xs
xsm
sm
md
lg

แพทย์ราชวิถีโร่ฟ้องมาร์คผลสอบไทยเข้มแข็งสธ.หมอบรรลุเอียง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากกรณีที่นพ.จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 6 แจ้งความดำเนินคดีคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ซึ่งมี นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน จำนวน 8 คน จากทั้งหมด 9 คนยกเว้น พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ในข้อหาหมิ่นประมาท เนื่องจากคณะกรรมการฯสรุปผลการตรวจสอบว่า นพ.จักรกฤษณ์บกพร่องในหน้าที่กรณีการจัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยระบบแสงอัลตราไวโอเลตระบบปิดหรือยูวีแฟน ในราคาแพงเครื่องละ 9.9 หมื่นบาท โดยอ้างว่านำเข้าจากต่างประเทศ แต่ไม่สามารถหาเอกสารนำเข้าจากต่างประเทศมายืนยันได้ ซึ่งภายหลัง นพ.จักรกฤษณ์ ได้นำเอกสารการนำเข้ามาเปิดเผยและให้ข้อมูลว่าเครื่องยูวีแฟน ไม่ใช่เครื่องมือแพทย์จึงไม่จำเป็นต้องแจ้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) นั้น
นพ.วชิระ บถพิบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมพวง จ.นครราชสีมา หนึ่งในกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ กล่าวว่า เป็นสิทธิของ นพ.จักรกฤษณ์ที่จะดำเนินการฟ้องร้องได้ ซึ่งในกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการฯใช้เวลากับเรื่องเครื่องยูวีแฟนนานมาก และต้องยอมรับว่าเครื่องชนิดนี้บุคลากรทางการแพทย์ ไม่เคยรู้จักมาก่อน จึงต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม ด้วยการสอบถามไปยัง อย.ก็ได้รับข้อมูลว่าไม่มีเอกสารการขึ้นทะเบียน และเครื่องนี้ไม่จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ไม่ต้องขึ้นทะเบียน จากนั้นจึงตรวจสอบไปยังกรมศุลกากร มีเอกสารการนำเข้า เครื่องนี้จริง และข้อมูลทั้งหมดนี้ก็ระบุอยู่ในเอกสารรายงาน ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ส่งให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ส่วนคณะกรรมการฯได้ขอเอกสารการนำเข้าจากบริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ขายเครื่องนี้ให้รพ.ใน จ.นครศรีธรรมราชหรือไม่นั้น นพ.วชิระ กล่าวว่า จำได้คลับคล้ายคลับคราว่าได้ขอเอกสารกับทางบริษัท
เมื่อถามต่อว่า เมื่อคณะกรรมการทราบว่าเครื่องนี้ไม่ใช่เครื่องมือแพทย์และนำเข้าจากต่างประเทศจริง เหตุใดในเอกสารสรุปรายงานการสอบสวนข้อเท็จจริง ฉบับที่ 9 กรณีเครื่อ งUV Fan หน้า 15 จึงระบุว่า ไม่มีหลักฐานการนำเข้าจากต่างประเทศและบริษัท มาซูม่าฯไม่สามารถส่งหลักฐานการนําเข้าแก่คณะกรรมการได้ นพ.วชิระ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถาม นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการและคณะกรรมการตรวจสอบฯ
ขณะที่ วานนี้ (15 ม.ค.) พญ.อรพรรณ์ เมธาดิลกกุล แพทย์โรงพยาบาลราชวิถี ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขอให้ตรวจสอบ นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงพาณิชย์ และนพ.วิชัย โชควิวัฒน์ เลขานุการคณะกรรมการฯ กรณีปกปิด ความไม่เป็นกลางในการตรวจสอบโครงการไทยเข้มแข็ง โดยประเด็นที่ต้องตรวจสอบ คือ ผู้ตรวจสอบขาดคุณสมบัติความเป็นกลาง เป็นเอ็นจีโอสาธารณสุข รับงบเอ็นจีโอสาธารณสุขจากเงินภาษีประชาชไปใช้ และ เป็นกล่มเดียวกับผู้ร้องที่เรียกตัวเองว่าแพทย์ชนบท
ทั้งนี้คณะกรรมการชุดนี้มีวิธีการสอบและดำเนินการที่ไม่เป็นมาตรฐาน เช่น กรณี นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย เลขาธิการมูลนิธิแพทย์ชนบทที่ร้องว่า มีการทุจรติแต่ไม่พบ เมื่อสรุปผลกลับให้ความเห็นเชิงบริหารว่ามีพฤติกรรมส่อไปในทางมิชอบ เป็นหน้าที่ต้องรับผิดชอบ อีกทั้งผู้ร้องมีผลประโยชน์ส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการไทยเข้มแข็ง รวมถึงต้องตรวจสอบความเป็นมาของแพทย์ชนบทและเอ็นจีโอสาธารณสุข ที่กล่าวอ้างว่ามีการทุจริตงบเอ็นจีโอสาธารณสุข งบกองทุน สสส. และ สปสช. โดยปราศจากการตรวจสอบจากกระทรวงการคลัง
