SCRI ประเมินว่า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในปี 1H/53 จะยังคงมีความผันผวนสูง โดยใน Q1/53 จะมีประเด็นเรื่องการต่ออายุมาตรการลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมการโอน โดยไม่ว่าจะมีการต่ออายุหรือไม่จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มและกิจกรรมของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมากโดยเฉพาะความสมดุลของอุปสงค์และอุปทาน ขณะที่ในช่วง Q2/53 ปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ยและการปรับราคาขายที่อยู่อาศัย จะเริ่มเป็นปัจจัยที่จะต้องจับตามมองเพิ่มมากขึ้น SCRI ประเมินจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในปี 2553 เติบโต 13% yoy ทั้งมูลค่าและจำนวนเป็นเท่ากับ 58,000 หน่วยและเท่ากับ 195,000 ล้านบาท SCRI คงน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ " NEUTRAL " และเน้นนำหนักการลงทุนที่ QH สำหรับปี 2553 หากใช้อัตราการเติบโตของผลประกอบการ (Growth Stock) เป็นปัจจัยหลักในการลงทุน ขณะที่หากเน้นที่ผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับสูง SCRI จะเลือก SPALI เป็น Dividend Stock ของกลุ่ม
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2552 เมื่อศึกษาถึงจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 51,277 หน่วยลดลง 24.4% yoy และต่ำกว่าที่ SCRI คาดไว้ที่ 53,000 หน่วย ขณะที่มูลค่าทั้งหมดเท่ากับ 172,838 ล้านบาทลดลง 6.2% yoy และต่ำกว่าที่ SCRI คาดไว้ที่ 180,000 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ทั้งจำนวนและมูลค่าต่ำกว่าที่ SCRI คาดการณ์ไว้คือ การชะลอตัวของตลาดในเดือน ธ.ค. ซึ่งมีการเปิดโครงการใหม่ค่อนข้างน้อยถึงแม้จะเป็นช่วงเดือนสุดท้ายที่ผู้ซื้อและโอนกรรมสิทธิ์จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 300,000 บาท แต่ผู้ประกอบการส่วนมากเน้นการขายโครงการที่เป็นสินค้าคงค้าง (Inventory) มากกว่าการเปิดโครงการใหม่
Q1/53 ปัจจัยการต่ออายุการลดหย่อนมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จะเป็นกุญแจหลักของกลุ่ม หากใช้ยอดและกำไรเป็นปัจจัยชี้วัด คาดอาจจะไม่มีการต่ออายุ: จากจุดประสงค์การกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์เมื่อกว่า 2 ปีที่ผ่านมาด้วยการออกมาตรการลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เป็น 0.11% ค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เป็น 0.01% และค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1% เป็น 0.01% ซึ่งจะหมดอายุการลดหย่อนในวันที่ 28 มี.ค. 2553 โดยปัจจัยการยืดอายุการลดหย่อนต่อหรือไม่ เป็นประเด็นที่ทั้งผู้ประกอบการและนักลงทุนจับตามมอง ซึ่งหากไม่มีการต่ออายุ SCRI คาดจะเกิดการเร่งโอนมากขึ้นใน Q1/53 แต่ผู้ประกอบการจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 4.19% ทันทีที่มาตรการหมดอายุ และจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในปี 2553 SCRI ประเมินว่าหากใช้ปัจจัยเรื่องผลประกอบการของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ทั้งยอดขายและผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่บางธุรกิจต้องเผชิญวิกฤตด้านการเงิน SCRI ประเมินว่าอาจจะไม่มีการต่ออายุการลดหย่อนในปี 2553
SCRI คงน้ำหนักการลงทุนของ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ "NEUTRAL " และเลือก QH เป็น Stock Pick : บนสมมุติฐานของอนุรักษ์นิยมที่ไม่มีการต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ บริษัทที่จะมีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง คือ QH / PS ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบถึงระดับราคาในปัจจุบันและผลตอบแทนจากเงินปันผลแล้ว SCRI ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนใน QH มากกว่า
