ASTVผู้จัดการรายวัน - “ขรรค์” กรี๊ด!!! ยอดโอนบ้านกระฉูดส่งท้ายปีหลังประชาชนรีบโอนก่อนมาตรการภาษีหมดอายุ โวสัปดาห์เดียวยอดพุ่งกว่า 4 พันล้าน เตรียมขายพอร์ตสินเชื่อ 5 หมื่นล้านให้ บตท.หวังระดมเงินต้นทุนต่ำแก้ปัญหาแย่งเงินฝากแบงก์พาณิชย์ดันต้นทุนเงินกู้พุ่ง
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลมีมาตรการให้นำวงเงินต้นจากการซื้อบ้านใหม่ มาหักลดหย่อนภาษีได้ 300,000 บาทภายในปี 52 นี้ ทำให้สัปดาห์สุดท้ายของเดือนธ.ค.นี้ลูกหนี้ที่ต้องการซื้อบ้านแห่มากันขอนัดโอนบ้านจำนวนมาก จนทำให้ช่วงสัปดาห์นี้เพียงสัปดาห์เดียวอาจมียอดสินเชื่อเข้ามากว่า 4,000 ล้านบาท จากปกติวงเงินดังกล่าวต้องใช้เวลานับเดือนในการปล่อยสินเชื่อ
“หลังจากช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้นัดให้ลูกค้ามาเตรียมตัวสำหรับการโอนบ้านในวันจันทร์ อังคาร เพราะหากโอนวันพุธ เจ้าหน้าที่กรมที่ดินคงดำเนินการไม่ทัน และหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว การปล่อยสินเชื่อในเดือนธ.ค.นี้ อาจทำได้ 9,700 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปีนี้มียอดปล่อยสินเชื่อเป็นไปตามเป้าหมาย 100,000ล้านบาทได้ และจากกรณีที่รัฐบาลมีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนองในการซื้อบ้าน ทำให้ต้นทุนในการโอนน้อยลง”
พร้อมกันนี้ ธอส.ได้ขายพอร์ตสินเชื่อคุณภาพให้บรรษัทตลาดรองที่อยู่อาศัย (บตท.) วงเงิน 50,000 ล้านบาท เพื่อลดต้นทุนจากการระดมเงินฝาก จากประชาชนนิยมฝากเงินระยะสั้น 1,3,6 เดือนหรือ 1 ปี โดยหันมาระดมเงินระยะยาว 5 ปี เพื่อหาแหล่งเงินกู้ระยะโดยยาวโดยไม่ต้องไปแย่งระดมเงินฝากกับธนาคารอื่น เนื่องจากลูกค้าที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่นิยมการขอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์ เพื่อให้ได้ดอกเบี้ยช่วงสั้นในอัตราต่ำ แต่หากรัฐบาลไม่มีมาตรการดังกล่าวออกมา พฤติกรรมที่ลูกค้าจะเร่งโอนบ้านคงลดลง เพราะการเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินกู้ทุกครั้งมีต้นทุนสูง
อีกทั้ง ยอมรับว่าการออกโครงการดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ระยะยาว 10 ปี ด้วยดอกเบี้ย 7% นั้นช่วงที่ผ่านมาได้รับความสนใจค่อนข้างน้อย เพราะขณะนี้ดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ 4.5% อีกทั้งเนื่องจากการดอกเบี้ย 1-2% ในช่วง 3 ปีแรก แต่ ธอส. ต้องการหาแนวทางออกโครงการดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ระยะยาว เช่น สินเชื่อ 15 ปี ดอกเบี้ย 4.5% มารองรับ แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการหาแหล่งเงินทุนมารองรับปล่อยสินเชื่อด้วย
