จากการปรับ ครม.ครั้งนี้ คือ ความมั่นใจ สบายใจ ความมั่นคงของรัฐบาลมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารประเทศและความเป็นของประชาชน
วานนี้ (17 ม.ค.) นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัย “เอแบคเรียลไทม์โพล” เรื่องกฎเหล็ก 9 ข้อของนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในทรรศนะของสาธารณชนว่า จากการสำรวจความคิดเป็นของประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 15-16 มกราคมที่ผ่านมา พบกฎเหล็กที่ประชาชนเห็นด้วยมากที่สุดอันดับแรก คือ ร้อยละ 86.8 เห็นด้วยกับการให้รัฐมนตรีทุกคนปฏิบัติตน และให้ระมัดระวังเป็นพิเศษสำหรับพฤติกรรมที่จะนำไปสู่ความเชื่อมั่นของประชาชน รองลงมาอันดับสอง-สาม สัดส่วนเท่ากันที่ร้อยละ 85.2 ให้ยึดถือปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่สัตย์สุจริตอย่างเคร่งครัด และในรัฐบาลที่เชื่อมั่นวิถีทางประชาธิปไตยต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
ขณะที่อันดับสี่ ร้อยละ 84.9 เห็นด้วยที่รัฐมนตรีทุกคนต้องเข้าร่วมประชุมสภาอย่างสม่ำเสมอ ต้องไปรับฟังความคิดเห็นและตอบกระทู้ของ ส.ส. อันดับที่ห้า ร้อยละ 84.2 เห็นด้วยที่รัฐบาลชุดนี้ ต้องพร้อมรับการตรวจสอบ ทั้งในเชิงนโยบายและเรื่องอื่นๆ อันดับที่หก ร้อยละ 82.1 เห็นด้วยให้คณะรัฐมนตรีน้อมนำพระบรมราโชวาท เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะเรื่องการปฏิบัติงานให้เกิดความเรียบร้อยและเกิดความสุขในหมู่ประชาชน อันดับที่เจ็ด ร้อยละ 81.2 รัฐมนตรีทุกคนไม่มีสิทธิเหนือประชาชนคนอื่นๆ ในแง่การปฏิบัติตามกฎหมาย
อันดับที่แปด ร้อยละ 79.1 ระบุเห็นด้วยกับกฎเหล็กที่ว่า ในภาวะวิกฤตการทำงานของรัฐบาลต้องเป็นไปด้วยความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ต้องไม่เป็นรัฐบาลที่แบ่งพรรค และอันดับที่เก้า ร้อยละ 72.9 เห็นด้วยที่ว่า นโยบายที่คณะรัฐมนตรี อนุมัติถือเป็นเป้าหมายหรือทิศทางร่วมกันเพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ
พร้อมกันนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 83.5 และร้อยละ 91.2 เห็นว่าควรนำกฎเหล็ก 9 ข้อของนายกรัฐมนตรีไปปรับประยุกต์ใช้กับข้าราชการประจำ และข้าราชการการเมือง ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลและประชาชนทั่วไปช่วยกันเร่งรณรงค์ ในโอกาสวันมาฆบูชาและวันวาเลนไทน์ที่กำลังใกล้จะเข้ามาถึง พบ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 94.3 ต้องการให้รณรงค์ความเป็นหนึ่งเดียวกันแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รองลงมา ร้อยละ 92.5 รณรงค์ให้คนไทยรักกัน และอันดับสาม ร้อยละ 91.6 รณรงค์ให้คนไทยเป็นคนดีของสังคม ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
นอกจากนี้ ประเด็นที่น่าสนใจคือ ประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 70.2 ยังคงให้โอกาสรัฐบาลมากกว่า 6 เดือนขึ้นไปในการทำงาน ขณะที่ร้อยละ 15.6 ให้โอกาส แต่ไม่เกิน 6 เดือน และร้อยละ 14.2 ไม่ให้โอกาสแล้ว
**สวนดุสิตโพลชี้ ปชช.พอใจรมต.ใหม่
ด้านสวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชน ในหัวข้อ “คิดอย่างไรกับการปรับ ครม. 5 ตำแหน่ง” พบ ร้อยละ 49.37 ค่อนข้างพึงพอใจ เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆ ที่เหมาะสมได้เข้ามาบริหารงาน มีคุณสมบัติและประสบการณ์สูง ร้อยละ 68.01 เห็นว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้จะทำให้รัฐบาลทำงานได้เหมือนเดิม เพราะผู้ที่มาจากพรรคเดียวกันอาจมีแนวทางการปฏิบัติงานหรือดำเนินงานไปในรูปแบบเดียวกัน ขณะที่ร้อยละ 69.12 เห็นว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ ประชาชนมีความเชื่อมั่นรัฐบาลเท่าเดิม เพราะยังเชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี และนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชนว่าจะทำให้สำเร็จได้
ทั้งนี้ ประชาชน ร้อยละ 38.92 อยากฝากนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ให้ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่เห็นแก่พวกพ้อง ร้อยละ 43.74 จะขอเป็นกำลังให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติงานได้ด้วยดีเหมือนที่ทำไว้ที่กระทรวงศึกษาธิการ ส่วนร้อยละ 36.09 อยากฝากให้นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินหน้าด้านการศึกษาที่เป็นนโยบายสำคัญๆ ต่อไป ร้อยละ 35.47 อยากฝากให้นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติหน้าที่เต็มความสามารถ บริหารงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ และร้อยละ 40.45 อยากให้นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารสุข ร่วมมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผลักดันและแก้ปัญหาต่างๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ขณะที่ ร้อยละ 60.97 ประชาชนได้ประโยชน์จากการปรับ ครม.ครั้งนี้ คือ ความมั่นใจ สบายใจ ความมั่นคงของรัฐบาลมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารประเทศและความเป็นของประชาชน
