ปลัด สธ.นำข้าราชการกระทรวงหมอ ตบเท้าแจงนายกฯ ยันไม่ได้มาขอความเป็นธรรม ยันไม่ผิด แค่เข้าข่ายบกพร่อง ไม่ได้โกง ยังยืนต่อหน้าคนได้สง่าผ่าเผย ชี้ไทยเข้มแข็งโครงการดี แต่คงต้องปรับปรุงกวดขันให้ละเอียดกว่านี้ ลั่นประชาชนไม่เสียประโยชน์แน่
วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยตัวแทนข้าราชการระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาการเข้าพบประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งภายหลังการเข้าพบ นพ.ไพจิตร์ เปิดเผยว่า ที่ตั้งใจมาคือเรียนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานในโครงการไทยเข้มแข็ง ของกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นปัญหาว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร พวกเราได้ทำอะไรไปบ้าง และมาขอนโยบายจากนายกฯ ว่า เราอยากเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ เพราะเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน นายกฯ ก็กรุณาให้นโยบาย นี่คือวัตถุประสงค์หลักในการมาขอข้าพบนายกฯ ไม่ได้ตั้งใจจะมาเพื่อขอความเป็นธรรมหรืออะไร อันนั้นเป็นเรื่องของนายกฯ ซึ่งคิดว่าท่านกรุณาพวกเราอยู่แล้ว
ขณะที่การตั้งคณะกรรมการสอบวินัยข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจิตในโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขนั้น เป็นอำนาจนายกฯ ที่จะดำเนินการพวกตนมีหน้าที่รับนโยบาย ข้าราชการไม่มีสิทธิ์ขัดข้องหรือไม่ขัดข้อง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้าราชการประจำมันมีระเบียบแบบแผน มีองค์กรรองรับ เช่น ศาลปกครอง คระกรรมการคุ้มครองคุณธรรมของ ก.พ. หากเห็นว่าผลสอบไม่เป็นธรรมก็สามารถไปฟ้องร้องต่อหน่วยงานที่มีอยู่ได้ ซึ่งในส่วนของตนไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการทุจริต ตนอาจเข้าข่ายบกพร่องเท่านั้นเอง แต่ขึ้นกับการตัดสินใจของนายกฯ ทั้งนี้ คนเราต้องรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ ดังนั้น ตนคิดว่ายังยืนดูหน้าคนได้อย่างสง่าผ่าเผย พวกตนยังไม่ได้ทำอะไร และข้าราชการที่อยู่กระทรวงรู้ดีว่ากี่เดือนที่นั่งทำงาน ทำอะไรบ้าง ตนยังยืนมองคนได้อย่างเต็มตาและชัดเจน
ส่วนกรณีที่นายกฯ ให้ไปทบทวนเรื่องงบประมาณและตัดโครงการที่ไม่จำเป็นทิ้งนั้น นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ตนได้ขอเวลานายกฯไป ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเสร็จกี่วัน แต่จะทำให้เร็วที่สุด โครงการไทยเข้มแข็งโดยหลักการดีมาก ประชาชนได้ประโยชน์ ตัวระบบการให้บริการกับประชาชนจะมีการพัฒนาขึ้นมาก ต้องเรียนว่าโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเราไม่ได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมาสิบกว่าปีแล้ว หากไม่มีการพัฒนาวันหลังอาจกลายเป็นโรงพยาบาลชั้นสองไปหมด
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ต่อไปหากมีโครงการอะไรในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขคงต้องเข้มงวดกวดขันมากขึ้น เราพยายามจะดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุด ทั้งนี้การที่วันนี้เรามีระบบบตรวจสอบที่เข้มแข็งเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ทุกอย่างดี ประชาชนจะได้สบายใจคนที่ทำงานก็สบายใจ ไม่ต้องห่วง ทั้งนี้ นายวิทยาได้มอบนโยบายชัดเจนมาตั้งแต่ต้น เราก็ดำเนินการตามนโยบายไปก่อนในระหว่างที่รอรัฐนตรีว่าการคนใหม่เข้ามา ไม่ได้ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์แน่นอน ขอยืนยันได้
วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยตัวแทนข้าราชการระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาการเข้าพบประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งภายหลังการเข้าพบ นพ.ไพจิตร์ เปิดเผยว่า ที่ตั้งใจมาคือเรียนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานในโครงการไทยเข้มแข็ง ของกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นปัญหาว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร พวกเราได้ทำอะไรไปบ้าง และมาขอนโยบายจากนายกฯ ว่า เราอยากเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ เพราะเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน นายกฯ ก็กรุณาให้นโยบาย นี่คือวัตถุประสงค์หลักในการมาขอข้าพบนายกฯ ไม่ได้ตั้งใจจะมาเพื่อขอความเป็นธรรมหรืออะไร อันนั้นเป็นเรื่องของนายกฯ ซึ่งคิดว่าท่านกรุณาพวกเราอยู่แล้ว
ขณะที่การตั้งคณะกรรมการสอบวินัยข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจิตในโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขนั้น เป็นอำนาจนายกฯ ที่จะดำเนินการพวกตนมีหน้าที่รับนโยบาย ข้าราชการไม่มีสิทธิ์ขัดข้องหรือไม่ขัดข้อง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้าราชการประจำมันมีระเบียบแบบแผน มีองค์กรรองรับ เช่น ศาลปกครอง คระกรรมการคุ้มครองคุณธรรมของ ก.พ. หากเห็นว่าผลสอบไม่เป็นธรรมก็สามารถไปฟ้องร้องต่อหน่วยงานที่มีอยู่ได้ ซึ่งในส่วนของตนไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการทุจริต ตนอาจเข้าข่ายบกพร่องเท่านั้นเอง แต่ขึ้นกับการตัดสินใจของนายกฯ ทั้งนี้ คนเราต้องรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ ดังนั้น ตนคิดว่ายังยืนดูหน้าคนได้อย่างสง่าผ่าเผย พวกตนยังไม่ได้ทำอะไร และข้าราชการที่อยู่กระทรวงรู้ดีว่ากี่เดือนที่นั่งทำงาน ทำอะไรบ้าง ตนยังยืนมองคนได้อย่างเต็มตาและชัดเจน
ส่วนกรณีที่นายกฯ ให้ไปทบทวนเรื่องงบประมาณและตัดโครงการที่ไม่จำเป็นทิ้งนั้น นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ตนได้ขอเวลานายกฯไป ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเสร็จกี่วัน แต่จะทำให้เร็วที่สุด โครงการไทยเข้มแข็งโดยหลักการดีมาก ประชาชนได้ประโยชน์ ตัวระบบการให้บริการกับประชาชนจะมีการพัฒนาขึ้นมาก ต้องเรียนว่าโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเราไม่ได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมาสิบกว่าปีแล้ว หากไม่มีการพัฒนาวันหลังอาจกลายเป็นโรงพยาบาลชั้นสองไปหมด
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ต่อไปหากมีโครงการอะไรในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขคงต้องเข้มงวดกวดขันมากขึ้น เราพยายามจะดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุด ทั้งนี้การที่วันนี้เรามีระบบบตรวจสอบที่เข้มแข็งเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ทุกอย่างดี ประชาชนจะได้สบายใจคนที่ทำงานก็สบายใจ ไม่ต้องห่วง ทั้งนี้ นายวิทยาได้มอบนโยบายชัดเจนมาตั้งแต่ต้น เราก็ดำเนินการตามนโยบายไปก่อนในระหว่างที่รอรัฐนตรีว่าการคนใหม่เข้ามา ไม่ได้ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์แน่นอน ขอยืนยันได้