QH : คาดปี 2552 และ 2553 จะเติบโตต่อเนื่อง ** จากระดับยอด Presale ที่ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีทั้งโครงการประเภทแนวราบและคอนโดมิเนียมซึ่งจะเป็นปัจจัยต่อยอดการเติบโตของผลประกอบการในปี 2553 SCRI มีมุมมองที่เป็นบวกต่อ QH และคาดรายได้ปี 2553 คาดเท่ากับ 14,653 ล้านบาทเติบโต 35.2% yoy ขณะกำไรสุทธิคาดที่ 2,034 ล้านบาทเติบโต 29% yoy บนสมมุติบานของการกลับไปจ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมการโอนอัตราปกติ SCRI ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ QH ด้วยวิธี P/BV ที่ 1.8 เท่าได้ราคาที่เหมาะสมในปี 2553 เท่ากับ 3.40 ต่อหุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ”
**PS : SCRI คาดรายได้ของปี 2552 ที่เท่ากับ 17,019 ล้านบาท **สะท้อนการเติบโต 31.2% ขณะที่กำไรสุทธิคาดเท่ากับ 3,151 ล้านบาทเติบโตถึง 32.8% yoy ขณะที่ในปี 2553 แผนการเปิดโครงการใหม่เดิมมีเพียง 40 โครงการแต่มีการวางแผนเพิ่มขึ้นอีก 8 โครงการเป็น 48 โครงการ ส่งผลให้คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิในปี 2553 จะดีกว่าที่คาดไว้เดิมที่เติบโต 12.5% yoyเป็นเท่ากับ 19,139 ล้านบาทส่วนกำไรสุทธิคาดที่ 3,309 ล้านบาทเติบโต 5% yoy แนวโน้มเป็นบวกและเพิ่มน้ำหนักการลงทุนจากเดิมแนะนำ “HOLD” ราคาที่เหมาะสมก่อนการปรับประมาณการเท่ากับ 14.50 บาท ด้วยวิธี P/BV ที่ 2.1 เท่า (PE 11.67 เท่า)
SPALI : SCRI คาดรายได้ของ SPALI ในปี 2552 ที่เท่ากับ 9,229 ล้านบาท สะท้อนการเติบโต 50% yoy ขณะที่อัตราการทำกำไรขั้นต้นจากโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งสร้างกำไรได้ดีส่งผลให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยของปีเท่ากับ 43.8% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 39% และทำให้กำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดดเป็น 2,305 ล้านบาทเติบโต 116% yoy ส่วนปี 2553 SPALI มี Backlog รอรับรู้รายได้เท่ากับ 5,620 ล้านบาท และการเพิ่มจำนวนโครงการแนวราบในปี 2553 จากแผนเดิมอีก 4 โครงการส่งผลให้มูลค่าของโครงการใหม่ในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 12,600 ล้านบาทจกแผนเดิมที่ 7,810 ล้านบาท SCRI คาดรายได้ในปี 2553 เท่ากับ 9,681 ล้านบาทเติบโต 4.9% yoy กำไรสุทธิจะลดลง 8% เป็นเท่ากับ 2,120 ล้านบาท SCRI ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ SPALI ในปี 2553 ที่เท่ากับ 7.00 บาทต่อหุ้นด้วยวิธี P/BV ที่ 1.4 เท่า
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2552 เมื่อศึกษาถึงจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 51,277 หน่วยลดลง 24.4% yoy และต่ำกว่าที่ SCRI คาดไว้ที่ 53,000 หน่วย ขณะที่มูลค่าทั้งหมดเท่ากับ 172,838 ล้านบาทลดลง 6.2% yoy และต่ำกว่าที่ SCRI คาดไว้ที่ 180,000 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ทั้งจำนวนและมูลค่าต่ำกว่าที่ SCRI คาดการณ์ไว้คือ การชะลอตัวของตลาดในเดือน ธ.ค. ซึ่งมีการเปิดโครงการใหม่ค่อนข้างน้อยถึงแม้จะเป็นช่วงเดือนสุดท้ายที่ผู้ซื้อและโอนกรรมสิทธิ์จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 300,000 บาท แต่ผู้ประกอบการส่วนมากเน้นการขายโครงการที่เป็นสินค้าคงค้าง (Inventory) มากกว่าการเปิดโครงการใหม่