นางดวงพร อาภาศิลป์ กรรมการและผู้จัดการ บตท. กล่าวว่า บตท.จะทยอยรับซื้อสินเชื่อจาก ธอส.วงเงิน 50,000 ล้านบาท ในช่วง 5 ปี ปีละ 10,000 ล้านบาท เพื่อไประดมทุนจากตลาดจากนักลงทุน เพื่อนำไปชะระเงินให้กับ ธอส.ดอกเบี้ยคงสูงกว่าตราสารหนี้ของรัฐบาลเล็กน้อย
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลมีมาตรการให้นำวงเงินต้นจากการซื้อบ้านใหม่ มาหักลดหย่อนภาษีได้ 300,000 บาทภายในปี 52 นี้ ทำให้สัปดาห์สุดท้ายของเดือนธ.ค.นี้ลูกหนี้ที่ต้องการซื้อบ้านแห่มากันขอนัดโอนบ้านจำนวนมาก จนทำให้ช่วงสัปดาห์นี้เพียงสัปดาห์เดียวอาจมียอดสินเชื่อเข้ามากว่า 4,000 ล้านบาท จากปกติวงเงินดังกล่าวต้องใช้เวลานับเดือนในการปล่อยสินเชื่อ
“หลังจากช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้นัดให้ลูกค้ามาเตรียมตัวสำหรับการโอนบ้านในวันจันทร์ อังคาร เพราะหากโอนวันพุธ เจ้าหน้าที่กรมที่ดินคงดำเนินการไม่ทัน และหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว การปล่อยสินเชื่อในเดือนธ.ค.นี้ อาจทำได้ 9,700 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปีนี้มียอดปล่อยสินเชื่อเป็นไปตามเป้าหมาย 100,000ล้านบาทได้ และจากกรณีที่รัฐบาลมีมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนองในการซื้อบ้าน ทำให้ต้นทุนในการโอนน้อยลง”
พร้อมกันนี้ ธอส.ได้ขายพอร์ตสินเชื่อคุณภาพให้บรรษัทตลาดรองที่อยู่อาศัย (บตท.) วงเงิน 50,000 ล้านบาท เพื่อลดต้นทุนจากการระดมเงินฝาก จากประชาชนนิยมฝากเงินระยะสั้น 1,3,6 เดือนหรือ 1 ปี โดยหันมาระดมเงินระยะยาว 5 ปี เพื่อหาแหล่งเงินกู้ระยะโดยยาวโดยไม่ต้องไปแย่งระดมเงินฝากกับธนาคารอื่น เนื่องจากลูกค้าที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่นิยมการขอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์ เพื่อให้ได้ดอกเบี้ยช่วงสั้นในอัตราต่ำ แต่หากรัฐบาลไม่มีมาตรการดังกล่าวออกมา พฤติกรรมที่ลูกค้าจะเร่งโอนบ้านคงลดลง เพราะการเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินกู้ทุกครั้งมีต้นทุนสูง
อีกทั้ง ยอมรับว่าการออกโครงการดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ระยะยาว 10 ปี ด้วยดอกเบี้ย 7% นั้นช่วงที่ผ่านมาได้รับความสนใจค่อนข้างน้อย เพราะขณะนี้ดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ 4.5% อีกทั้งเนื่องจากการดอกเบี้ย 1-2% ในช่วง 3 ปีแรก แต่ ธอส. ต้องการหาแนวทางออกโครงการดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ระยะยาว เช่น สินเชื่อ 15 ปี ดอกเบี้ย 4.5% มารองรับ แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการหาแหล่งเงินทุนมารองรับปล่อยสินเชื่อด้วย
นางดวงพร อาภาศิลป์ กรรมการและผู้จัดการ บตท. กล่าวว่า บตท.จะทยอยรับซื้อสินเชื่อจาก ธอส.วงเงิน 50,000 ล้านบาท ในช่วง 5 ปี ปีละ 10,000 ล้านบาท เพื่อไประดมทุนจากตลาดจากนักลงทุน เพื่อนำไปชะระเงินให้กับ ธอส.ดอกเบี้ยคงสูงกว่าตราสารหนี้ของรัฐบาลเล็กน้อย