พญ.อรพรรณ์ กล่าวว่าอีกทั้งการดำเนินการต่างๆ ของคณะแพทย์และเอ็นจีโอสาธารณสุข โดยเฉพาะ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ส.กทม. ซึ่งใช้งบไทยเข้มแข็ง ต้องการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร โดย นพ.วิชัย เสนอแต่งตั้ง นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ เป็นปลัดกระทรวง เพื่อให้เข้าไปดูแลงบประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ดังนั้นจึงขอเรียกร้อง ให้ตรวจสอบคณะกรรมการดังกล่าว และ งดชั่วคราวในการให้งบอุดหนุนเอ็นจีโอ สาธารณสุข ในทุกแหล่งงบประมาณไว้ก่อน รวมถึงชะลอการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงไว้ระยะหนึ่ง และ ทำการตรวจสอบโครงการใหญ่ที่ เอ็นจีโอสาธารณสุขเข้าไปมีส่วนในการจัดการและใช้งบประมาณ เช่น สสส. และ สปสช.
ด้านนายมานิต นพอมรบดี อดีต รมช.สาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า ตนจะยังไม่ดำเนินการทางกฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่งกับคณะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงฯ เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดความแตกแยกใน สธ.มากไปกว่านี้ และหากตนดำเนินการใดๆ ก็จะถูกกล่าวหาว่าฝ่ายการเมืองแทรกแซงอีก อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้นักกฎหมายพิจารณาสรุปผลการตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย
ส่วนที่มีแพทย์หลายส่วนออกมาตั้งข้อสังเกตต่อผลการตรวจสอบและมีแพทย์บางกลุ่มคิดว่าเป็นกระบวนการดิสเครดิตคณะกรรมการฯนั้น นายมานิต กล่าวว่า คงจะไม่ใช่กระบวนการดิสเครดิต แต่แพทย์ในกระทรวงสาธารณสุขคงจะเหลืออดแล้ว ตนเชื่อมั่นในเกียรติ ศักดิ์ศรีของแพทย์กระทรวงสาธารณสุขว่า ไม่มีใครสามารถสั่งหรือชี้นำเขาได้
การที่แพทย์ในกระทรวงสาธารณสุขอกมาเคลื่อนไหวพร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมาย คงเพราะไม่อยากให้คนแค่ 3 คนทำให้กระทรวงฯปั่นป่วนอีกต่อไป ไม่ใช่ฝ่ายการเมืองชักจูงแน่นอน
แหล่งข่าวในกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้หลายฝ่ายมีความเป็นห่วง เรื่องกระแสข่าวการโยกย้าย นพ.สุชาติ เลาบริพัตร อดีต ผอ.สำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค(สบภ.) ไปเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครราชสีมา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง คงไม่สามารถยอมรับได้ เพราะก่อนหน้านี้ นพ.สุชาติ มีความไม่โปร่งใสเรื่องการจัดทำงบประมาณในโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ. และมีความเกี่ยวข้องในกระบวนการบรรจุให้จัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยแสงอัลตร้าไวโอเลตแบบระบบปิด (ยูวีแฟน) จนทำให้ปลัด สธ. ต้องสั่งย้ายไปช่วยราชการ ที่กองวิชาการ สำนักงานปลัด และต่อมาคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุด นพ.บรรลุ สรุปว่า นพ.สุชาติ เป็น 1 ในข้าราชการที่มีความประพฤติที่ส่อไม่สุจริต ควรถูกสอบสวนทางวินัยสธ.
ด้านนพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ. ยืนยันว่า นพ.สุชาติ ยังอยู่ช่วยราชการ กองวิชาการ สำนักงานปลัด สธ. ตามเดิมและยังไม่มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนพ.สุชาติ ไปจนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องกระบวนการตรวจสอบความผิดทางวินัยเรื่อง โครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะต้องรอความชัดเจนจากนายกรัฐมนตรี ว่าจะมีการสั่งการลงโทษทางวินัย หรือกระบวนการตรวจสอบอย่างไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น