Q1/53 ปัจจัยการต่ออายุการลดหย่อนมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จะเป็นกุญแจหลักของกลุ่ม หากใช้ยอดและกำไรเป็นปัจจัยชี้วัด คาดอาจจะไม่มีการต่ออายุ: จากจุดประสงค์การกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์เมื่อกว่า 2 ปีที่ผ่านมาด้วยการออกมาตรการลดหย่อนภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เป็น 0.11% ค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เป็น 0.01% และค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1% เป็น 0.01% ซึ่งจะหมดอายุการลดหย่อนในวันที่ 28 มี.ค. 2553 โดยปัจจัยการยืดอายุการลดหย่อนต่อหรือไม่ เป็นประเด็นที่ทั้งผู้ประกอบการและนักลงทุนจับตามมอง ซึ่งหากไม่มีการต่ออายุ SCRI คาดจะเกิดการเร่งโอนมากขึ้นใน Q1/53 แต่ผู้ประกอบการจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 4.19% ทันทีที่มาตรการหมดอายุ และจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในปี 2553 SCRI ประเมินว่าหากใช้ปัจจัยเรื่องผลประกอบการของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ทั้งยอดขายและผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่บางธุรกิจต้องเผชิญวิกฤตด้านการเงิน SCRI ประเมินว่าอาจจะไม่มีการต่ออายุการลดหย่อนในปี 2553
SCRI คงน้ำหนักการลงทุนของ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ "NEUTRAL " และเลือก QH เป็น Stock Pick : บนสมมุติฐานของอนุรักษ์นิยมที่ไม่มีการต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ บริษัทที่จะมีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง คือ QH / PS ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบถึงระดับราคาในปัจจุบันและผลตอบแทนจากเงินปันผลแล้ว SCRI ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนใน QH มากกว่า
QH : คาดปี 2552 และ 2553 จะเติบโตต่อเนื่อง ** จากระดับยอด Presale ที่ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีทั้งโครงการประเภทแนวราบและคอนโดมิเนียมซึ่งจะเป็นปัจจัยต่อยอดการเติบโตของผลประกอบการในปี 2553 SCRI มีมุมมองที่เป็นบวกต่อ QH และคาดรายได้ปี 2553 คาดเท่ากับ 14,653 ล้านบาทเติบโต 35.2% yoy ขณะกำไรสุทธิคาดที่ 2,034 ล้านบาทเติบโต 29% yoy บนสมมุติบานของการกลับไปจ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมการโอนอัตราปกติ SCRI ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ QH ด้วยวิธี P/BV ที่ 1.8 เท่าได้ราคาที่เหมาะสมในปี 2553 เท่ากับ 3.40 ต่อหุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ”
**PS : SCRI คาดรายได้ของปี 2552 ที่เท่ากับ 17,019 ล้านบาท **สะท้อนการเติบโต 31.2% ขณะที่กำไรสุทธิคาดเท่ากับ 3,151 ล้านบาทเติบโตถึง 32.8% yoy ขณะที่ในปี 2553 แผนการเปิดโครงการใหม่เดิมมีเพียง 40 โครงการแต่มีการวางแผนเพิ่มขึ้นอีก 8 โครงการเป็น 48 โครงการ ส่งผลให้คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิในปี 2553 จะดีกว่าที่คาดไว้เดิมที่เติบโต 12.5% yoyเป็นเท่ากับ 19,139 ล้านบาทส่วนกำไรสุทธิคาดที่ 3,309 ล้านบาทเติบโต 5% yoy แนวโน้มเป็นบวกและเพิ่มน้ำหนักการลงทุนจากเดิมแนะนำ “HOLD” ราคาที่เหมาะสมก่อนการปรับประมาณการเท่ากับ 14.50 บาท ด้วยวิธี P/BV ที่ 2.1 เท่า (PE 11.67 เท่า)
SPALI : SCRI คาดรายได้ของ SPALI ในปี 2552 ที่เท่ากับ 9,229 ล้านบาท สะท้อนการเติบโต 50% yoy ขณะที่อัตราการทำกำไรขั้นต้นจากโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งสร้างกำไรได้ดีส่งผลให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยของปีเท่ากับ 43.8% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 39% และทำให้กำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดดเป็น 2,305 ล้านบาทเติบโต 116% yoy ส่วนปี 2553 SPALI มี Backlog รอรับรู้รายได้เท่ากับ 5,620 ล้านบาท และการเพิ่มจำนวนโครงการแนวราบในปี 2553 จากแผนเดิมอีก 4 โครงการส่งผลให้มูลค่าของโครงการใหม่ในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 12,600 ล้านบาทจกแผนเดิมที่ 7,810 ล้านบาท SCRI คาดรายได้ในปี 2553 เท่ากับ 9,681 ล้านบาทเติบโต 4.9% yoy กำไรสุทธิจะลดลง 8% เป็นเท่ากับ 2,120 ล้านบาท SCRI ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ SPALI ในปี 2553 ที่เท่ากับ 7.00 บาทต่อหุ้นด้วยวิธี P/BV ที่ 1.4 เท่า