ASTVผู้จัดการรายวัน-แบงก์ชาติระบุพ.ร.บ.ธปท.ฉบับใหม่ที่ขยายขอบเขตการลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ของธปท.สามารถช่วยสร้างให้ผลตอบแทนที่ดีและส่งผลให้งบการเงินปี 52 ดีขึ้น เร่งขออนุมัติบอร์ดแบงก์ชาติเพิ่มเติมประเภทการลงทุน มั่นใจส่งผลดีงบการเงินปีถัดไป ขณะที่งบการเงินล่าสุดปี 52 อยู่ระหว่างสตง.ตรวจสอบ คาดประกาศเป็นทางการได้ในเดือนเม.ย.ปีนี้
นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ธปท.ประกาศใช้พ.ร.บ.ธปท.พ.ศ.2551 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุดที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหากฎหมายภายใต้จากพ.ร.บ.ธปท.พ.ศ.2485 ทำให้ในเบื้องต้นสามารถขยายการลงทุนในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศได้เพิ่มเติม ซึ่งเฉพาะส่วนสินทรัพย์ของธปท.ไม่ได้เกี่ยวกับสินทรัพย์ในทุนสำรองเงินตรา เพื่อเป็นช่องทางให้มีโอกาสหาผลตอบแทนได้เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้งบการเงินปี 52ของธปท.ล่าสุดนี้ดีขึ้น
ทั้งนี้ แม้ในกฎหมายฉบับใหม่จะขยายกรอบการลงทุนสินทรัพย์ของธปท.ได้เพิ่มเติม แต่การจะนำสินทรัพย์ไปลงทุนก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการธปท.(กกธ.) หรือบอร์ดแบงก์ชาติเสียก่อน ซึ่งในปี 52 ธปท.ได้ขออนุมัติจากบอร์ดแบงก์ชาติชุดเก่าได้บางส่วนเท่านั้น ทำให้ในรอบปี 52 ยังมีเครื่องมือในการบริหารไม่ได้ทั้งหมด แต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทยอยนำส่งเรื่องดังกล่าวให้บอร์ดแบงก์ชาติชุดปัจจุบันพิจารณา จึงคาดว่าจะได้ทยอยออกมาใช้บังคับในรอบการดำเนินของปีถัดไป
สำหรับความคืบหน้าการประกาศงบการเงินของธปท.ล่าสุดในปี 52นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบของธปท.กับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือนนับตั้งแต่วันสิ้นปีการเงินหรือประมาณเดือนมี.ค.ของทุกปี หลังจากนั้นก็ต้องได้รับการรับรองจากบอร์ดแบงก์ชาติก่อน โดยผู้ว่าการธปท.ได้รับรองและผู้สอบบัญชีได้ตรวจสอบและแสดงความเห็นแล้วถึงจะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงคาดว่างบการเงินปีล่าสุดสามารถประกาศอย่างเป็นทางการได้ประมาณเดือนเม.ย.ของปีนี้
อนึ่ง จากรายงานฐานะการเงินของธปท.ปี 52 เบื้องต้น โดยเป็นการเทียบช่วงต้นปี คือ วันที่ 1 ม.ค.52 กับสิ้นปีในวันที่ 24 ธ.ค.52 พบว่า ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น สะท้อนให้เห็นว่ายอดขาดทุนสะสมลดลง 3.06 หมื่นล้านบาท จากต้นปีอยู่ที่ 1.05 แสนล้านบาท มาอยู่ที่ 7.44 หมื่นล้านบาทในสิ้นปี ขณะที่สินทรัพย์ของธปท.เพิ่มขึ้น 8.23 แสนล้านบาท จากต้นปี 2.49 ล้านล้านบาทกลับมาอยู่ที่ระดับ 3.31
ล้านล้านบาทในปลายปี
นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ธปท.ประกาศใช้พ.ร.บ.ธปท.พ.ศ.2551 ซึ่งเป็นฉบับล่าสุดที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหากฎหมายภายใต้จากพ.ร.บ.ธปท.พ.ศ.2485 ทำให้ในเบื้องต้นสามารถขยายการลงทุนในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศได้เพิ่มเติม ซึ่งเฉพาะส่วนสินทรัพย์ของธปท.ไม่ได้เกี่ยวกับสินทรัพย์ในทุนสำรองเงินตรา เพื่อเป็นช่องทางให้มีโอกาสหาผลตอบแทนได้เพิ่มขึ้น ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้งบการเงินปี 52ของธปท.ล่าสุดนี้ดีขึ้น
ทั้งนี้ แม้ในกฎหมายฉบับใหม่จะขยายกรอบการลงทุนสินทรัพย์ของธปท.ได้เพิ่มเติม แต่การจะนำสินทรัพย์ไปลงทุนก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการธปท.(กกธ.) หรือบอร์ดแบงก์ชาติเสียก่อน ซึ่งในปี 52 ธปท.ได้ขออนุมัติจากบอร์ดแบงก์ชาติชุดเก่าได้บางส่วนเท่านั้น ทำให้ในรอบปี 52 ยังมีเครื่องมือในการบริหารไม่ได้ทั้งหมด แต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทยอยนำส่งเรื่องดังกล่าวให้บอร์ดแบงก์ชาติชุดปัจจุบันพิจารณา จึงคาดว่าจะได้ทยอยออกมาใช้บังคับในรอบการดำเนินของปีถัดไป
สำหรับความคืบหน้าการประกาศงบการเงินของธปท.ล่าสุดในปี 52นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบของธปท.กับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือนนับตั้งแต่วันสิ้นปีการเงินหรือประมาณเดือนมี.ค.ของทุกปี หลังจากนั้นก็ต้องได้รับการรับรองจากบอร์ดแบงก์ชาติก่อน โดยผู้ว่าการธปท.ได้รับรองและผู้สอบบัญชีได้ตรวจสอบและแสดงความเห็นแล้วถึงจะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงคาดว่างบการเงินปีล่าสุดสามารถประกาศอย่างเป็นทางการได้ประมาณเดือนเม.ย.ของปีนี้
อนึ่ง จากรายงานฐานะการเงินของธปท.ปี 52 เบื้องต้น โดยเป็นการเทียบช่วงต้นปี คือ วันที่ 1 ม.ค.52 กับสิ้นปีในวันที่ 24 ธ.ค.52 พบว่า ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น สะท้อนให้เห็นว่ายอดขาดทุนสะสมลดลง 3.06 หมื่นล้านบาท จากต้นปีอยู่ที่ 1.05 แสนล้านบาท มาอยู่ที่ 7.44 หมื่นล้านบาทในสิ้นปี ขณะที่สินทรัพย์ของธปท.เพิ่มขึ้น 8.23 แสนล้านบาท จากต้นปี 2.49 ล้านล้านบาทกลับมาอยู่ที่ระดับ 3.31
ล้านล้านบาทในปลายปี
